LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"

กรมการขนส่งทางบก ชี้แจงกรณีโซเชียลแห่แชร์ 23 พ.ร.บ.จราจรใหม่ ปรับหนักมาก มีความคลาดเคลื่อน ยันการแต่งหน้า-กินข้าวบนรถ ไม่ผิดกฎหมาย วันที่ 26 มิถุนายน 2560 นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้ชี้แจงถึงกรณีที่มีการแชร์เรื่อง “23 พ.ร.บ.จราจรใหม่ ปรับหนักมาก” ในโซเชียลซึ่งมีการระบุความผิดเรื่องการแต่งหน้าและรับประทานอาหารบนรถ ซึ่งไม่เป็นความจริง ข้อมูลส่วนใหญ่คลาดเคลื่อน ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกได้ทำการชี้แจงข้อมูลดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง สำหรับเจ้าของรถทำการแก้ไขดัดแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ ต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพก่อนนำไปใช้ เนื่องจากการแก้ไขดัดแปลงดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอันตรายและเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุได้ สำหรับข้อมูลที่ถูกต้อง มีดังนี้ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ที่มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ได้แก่ -รถที่มีการโหลดเตี้ยหรือยกสูงที่วัดความสูงของโคมไฟจากพื้นราบน้อยกว่า 40 เซนติเมตร หรือสูงเกิน 1.35 เมตร - การเปลี่ยนท่อไอเสียที่มีระดับเสียงดังเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด - การติดไฟสปอร์ตไลท์ ติดไฟนีออนใต้ท้องรถหรือติดไว้กับแผ่นป้ายทะเบียน รวมถึงการปรับเปลี่ยนโคมไฟรถผิดไป จากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ซึ่งกำหนดให้มีแสงขาวหรือเหลืองอ่อน ไฟเลี้ยวต้องเป็นแสงสัญญาณกะพริบสีอำพัน ไฟหยุดต้องเป็นแสงแดง และไฟส่องป้ายทะเบียนต้องเป็นแสงขาวเท่านั้น ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ที่มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ประกอบด้วย - การไม่ติดแผ่นป้ายโดยวางไว้ที่กระจก ตัดต่ออัดกรอบใหม่ ติดป้ายเอียงหรือมีวัสดุปิดทับ - เปลี่ยนแปลงสีรถโดยไม่แจ้งนายทะเบียน - การถอดเบาะหลังออกเพื่อติดตั้งโรลบาร์ - ความผิดเกี่ยวกับการแก้ไขดัดแปลงซุ้มล้อหรือยางกว้างกว่าตัวถัง อาทิ การใส่ล้อยางเกินออกมานอกบังโคลน ใส่ล้อใหญ่จนแบะเพื่อหลบซุ้มหรือตีโป่งขยายซุ้มล้อ ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก ขอให้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ยุติการสร้างความสับสนแก่ประชาชน และขอให้ประชาชนอย่าเชื่อข้อมูลที่มาจากการแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในทันที ขอให้ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อนการแชร์ข้อมูล เพื่อลดปัญหาการส่งต่อข้อมูลที่ผิดพลาด ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลที่ถูกต้องได้ผ่านทางเว็บไซต์ กรมการขนส่งทางบก www.dlt.go.th หรือสอบถาม Call Center 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News ประเด็นที่เกี่ยวข้อง