(http://image.free.in.th/v/2013/ih/160824012340.jpg) (http://picture.in.th/id/854839f20ac8a0b1bd5c2cb0bf55457f)

(http://image.free.in.th/v/2013/is/160824012402.jpg) (http://picture.in.th/id/89e14b1307cbd74d9e2c6c1832e9b11c)

(http://image.free.in.th/v/2013/if/160824012422.jpg) (http://picture.in.th/id/b28c3e9ccc0a1ce12db9d371b31adbe8)

(http://image.free.in.th/v/2013/im/160824012441.jpg) (http://picture.in.th/id/1d605885a4c772c13829f915ed52f96f)

(http://image.free.in.th/v/2013/ix/160824012458.jpg) (http://picture.in.th/id/53cc3114c48d23092948cf80cdb87111)

(http://image.free.in.th/v/2013/iv/160824012522.jpg) (http://picture.in.th/id/417c9f70e8951b158bafd26d07394ebe)

(http://image.free.in.th/v/2013/iu/160824012542.jpg) (http://picture.in.th/id/3d051d50f3135ead3d4e1869b5fafa67)

(http://image.free.in.th/v/2013/il/160824012602.jpg) (http://picture.in.th/id/7f3e0c8cc75f80c3b7dd2d0eee077fb5)

เบกกิ้งโซดา (baking soda) หรือทางภาษาเคมีจะเรียกว่า
 "โซเดียมไบคาร์บอเนต"หรือเรียกสั้นๆว่าโซดาทำขนม
เป็นส่วนผสมในผงฟู
แต่ใส่ในขนมที่มีส่วนผสมค่อนข้างเป็นกรด เช่น
เค้กที่ใส่ผลไม้ หรือผลไาม้รสเปรี้ยว เค้กกล้วยหอม
แต่ใส่มากไปก็ไม่ดี เพราะจะทำให้มีรสเฝื่อนได้

ส่วนผงฟู หรือ baking powder เป็นสารที่ทำให้เกิดการขึ้นฟูมีส่วนผสมระหว่าง
เบกกิ้งโซดากับกรดและแป้ง
(ทำหน้าที่ดูดความชื้นไม่ทำให้ผงฟูจับกันเป็นก้อน)
ซึ่งระหว่างปฏิกิริยาจะทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งส่วนนี้จะทำให้ขนมฟู และเนื้อนุ่ม
ผงฟูแบ่งเป็น 2 แบบ คือ

1. ผงฟูที่ให้ปฏิกิริยารวดเร็ว หรือผงฟูกำลังหนึ่ง หรือ single acting ผงฟูชนิดนี้
จะผลิตแก๊สอย่างรวดเร็วในระหว่างที่ผลิตภัณฑ์รอการเข้าอบ
ดังนั้นการใช้ผงฟูประเภทนี้ต้องผสมส่วนผสมอย่างรวดเร็ว
และนำเข้าอบทันทีที่ผสมเสร็จ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการสูญเสียก๊าซที่จะเกิดขึ้น
ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจะขึ้นฟูไม่ดี

2. ผงฟูที่ใช้ปฏิกิริยาช้า หรือผงฟูกำลังสอง หรือ double acting จะประกอบด้วยสองส่วนคือ
ส่วนที่ให้ปฏิกิริยาช้า กับเร็ว
(เกิดก๊าซทั้งตอนผสม และตอนเมื่อได้รับความร้อนจากตู้อบ)
โดยส่วนมาผู้ประกอบการจะนิยมใช้ตัวนี้
เพราะไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเหมือนแบบผงฟูกำลังหนึ่ง

Cr:Kanom.co.th

 hungry2