หัวข้อ: อยากทราบครับเกี่ยวกับ Dual Operational Amplifier เริ่มหัวข้อโดย: คุณ Hahaha ที่ มกราคม 24, 2007, 08:46:51 pm ทำไมในเครื่องเสียง ที่ใช้ Dual J-Fet Operational Amplifier ทำไมมันต้องมีหลายเบอร์ด้วยครับทั้งที่วงจรภายเหมือนกันทั้งหมด มันแตกต่างกันที่ตรงไหนเหรอครับ ทั้งที่ทางเทคนิคสามารถแทนกันได้ อย่างเช่น NJM4558L กับ NJM2082L วงจรข้างในหมือนกันเลยครับ ตำแหน่งขาก็เหมือนกัน (แตกต่างแต่ตรงคุณสมบัติต่างๆ) มันมีผลต่อวงจรอย่างไรเหรอครับ :D
หัวข้อ: Re: อยากทราบครับเกี่ยวกับ Dual Operational Amplifier เริ่มหัวข้อโดย: noi3535-LSV team♥ ที่ มกราคม 24, 2007, 09:02:38 pm แตกต่างกันบางวงจรครับ ความละเอียดในตัวICแต่ละเบอร์มันจะมีความแตกต่างกันทั้งที่แทนกันได้ แต่ถ้าเราฟังกันแบบพื้นๆฟังแทบไม่รู้หรอกครับ เพียงแต่คนทำเครื่องเสียงต้องการให้ความต่างตรงนั้นเป็นข้อเปรียบเทียบครับ ถึงแม้ว่ามีผลต่อเสียงก็จริงแต่ก็สร้างความสับสนให้ช่างพอสมควรครับ
ลองเอาสัญญานของคีย์บอร์ดหรือออแกนก็ได้มาป้อนดูแล้วเปลี่ยนICหลายๆเบอร์ที่ไฟเข้าเหมือนกัน จะรู้ได้ถึงความแตกต่างครับ :) หัวข้อ: Re: อยากทราบครับเกี่ยวกับ Dual Operational Amplifier เริ่มหัวข้อโดย: คุณ Hahaha ที่ มกราคม 24, 2007, 10:35:35 pm แตกต่างกันบางวงจรครับ ความละเอียดในตัวICแต่ละเบอร์มันจะมีความแตกต่างกันทั้งที่แทนกันได้ แต่ถ้าเราฟังกันแบบพื้นๆฟังแทบไม่รู้หรอกครับ เพียงแต่คนทำเครื่องเสียงต้องการให้ความต่างตรงนั้นเป็นข้อเปรียบเทียบครับ ถึงแม้ว่ามีผลต่อเสียงก็จริงแต่ก็สร้างความสับสนให้ช่างพอสมควรครับ ลองเอาสัญญานของคีย์บอร์ดหรือออแกนก็ได้มาป้อนดูแล้วเปลี่ยนICหลายๆเบอร์ที่ไฟเข้าเหมือนกัน จะรู้ได้ถึงความแตกต่างครับ :) งั้นก็มีผลน้อยมากสิครับ ถ้าใช้ฟังแบบชาวบ้านๆ อย่างที่อาจารย์น้อยกล่าวมา จะมีผลก็ต่อเมื่อเราต้องการความละเอียดของเสียง (ถูกหรือเปล่าครับ) :( :D หัวข้อ: Re: อยากทราบครับเกี่ยวกับ Dual Operational Amplifier เริ่มหัวข้อโดย: ถาวร-LSVteam ที่ มกราคม 25, 2007, 01:15:00 pm เริ่มเข้าใกล้ความแตกต่างระหว่างเครื่องบ้านหม้อ เครื่องระดับกลางและไฮท์เอน กันแล้วครับ ความแตกต่างที่ไม่เห็นด้วยตา แต่ได้ยินด้วยหู ที่ต้องฝึกฝนและหังฟัง :P
หัวข้อ: Re: อยากทราบครับเกี่ยวกับ Dual Operational Amplifier เริ่มหัวข้อโดย: WatHF100♥ ที่ มกราคม 25, 2007, 06:11:40 pm สวัสดีครับ
ขออนุญาตแชร์ ตามที่ได้เรียนรู้จากผู้รู้และลองมาเองบ้างครับ เรื่องการฟังออกถึงความแตกต่างของเบอร์อุปกรณ์อ็อปแอ็มป์นั้นรับรู้ได้ไม่ยากแน่นอนครับ ...จากการทดลอง(แม้ไม่มากมายนัก)ครับ แต่ยังดีนะครับที่ต่างเบอร์แล้วฟังออก บางทีเบอร์เดียวกันต่างรหัสต่อท้าย หรือต่างรูปร่างตัวถัง(แพ็คเกจต่างกัน) หรือเบอร์เดียวกันแต่ต่างยี่ห้อ เสียงก็ต่างกันด้วยครับ..........แต่ไม่ต้องสนใจถึงจุดนี้ก็ได้ครับ มันเป็นแค่ส่วนปลีกย่อย สนใจที่ ของปลอม กับของแท้ดีกว่าครับ เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่า ตลาดอะไหล่บ้านเรามีทั้งของแท้ และของเทียบ(แท้เหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันเป๊ะเช่นต่างยี่ห้อ หรือมาแบบตกเกรด อันนี้ก็น่ากลัว) กับของปลอม(อันนี้ไม่น่าใช้เลย) แล้วก็แบบทั่วไป และแบบ "อย่างดี" อู๊ว งงไปเลยครับ พอเข้าไปศึกษาถึงข้อมูลของผู้ผลิต+ดาต้าชีท จะพบว่า อาจจะมีการแบ่งเกรดของอุปกรณ์บ้าง ตามรหัสต่อท้าย อาจเพราะต้องการใช้ในย่านอุณหภูมิที่ต่างกัน หรืออื่นๆ ดังนั้นการซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือตัวแทนนำเข้า ก็จะชัวร์ป๊าดกว่า ส่วนเบิกห้าง ตามยี่ห้อ นี่คุณภาพมาตรฐานแน่แต่ราคาก็มาตรฐาน(สูงมาก)ด้วย อ็อปแอ็มป์ มีหลายประเภทการใช้งาน เช่น ๑)โวลท์เตจฟีดแบ็ค (ที่พวกเราต่างใช้ ต่างก็คุ้นเคยกันมาตั้งนานก็แบบนี้แหละครับ) ....ที่เป็นสมัยใหม่ สเป็คสูง ราคาสูง ถึงสูงมากๆ ก็จะ สเป็คสูงในเรื่องของ น้อยซ์ต่ำกว่า สลูว์เรทสูงกว่า จ่ายกระแสสูงกว่า เอ้าท์พุทอิมพีแด้นซ์ต่ำกว่า ย่านความถี่กว้างกว่า เบอร์ค่อนข้างเก่าที่คุณภาพเสียงยังค่อนข้างดีก็พวก5534 5532 (กรุณาศึกษาดูที่เบอร์นะครับ ว่าอันไหนเป็นแบบคู่หรือเดี่ยว) สเป็คสูงมากๆ จะใช้กันในวีดีโอแอ็มป์ครับ(หลายท่านคงทราบกันดี) ๒)เคอเรนท์ฟีดแบ็ค อันนี้จะต่างจากที่เราคุ้นเคยกัน ไม่สามารถใช้กันแบบตรงๆ กับข้อ ๑ (ถ้าจะใช้แทนต้องออกแบบวงจรกันใหม่...ขออนุญาตข้ามไปนะครับ) แน่นอนว่าในวีดีโอแอ็มป์ใช้กันมากเช่นกันครับ เครื่องเสียงใช้กันมานานในเครื่องพวกไฮเอ็นด์(แอ็คคิวเฟส เครล เป็นต้นครับ) ส่วนกลางๆเริ่มมีกล่าวถึงแล้ว เช่นมาร้านทช์รุ่นใหม่) ๓) พวกที่ใช้เป็นคอมพาเรเตอร์ (ในวงจรกำเนินคลื่นสแควร์เวฟ เช่นวงจรมาสเตอร์คล็อก ของเครื่องเล่นระดับสูง) ๔)พวกที่ออกแบบมาเป็นบัฟเฟอร์สัญญาณ ขยายกระแสอย่างเดียว (ไม่มีเกนขยายทางโวลท์) อินพุทอิมพีแด้นซ์สูง เอ้าท์พุทอิมพีแด้นซ์ต่ำ ส่วนประเภทอื่นๆ ขอเชิญทุกท่านร่วมแชร์ครับผม J fet input ที่ผมเองเคยได้ยินก็คงเป็นLF35X ตอนนี้ที่ฮิตกันก็พวก Burrbrown OPAXXXX อะไรพวกนี้ เรื่องเสียง นอกจากเบอร์อุปกรณ์แล้ว ภาคจ่ายไฟหลัก(หม้อแปลง ไดโอด คาปาซิเตอร์) การดีคัปปลิ้ง(คาปาซิเตอร์) ก็มีผลมากน้อยขึ้นอยู่กับของเดิมว่าให้มาอย่างไร แล้วก็ซีคัปปลิ้งสัญญาณเสียงทั้งขาเข้าขาออก ยิ่งมีผลมากเช่นกัน อ้อ ตัวต้านทานซีรี่ส์ขาออกทางเดินสัญญาณ(ค่าไม่กี่สิบ ถึงหลักร้อยโอห์ม) ก็มีผลต่อบุคลิคเสียงเช่นกันครับ เล่าสู่กันฟังเผื่อบางท่านอาจจะชอบแบบซ่อม+โมฯ ด้วย ของแพง ไม่ได้หมายความว่า"เสียงจะออกมาดีเสมอไป "(เช่นในทางเดินสัญญาณ อาร์คาร์บอน อาจให้เสียงที่น่าฟังกว่าแบบเมทัลฟิล์มทั่วๆไป) ของที่คุณสมบัติดี เพียงพอและเหมาะสมกับจุดที่ใช้ มักให้เสียงที่ "ไม่เลว" ของเก่า(บางอย่าง) ไม่ได้หมายความว่าจะด้อยกว่าของใหม่ ของใหม่หลายอย่าง(ที่พัฒนาจริงๆ)ให้ผลดีกว่าแบบคุ้มค่า ก็มีแยะ ถ้าแบบสบายใจที่สุดก็ "ของแท้ เดิมๆ " แทน "ของเสีย" สิ้นเปลืองมาหน่อย ก็ + เปลี่ยนอุปกรณ์ยุคใหม่ แทนของเดิม ที่เสื่อมตามกาลเวลา(เช่นซีอิเล็คโตรไลติคแบบกระป๋องทั้งหลาย) ขอให้มีความสุขกับเสียงดนตรีหลังการซ่อมครับ(สำหรับผมไม่ถนัดซ่อม บางทีผมก็ได้กลิ่นไหม้ๆบ้าง ฮ่าๆๆ) ขอบคุณครับ |