พิมพ์หน้านี้ - ตั้งแผงขาย"ข้ามหลาม"ริมถนน อาชีพทำเงินชาว"โพตลาดแก้ว"

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"

สารพัดช่าง-แนวทางอาชีพ => ●การเกษตร => ข้อความที่เริ่มโดย: แวมไพร์-LSVteam♥ ที่ มิถุนายน 04, 2008, 09:55:37 AM



หัวข้อ: ตั้งแผงขาย"ข้ามหลาม"ริมถนน อาชีพทำเงินชาว"โพตลาดแก้ว"
เริ่มหัวข้อโดย: แวมไพร์-LSVteam♥ ที่ มิถุนายน 04, 2008, 09:55:37 AM
(http://www.komchadluek.net/images2007/komchadluk_r1_c3.jpg)

(http://www.komchadluek.net/2008/06/04/images/thumbFilename2_lam2_copy.jpg)

ปัจจุบันขนมไทยซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีของการถนอมอาหารอันเกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้านและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคนรุ่นใหม่ อันดับต้นๆ ถือว่า "ข้าวหลาม" เป็นผลิตภัณฑ์ขนมไทยที่สร้างชื่อให้กับท้องถิ่นนั้นๆไม่น้อยอย่างชาวบ้าน ต.โพตลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี


(http://www.komchadluek.net/2008/06/04/images/thumbFilename2_lam3.jpg)

ซึ่งเผาและตั้งแผงเรียงรายขายริมถนนเลี่ยงเมือง นอกจากสร้างเงินเข้าชุมชนแล้ว ในเรื่องรสชาติที่อร่อย หอม หวาน มัน ก็ได้รับการกล่าวขานถึงไม่แพ้ข้าวหลามที่อื่นๆ

กลุ่มชาวบ้านกว่า10 ราย ที่ยึดริมถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี เขต อ.ท่าวุ้ง เผาข้ามหลามพร้อมตั้งแผงขายให้กับผู้สัญจรไปมา ต่างบอกว่า แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจจะเลวร้าย สินค้า ผลิตภัณฑ์ เครื่องอุปโภค บริโภค ฯลฯ ต่างขยับขึ้นราคาไม่เว้นแต่ละวัน แต่สำหรับ "ข้าวหลาม" ของพวกเขาก็ยังคงยืนหยัดขายดีถึงวันละ 400-500 กระบอก สร้างรายได้ให้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

นางเทวีหอมจันทร์ วัย 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่2 ต.โพตลาดแก้วเล่าว่ามีอาชีพทำไร่ ทำนา แต่ก็ยึดเผาข้าวหลามขายเป็นอาชีพเสริมมานานเกือบ 10 ปี โดยใช้เวลาว่างจากการทำนา ซึ่งอดีตจะหาบขายตามหมู่บ้านวันละ 50-60 กระบอกแต่หลังมีถนนเลี่ยงเมืองลพบุรีเกิดขึ้น มีรถผ่านไปมาแต่ละวันมาก จากที่หาบขายก็เปลี่ยนมาตั้งแผงขายริมถนน เมื่อขายดีมาก จึงเพิ่มจำนวนกระบอกเผาจนทุกวันนี้ต้องเผาถึงวันละ 400-500 กระบอก

(http://www.komchadluek.net/2008/06/04/images/thumbFilename2_lam1_copy.jpg)

ต้องหวานมันข้าวเหนียวต้องเป็นข้าวเหนียวชั้น 1 ที่กระสอบละ900-1,000 บาทแต่เมื่อเทียบกับรายได้ถือว่าดีทีเดียว ยิ่งหน้าเทศกาลมีรถยนต์ผ่านไปมามากยิ่งขายดี จากวันปกติขาย 400-500 กระบอกอาจเผาเพิ่มถึง 1,000 กระบอกเธอเล่าให้ฟัง

ขณะที่เพื่อนบ้านนางลัดดา สิงหล วัย 40 ปีซึ่งตั้งร้านขายริมถนนเช่นกัน โดยใช้ชื่อ ข้าวหลามโพตลาดแก้วเล่าว่าขายข้าวหลามอยู่ตรงนี้มากว่า 12 ปีมีรายได้วันละ7,000-8 000 บาทแต่เมื่อหักต้นทุนต่างๆรวมค่าจ้างลูกจ้าง ก็จะเหลือวันละ 700-800 บาท ซึ่งก็อยู่ได้ในภาวะเศรษฐกิจขาลงเช่นนี้ 

ตอนนี้อะไรก็แพงอย่างฟืนที่จะนำมาเผา พวกเราจึงหันมาใช้ซังข้าวโพดเป็นเชื้อเพลิงแทน แต่ก็เป็นผลดีเพราะทำให้ข้าวหลามนั้นหอมมากขึ้นโดยจะสั่งมาครั้งละ 1 คันรถ10 ล้อส่วนไม้ไผ่จะสั่งมาจากกาญจนบุรี ครั้งละ 1 คันรถ 10 ล้อโดยเขาคิดลำละ 19-20 บาท ซึ่ง 1 ลำตัดเป็นกระบอกข้าวหลามได้14-15 กระบอก เธอแจงถึงต้นทุนการผลิต

พร้อมอธิบายวิธีทำว่าข้าวเหนียวต้องชั้น 1 เท่านั้นนำไปแช่น้ำสักระยะ ช่วงรอข้าวเหนียวใช้ได้ก็ให้ขูดมะพร้าว บิดเป็นกระทิใส่น้ำตาลชั้นดีเล็กน้อยไม่หวานมาก ใส่เกลือนิดหน่อย นำไปคลุกเคล้ากับข้าวเหนียว จากนั้นนำกรอกลงในกระบอกแล้วปิดปากด้วยกาบมะพร้าวที่ห่อด้วยใบตอง แต่หากจะใส่ถั่วดำก็ต้องแช่ถั่วไว้ข้ามวัน ก่อนนำไปเรียงที่ลานเผาซึ่งได้เตรียมไว้ โดยการเผาครั้งหนึ่ง 200-300 กระบอกส่วนราคาขายนั้นเริ่มตั้งแต่  5 บาท,10 บาท,2 กระบอก 25 บาทและ 3 กระบอก50 บาท 

ด้านนายสุนันต์แจ้งวงษ์ นายก อบต.โพตลาดแก้วกล่าวว่า เขตตำบลโพตลาดแก้วมีขนมไทยหลายอย่างที่ขึ้นชื่อ ซึ่งมีมานานตั้งแต่สมัยตนเองยังเป็นเด็ก โดยเฉพาะข้าวหลาม นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องรสชาติอร่อยสู้ของที่อื่นได้แน่นอนแล้ว ทุกกระบอกการันตีไม่มีเยื่อไม้ติด สะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน ที่สำคัญไม่มีของค้างคืนมาขายแก่ลูกค้าแต่อย่างใด