พิมพ์หน้านี้ - สุราพื้นบ้านจาก "ดอกมะพร้าว" ธุรกิจทำเงินหนุ่มเมืองลำปาง

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"

สารพัดช่าง-แนวทางอาชีพ => ●การเกษตร => ข้อความที่เริ่มโดย: แวมไพร์-LSVteam♥ ที่ พฤษภาคม 28, 2008, 05:48:40 AM



หัวข้อ: สุราพื้นบ้านจาก "ดอกมะพร้าว" ธุรกิจทำเงินหนุ่มเมืองลำปาง
เริ่มหัวข้อโดย: แวมไพร์-LSVteam♥ ที่ พฤษภาคม 28, 2008, 05:48:40 AM
(http://www.komchadluek.net/images2007/komchadluk_r1_c3.jpg)

(http://www.komchadluek.net/2008/05/28/images/thumbFilename2_jai1_copy1.jpg)

ระยะเวลาเพียง 2 ปี ที่สุราพื้นบ้านผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นขนานแท้จาก อ.สันกำแพง แบรนด์ "หมาใจดำ" ของ "วิษณุ โกเกียรติกุล" หนุ่มใหญ่ชาวลำปาง วัย 41 ปี ประสบความสำเร็จในแง่การสร้างสินค้าจนแจ้งเกิดในตลาดน้ำเมาเมืองเชียงใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

โดยเฉพาะรสชาติที่กลมกล่อมเพราะกลั่นมาจากดอกมะพร้าว ถือเป็นจุดขายที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค ปัจจุบันเตรียมขยายตลาดเข้าสู่กรุงเทพฯ เน้นกลุ่มลูกค้าตลาดบนเป็นหลัก

 วิษณุ ย้อนให้ฟังว่า จบวิศวะโยธา แต่ถนัดงานดีไซน์มากกว่าก่อสร้าง ทำให้ครั้งหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ประสบความสำเร็จในการผลิต "แมวใจดี" ผลิตภัณฑ์จากเทียนในรูป "เทียนดอกไม้" จนมีรายได้หลักล้านบาทจากการส่งออก ต่อเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเศรษฐกิจขาลง จึงเริ่มมองหาธุรกิจใหม่ๆ สุดท้ายมาลงตัวที่ผลิต "สุราพื้นบ้าน" ดังกล่าว

(http://www.komchadluek.net/2008/05/28/images/thumbFilename2_jai2_copy.jpg)

"ไม่มีทุนเลย แต่ผมมองเห็นอนาคตของสุราพื้นบ้านในแง่การตลาดมีความไปได้สูง จากนั้นปี 2548 จึงเริ่มหาข้อมูลอย่างจริง โดยศึกษาความเป็นมาของสุรากลั่น อย่างวอดก้า เตอกิล่า ผมตั้งสมมติฐานว่าหากจะทำสุรากลั่นที่มีรสชาติดีด้วย โดยใช้น้ำหวานของดอกมะพร้าวที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นมาผสม ทำไมจะทำไม่ได้ จากนั้นจึงลองผิดลองถูกอยู่นาน กระทั่งรสชาติลงตัว" วิษณุแจงและว่าโดยมีเพื่อนพ้องในแวดวงนักออกแบบ นักเขียน ช่วยติชม

 ทว่าเสน่ห์ของสินค้า "วิษณุ" บอกว่า คงไม่ใช่เพียงแค่กลิ่นหรือรสชาติเท่านั้น ประการหนึ่งอาจอยู่ที่ลูกเล่นในการทำตลาดที่ไม่เหมือนใคร เขายอมรับว่าการที่ลุยตลาดขายเองด้วยอัธยาศัยที่เป็นมิตรกับคนรอบข้าง ทำให้ผลิตภัณฑ์สุราพื้นบ้านแบรนด์ "หมาใจดำ" เริ่มเป็นที่รู้จักจากกลุ่มเพื่อน สู่นักท่องราตรี คนทำงาน ยันนักธุรกิจ และจากผับ ก็ขยายสู่ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต

 "ผมเริ่มมั่นใจมากขึ้นที่จะทำธุรกิจ จึงนำรถปิกอัพเข้าไฟแนนซ์ได้เงินมาก้อนหนึ่ง ก่อนไปขออนุญาตเป็นกลุ่มสุราชุมชน ประเภทสุราขาว พร้อมตั้งบริษัท หมาใจดำ ขึ้นเมื่อกลางปี 2550 และเริ่มผลิตขายอย่างจริงจัง ระยะแรกนำสินค้าใส่รถเจอคนรู้จักก็ให้ชิมถูกใจก็ซื้อเป็นอย่างนี้หลายเดือน จึง ปรึกษาแม่และเพื่อนๆ ถึงการระดมทุน ทุกคนให้โอกาสจึงช่วยกันลงหุ้น 7 หุ้น ได้เงินมา 5 แสนบาท จึงเริ่มทำตลาดในเชียงใหม่ให้รองรับสินค้า"

 ปัจจุบัน วิษณุ มีเอเย่นต์รองรับผลิตภัณฑ์ 3-4 แห่ง อาทิ ร้านขันอาษา ร้านท่าช้าง และริมปิงซูเปอร์มาร์เก็ต โดยเอเย่นต์ทั้งหมดต้องการสินค้าเดือนละ 300-400 ขวด ขณะที่กำลังการผลิตยังมีมากถึงเดือนละ 1,000 ขวด จึงทำให้เริ่มมองหาลู่ทางที่จะขยายตลาดสู่ซูเปอร์มาร์เก็ตในกรุงเทพฯ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายตลาดบนเป็นหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง

 แม้ราคาอาจสูงเท่ากับวิสกี้นอกบางยี่ห้อ เพราะราคาจำหน่ายที่ขวดละ 390 บาท แต่วิษณุกลับมองว่า ด้วยวิธีการผลิตทุกขั้นตอน ตลอดถึงเรื่องรสชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตสุราพื้นบ้านที่กลั่นจากดอกมะพร้าว ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกของไทย ปัจจุบันราคาอาจยังอยู่ระดับนี้ เมื่อตลาดมีความต้องการสูง ราคาก็ต้องเปลี่ยนไปตามกลไกของตลาด

 "อยากให้สุราพื้นบ้านที่ผลิตขึ้น ก้าวเข้าสู่ตลาดสากลมากกว่าที่เป็นอยู่ ปีหน้าผมเตรียมส่งผลิตภัณฑ์เข้าไปประกวดในงานเหล้าที่ชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเวทีที่จัดกันมานับร้อยปี ผมเชื่อว่าแบรนด์ของไทยอาจก้าวสู่ตลาดสากลได้ในอนาคต"