https://www.pohchae.com/2023/09/30/ev-byd-seal
มาไทยแล้ว!รถยนต์ไฟฟ้าจีน BYD Seal สวยเฉี่ยวทันสมัย ขับได้ไม่อายใคร 510ก.ม./ชาร์ท
#รถยนต์ไฟฟ้า  #จีน  #BYD   #Seal  #สวยเฉี่ยว  #ทันสมัย  #ขับได้ไม่อายใคร #ชาร์ท
--------------

เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าจีน BYD Seal สวยเฉี่ยวทันสมัย ขับได้ไม่อายใคร 510ก.ม./ชาร์ท

บีวายดี เปิดตัวทำตลาดรถ 2 รุ่นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น บีวายดี อัตโต้ 3 (BYD Atto 3) และบีวายดี โดลฟิน (BYD Dolphin) ล่าสุดนำน้องใหม่ตัวที่ 3 บุกตลาดรถไฟฟ้าไทย บีวายดี ซิล (BYD Seal ) มากับ 3 รุ่นย่อยคือ Dynamic, Performance และ AWD Performance .. บีวายดี ซิล เป็นรถไฟฟ้าพรีเมียมสปอร์ตซีดาน 100 % เจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สะดวกสบาย หรูหรา กว้างขวาง มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ●รุ่น Dynamic ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (150 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.5 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 61.44 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 510 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ราคา 1,325,000 บาท ●รุ่น Premium ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 313 แรงม้า (230 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.9 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 82.56 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 650 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ราคา 1,449,000 บาท ●รุ่น AWD Performance ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ด้านหน้ากำลังสูงสุด 218 แรงม้า (160 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ด้านหลังกำลังสูงสุด 313 แรงม้า (230 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ให้กำลังสูงสุดรวม 530 แรงม้า (390 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 670 นิวตัน-เมตร รุ่น AWD ราคา 1,599,000 บาท Performance ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.8 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 82.56 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 580 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) รายละเอียดข้อมูลตัวรถ • ที่สุดของ BYD OCEAN SERIES ดีไซน์สปอร์ตระดับท๊อป ด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวจากความสวยงามของศิลปะแห่งท้องทะเล พร้อมเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวเกินใครกับช่วงหน้ารถแบบ X-SHAPED DESIGN เปิดวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่ากับหลังคากระจกที่ทอดยาวทั้งห้องโดยสาร พร้อมดีไซน์ไฟ LED ด้านท้ายที่ล้ำสมัย แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งท้องทะเล • ไฟหน้า LED แบบ Double-U Floating เส้นสายที่ออกแบบให้บาง และ ลดแรงต้านอากาศของเลนส์ LED ทำให้ไฟหน้าเพรียวบางขึ้น • ขนาดและมิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง : 4,800 x1,875 x1,460 mm ระยะฐานล้อกว้างถึง 2,920 mm • ฝากระโปรงแบบโช้คอัพ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ช่องเก็บของด้านหน้าความจุ 50 ลิตร • กระจกมองข้างทรงหยดน้ำ ปรับองศาอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง • ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว 235/45/19 ในรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE และ 18 นิ้ว 225/50/18 ในรุ่น Dynamic • มือจับประตูที่เก็บซ่อนไปกับตัวรถ ช่วยจัดระเบียบอากาศ และ ลดแรงต้านของลม ซ่อนเก็บด้วยไฟฟ้า อัจฉริยะและเรียบหรูจะเปิดออกทันที เมื่อผู้ใช้ปลดล็อกด้วยระบบ Keyless entry • ไฟท้าย LED แบบชิ้นเดียว ประกอบด้วยไฟรูปหยดน้ำเรียงเป็นชั้น กันชนหลังที่โดดเด่น มีมิติที่คมชัด ตกแต่งทั้ง 2 ข้างด้วยดีไซน์โครงแบบรถแข่ง • ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า ระบบป้องกันการหนีบอัจฉริยะ ตั้งระดับความสูงได้ตามความต้องการ • หลังคากระจกพาโนรามิก 2 ชั้น เคลือบด้วย Silver-plated ช่วยให้การส่องผ่านแสงไม่เกิน 4.2% แสงแดดส่องผ่านได้ไม่เกิน 16% ขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตรม. ให้มุมมองที่กว้าง • ภายในสีดำ หรูหรา สปอร์ต กว้างขวาง และ สะดวกสบาย เบาะนั่งทรงสปอร์ต ระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ + เบาะนั่งคนขับเลื่อนอัตโนมัติเมื่อสตาร์ท(เฉพาะรุ่น Premium และ AWD PERFORMACE) และ ดับรถปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ ระบบอุ่นเบาะ • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง มีระบบระบายอากาศ และ ระบบอุ่นเบาะ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีอยู่ในทุกรุ่น รุ่น Premium & AWD Performance เบาะนั่งหุ้มหนังแบบ Courtesy ฝั่งคนขับมีระบบปรับดันหลังได้ 4 ทิศทาง (Lumbar support) พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง (Memory Seat) • หัวเกียร์ไฟฟ้าแบบคริสตัล • เบาะนั่งด้านหลัง 3 ตำแหน่ง เบาะปรับพับแยกได้แบบ 40/60 • e-platform 3.0 เอกสิทธิ์เฉพาะรถไฟฟ้าบีวายดี ที่มาพร้อมกับเทคโนโยลีการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ Cell To Body (CTB) พื้นที่เพิ่มขึ้นมิติความสูงและขนาดตัวรถเท่าเดิม แต่พื้นที่เบาะนั่งเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ทนทานต่อการบิดตัว ชุดประกอบโครงสร้างแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้สามารถปิดผนึกเข้าได้โดยตรงกับโครงสร้างรถยนต์อย่างลงตัว เพื่อให้ประสิทธิภาพการปิดผนึก และ การเสริมความแข็งของตัวพื้นฐานใต้โครงสร้างรถยนต์เพิ่มขึ้น • การพัฒนาโครงสร้างเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ด้านหลัง มอเตอร์ซิงโครนัสแบบแม่เหล็กถาวร + ด้านหน้า มอเตอร์อะซิงโครนัส • ฟังก์ชั่นการควบคุมด้วยเสียง ด้วยการใช้เสียงสั่งงาน ใช้หน้าจอสัมผัส และใช้ปุ่มควบคุมต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องขยับมือ • หน้าจอสัมผัสแบบหมุนได้ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 1080P (1920x1080) ขอบจอบาง 5.9 มม. รองรับ CarPlay สำหรับอุปกรณ์ IOS หรือ Android Auto10 พร้อมหน้าหลังพวงมาลัย LCD ขนาด 10.25 นิ้ว • ระบบเครื่องเสียง Premium acoustics มาพร้อมชุดลำโพง 12 ตัว HIFI Dynaudio Audio • ที่วางชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายให้ถึง 2 ช่อง • ระบบกรอง PM2.5 • ใบปัดน้ำฝนระบบอัตโนมัติแบบไร้โครง หน้า/หลัง • ฟังก์ชั่น VTOL Function-2.2kW • ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง • กล้องมองรอบคัน 360 องศาความคมชัดระดับสูง • ลงทะเบียนเปิดใช้งาน BYD application เจ้าของรถจะสามารถควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ จากระยะไกล ผ่าน BYD application ในโทรศัพท์มือถือได้ • HUD（Head UP Display） ระบบแสดงผลบนกระจกหน้าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดจากเครื่องบินทหารเพื่อให้แสดงผลการขับขี่ที่สามารถมองเห็นได้ในระดับสายตา เนื้อหาที่จะแสดงผลนั้น ยกตัวอย่างเช่น ความเร็วรถยนต์ที่จะแสดงในระดับสายตาบนกระจกบังลมหน้า ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่ได้ เฉพาะรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE • เรด้าห์แบบ Millimeter-Wave 5 ตำแหน่ง กล้องด้านหน้าสำหรับระบบ ADAS 1 ตำแหน่ง • ระบบช่วยแจ้งเตือนการคาดการณ์การชนล่วงหน้า (PCW) • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) • ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (BSD) • ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW) • ระบบช่วยเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA-B) • ระบบช่วยรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTA) • ระบบจดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR) • ระบบช่วยความคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) • ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ICC) • ระบบช่วยเปิดไฟสูงอัตโนมัติ (HMA) • ระบบชวยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAW) • ระบบกันสะเทือน ปีกนกคู่หน้า (Double Wishbone) มัลติลิงค์ (Five-Link) ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ Frequency Selective Damping (FSD) ควบคุมปริมาณน้ำมันไฮดรอลิกที่ฉีดเข้าไปในกระบอกสูบโช้คอัพผ่านวาล์ว FSD จึงปรับความนุ่มนวลและความแข็งของโช้คอัพได้โดยอัตโนมัติ การปรับเปลี่ยนแบบแปรผันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับทุกสภาพถนนในการขับขี่ เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจมากยิ่งขึ้น • ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ (iTAC) • รัศมีวงเลี้ยว 5.7 เมตร • ค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทาน(Cd ) ต่ำเพียง 0.219 • อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 3.8 วินาที (AWD PERFORMANCE) • ระบบดิสก์เบรกแบบ 4 พอร์ต พร้อมคาลิปเปอร์+ ดิสก์เบรกระบายความร้อนพร้อมรูระบายความร้อน • รองรับการชาร์จแบบ DC ที่กำลังไฟสูงสุด 150 กิโลวัตต์ รายละเอียด REVER CARE มูลค่ารวม 230,000 บาท 1. ดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน* 2. ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ.ระยะเวลา 1 ปี 3. บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.* 4. รับประกันตัวรถ (Waranty) 8 ปี หรือ 160,000 กม.* 5. รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.* 6. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 8 ปีเต็ม* 7. โฮมชาร์จเจอร์ยี่ห้อ ABB พร้อมการติดตั้ง* 8. สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือ VTOL 9. สายชาร์จเคลื่อนที่ AC Portable Charger 10. ค่าจดทะเบียนรถ* 11. พรมเข้ารูป กรอบป้ายทะเบียน ฟิล์มหน้าจอ * ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด

ประเทศที่เค้าต้องการลดมลภาวะให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า
แล้วประสบผลสำเร็จ ราคาต้องถูกกว่า รถยนต์น้ำมัน
เช่นประเทศจีน รถไฟฟ้าถูกกว่ารถใช้น้ำมันเกือบ 50 %

แต่นี่ราคาล้านกว่า โอ้ว แม่เจ้า สถานี ชาร์จแบตเตอรี่ มีกี่แห่ง ?

คิดผิดคิดใหม่

 embarrassed7

ผมสับสนกับภาษีรถไฟฟ้า ที่เข้ามาในไทยจังครับ..
..ผมเพิ่งซื้อมอไซค์ไฟฟ้า ราคาเต็ม 6หมื่นกว่า แต่ผมจ่ายแค่ 4 หมื่นกว่า(ต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยช่วยหมื่นแปด)
..แต่ในบางกลุ่มเฟซบุ๊ค เขาบอกว่า รถไฟฟ้าจากจีนแค่ล้านต้นๆ พอเข้าไทย เจอภาษีสรรพสามิต++ .. จะกลายเป็นล้านห้า ล้านหก ..

พี่ชา พอมีข้อมูลบ้างไหมครับ ..  thank2 wav!!

https://www.thaimotocar.com/2023/10/02/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b9%8c%e0%b9%84%e0%b8%9f%e0%b8%9f%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99-byd-seal/

https://www.thaimotocar.com/2023/10/02/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b9%8c%e0%b9%84%e0%b8%9f%e0%b8%9f%e0%b9%89%e0%b8%b2/
เปรียบเทียบรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงปี2023 รถจีนBYD Seal กับค่ายอื่นในราคาใกล้เคียงกัน
#เปรียบเทียบรถยนต์ไฟฟ้า  #2023  #รถจีน  #BYD  #Seal
--------------
(https://www.thaimotocar.com/wp-content/uploads/2023/10/byd01.jpg)

(https://www.thaimotocar.com/wp-content/uploads/2023/10/byd.jpg)

ตุลาคมปี 2566 นี้ รถEV มีแนวโน้มจะแพงขึ้นอีก
จากนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ที่กำลังจะหมดเขตภายในวันที่ 30 กันยายน 2566 นี้
เรื่องราวจะเป็นยังไง สรุปมาเล่าให้ฟังครับ

รถยนต์ไฟฟ้าจะแพงขึ้น?
ราคาขายรถยนต์ไฟฟ้า ในปัจจุบันที่เราเห็นกันอยู่ เป็นราคาที่ ‘รวมส่วนลดแล้ว’
ซึ่งมีที่มาจากนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
ที่มีเนื้อหาหลักๆอยู่ 2 ข้อ คือ

รัฐบาลให้เงินอุดหนุนรถยนต์ EV 70,000 – 150,000 บาทต่อคัน
รัฐบาลลดภาษีนำเข้า และ ภาษีสรรพสามิตรต่างๆ
ให้กับค่ายรถEV ที่นำเข้ารถมาขายในประเทศไทย

นโยบายแบบละเอียด สามารถตามอ่านได้ที่ ‘รถยนต์ไฟฟ้า’
รัฐบาลช่วยจ่ายเงินอุดหนุนเท่าไร ลดภาษีกี่เปอร์เซ็นต์

ซึ่งนโยบายส่งเสริมทั้งหมดนี้
กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 30 เดือนกันยายน 2566 ที่จะถึงนี้
นั่นหมายความว่า ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าต่างๆที่ขายกันอยู่ในปัจจุบัน
อาจจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการที่ต้องเสียภาษีมากขึ้น
และ อาจจะต้องปรับราคาขายรถให้สูงขึ้น
ชดเชยสัดส่วนเงินสนับสนุนที่จะหายไป 70,000 – 150,000 บาท นั่นเองครับ

รถยนต์ไฟฟ้าจะแพงขึ้นเท่าไหร่?
ถ้านโยบายส่งเสริมต่างๆหมดอายุ นั่นหมายถึง
จะไม่มีเงินอุดหนุนต่างๆรวมถึงภาษีที่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้า
ต้องจ่ายก็จะแพงขึ้นด้วย รถ EV รุ่นต่างๆ
ก็น่าจะกลับไปที่ราคาตั้งต้นก่อนได้รับส่วนลด ดังนี้ครับ

NETA V
ราคารวมส่วนลด 549,000 บาท
ราคาก่อนส่วนลด 760,000 บาท

ORA GOOD CAT
ราคารวมส่วนลด 828,500 บาท
ราคาก่อนส่วนลด 989,000 บาท

MG ZS EV
ราคารวมส่วนลด 949,000 บาท
ราคาก่อนส่วนลด 1,189,000 บาท

BYD ATTO 3
ราคารวมส่วนลด 1,199,900 บาท
ราคาก่อนส่วนลด 1,459,000 บาท

ซึ่งราคารถยนต์ไฟฟ้าหลายๆรุ่น
ก็จะแพงขึ้นมาหลัก 200,000 กว่าบาทเลยทีเดียว
ถือว่าไม่น้อยเลยครับ

‼️ราคาอาจจะไม่ได้แพงขึ้น ถ้าเกิดเหตุการณ์ต่อไปนี้‼️

แต่ที่ Priceza Money ใช้คำว่า ‘อาจจะแพงขึ้น’ มาโดยตลอดบทความ
เพราะยังมีความเป็นไปได้ที่ราคารถยนต์ไฟฟ้า
จะมีราคาเท่าเดิมต่อไปด้วยครับ ถ้าเกิดเหตุการณ์ต่อไปนี้

ถ้าหาก ครม. และ รัฐบาลใหม่ ที่กำลังจะจัดตั้งกันในช่วง กรกฏาคม-สิงหาคม 2566 นี้
พิจารณาว่าจะต่ออายุนโยบาย และ จัดสรรงบประมาณเข้ามาเพิ่มในปี 2566-2567 ที่จะถึงนี้
ซึ่งเราจะรู้กันไม่เกินเดือนกันยายน 2566 นี้แน่นอน
ถ้าหากค่ายรถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ไม่พึ่งพาส่วนลดและเงินอุดหนุนจากรัฐบาล
แต่เลือกจะให้ส่วนลดพิเศษกับลูกค้าเองโดยตรง
ถ้าหากโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
ต่างๆที่กำลังสร้างอยู่ในปัจจุบัน เสร็จสิ้นและเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย
ถ้าเกิดเหตุการณ์ข้างต้น ก็อาจจะทำให้ส่วนลดต่างๆ
ของรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันจะดำเนินต่อไป
และ ราคาขายในปัจจุบันก็น่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงครับ
เราคงต้องลุ้นกันต่อไปจนถึงช่วงเดือนกันยายน 2566 นี้นั่นเอง

ปัญหาสำคัญไม่ได้อยู่ที่งบ งบมันสามารถจัดหามาเพิ่มได้อยู่แล้ว
แต่ปัญหาสำคัญมันอยู่ที่เงื่อนไขในการผลิตชดเชย

(1 ต่อ 1 ในกรณีที่ผลิตภายในปี 2567 ทั้งหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้
สำหรับค่ายรถทั้งหมดในประเทศไทย
จึงต้องไปใช้ 1.5 ต่อ 1 ภายในปี 68 โดยต้องเริ่มผลิตภายในปี 67)

งบประมาณเงินอุดหนุนนี้มี Ultimate Goal เพื่อเร่ง Volume ของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
ภายในประเทศไทยในเวลาอันสั้น ไม่ใช่เพื่อให้คนไทยบางคนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้ในราคาถูกลง
หากมีการต่ออายุเงินอุดหนุนแล้วเมื่อไหร่จะได้เริ่มผลิต
เพราะยิ่งต่ออายุเงินอุดหนุนค่ายรถก็ยิ่งอยาก
จะนำเข้าทั้งคันมากกว่าผลิตในไทย เพราะ

1.ในกรณีของรถจีนที่ภาษีนำเข้า 0% อยู่แล้ว
โรงงานในไทยยังไม่สามารถรองรับการผลิต
จำนวนมากขนาดนั้นได้หลังจากเริ่มผลิตในปี 67

2.ในกรณีของรถชาติอื่นที่ได้ลดภาษีนำเข้าจาก 40% --> 0%
ยิ่งยังไม่อยากผลิตเพราะนำเข้าแบบปลอดภาษีคุ้มกว่าเยอะ

อันที่จริงเงินอุดหนุนนี้มันไม่ได้ตีกรอบระยะเวลาไว้
แต่คร่าวๆคือภายในสิ้นปี 66 แต่ที่มันจะหมดลงในเดือนกันยา
เป็นเพราะงบประมาณ 3 พันล้านบาทมันสนับสนุนปริมาณรถยนต์ไฟฟ้าได้ในจำนวนจำกัด
และมันได้รับการตอบรับดีกว่าที่คาดคิดงบจึงหมดเร็วกว่าที่ประเมินไว้ถึง 3 เดือน

โดยสรุปแล้วไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่ออายุโครงการ
เพราะไทยประสบความสำเร็จในการเริ่มบทบาท
ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ ASEAN ไปเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งรัฐบาลอาจจะต่ออายุเงินอุดหนุนนี้ก็ได้
แต่เพื่อประโยชน์สุงสุดแก่ประเทศและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
มีความเป็นไปได้ที่จะให้งบต่ออายุโครงการถึง

1. สิ้นปี 2566
2. จบ Q3 ปี 2567 เพราะค่ายรถบางยี่ห้อที่เซ็น MoU ไปแล้วนั้น
วางแผนจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศไทยตั้งแต่ Q4 2567 เป็นต้นไป

จริงๆ รัฐบาลเสนอโครงการต่ออายุมาตรการใหม่ EV 3.5
ลดเงินอุดหนุนจาก 70,000/150,000 เป็น 50,000/100,000
แล้วก็มีเงื่อนไขที่อุดหนุนลดลงจากมาตรการเก่าด้วย
(มีถึงเงื่อนไข 1:3 ด้วยซ้ำ)

แต่ยุบสภาก่อน

แต่บางกระแส ..เคยได้ยินแว่วๆว่า รัฐฯจะช่วยเงินอุดหนุนรถ EV ถึงปลายปีนี้นะครับ ..ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?ครับผม thank2 wav!!

รัฐบาลก่อนทำเรื่องเสนอแต่ แต่ยุบสภาก่อน

ต้องรอ รัฐบาลใหม่ เอามาปัดฝุ่นหรือเปล่า ?