ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเป็น ‘แม่’ รู้จักซิงเกิลมัมอายุมากที่สุดในโลก
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
พฤษภาคม 04, 2024, 09:50:44 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเป็น ‘แม่’ รู้จักซิงเกิลมัมอายุมากที่สุดในโลก  (อ่าน 1559 ครั้ง)
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« เมื่อ: มิถุนายน 04, 2008, 10:23:57 PM »



เดลิเมล์ – ด้วยริ้วรอยบนใบหน้าและร่างกายที่บอบบาง ใครๆ อาจคิดว่าเธอเป็นย่าหรือยายที่กำลังพาหลานสาวคนโปรดไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ
       
       แต่ความจริงแล้ว เอดรียนา ไอลิสคู ที่เพิ่งฉลองครบรอบวันเกิดปีที่ 70 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (31) เป็นแม่ครั้งแรก และใช้เวลาทุกวินาทีกับเอลิซา ลูกน้อยวัย 3 ขวบอย่างภาคภูมิใจ
       
       เอเดรียนาเลี้ยงดูตัวเองและเอลิซาด้วยบำนาญเดือนละ 250 ปอนด์ กับรายได้พิเศษจากการทำงานพาร์ตไทม์ในตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยบูคาเรสต์ และเงินช่วยเหลือจากสภาท้องถิ่น
       
       เธอไม่มีครอบครัวหรือเพื่อนสนิท คนเดียวที่ใส่ใจในอนาคตของเอลิซาคือแพทย์ที่ดูแลการผสมเทียม ทำให้เอลิซาปฏิสนธิขึ้นมา และเป็นพ่อทูนหัวของเด็กหญิง
       
       นี่เป็นครั้งแรกที่เอเดรียนาเปิดเผยเรื่องราวชีวิตของตัวเอง
       
       “ฉันแข็งแรง และไม่เคยเจ็บป่วย ฉันไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ถ้าฉันอายุยืนได้เท่าพ่อแม่ เอลิซาจะอายุ 20 ปีตอนที่ฉันตาย ฉันคิดว่ายังมีเวลามากพอที่จะได้อยู่ดูแลลูกสาว”
       
       หญิงวัยเกษียณผู้นี้ช็อกโลกหลังจากเปิดเผยว่าให้กำเนิดทารกด้วยวิธีผสมเทียมในหลอดแก้วโดยใช้สเปิร์มของผู้บริจาค เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2005 ขณะอายุ 66 ปี 230 วัน
       
       3 ปีผ่านไป เอเดรียนากลับมาใช้ชีวิตโดดเดี่ยวในกรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย โดยอาศัยอยู่ตามลำพังกับลูกสาวในแฟลตแห่งหนึ่ง
       
       เธอภูมิใจกับตำแหน่งแม่ที่ให้กำเนิดบุตรขณะอายุมากที่สุดในโลกในบันทึกของกินเนสส์บุ๊ก กระทั่งต้องเสียตำแหน่งให้กับคาร์เมลา บูซาดา ชาวสเปน ที่ให้กำเนิดทารกฝาแฝดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2006 ด้วยวัย 66 ปี 358 วัน
       
       หลายครั้งขณะเดินเล่นกับเอลิซา วัยรุ่นจะตะโกนเรียกเอเดรียนาว่า ‘ยาย’ แต่เจ้าตัวดูเหมือนไม่ใส่ใจ และยืนยันว่าทุกคนสนับสนุนการตัดสินใจของเธอ
       
       “ในโรมาเนีย คนที่มีลูกจะได้รับการชื่นชมยกย่อง”
       
       เอเดรียนายังคงไปสอนที่มหาวิทยาลัยบูคาเรสต์สัปดาห์ละ 7 ชั่วโมง ไม่รวมคอร์สบรรยายพิเศษและสัมมนา ส่วนเอลิซาไปสถานรับเลี้ยงเด็กในเมืองโดยมีแท็กซี่มารับที่บ้านตอนเช้า และรับกลับบ้านตอนบ่ายสามทุกวัน
       
       เวลาที่ไม่ได้ทำงาน เอเดรียนาจะพักผ่อนด้วยการนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ โดยมีเจ้าหน้าที่รับเลี้ยงเด็กคอยดูแลลูกให้
       
       ในช่วง 2 ขวบปีแรก เอลิซาที่พี่น้องฝาแฝดตายก่อนหนูน้อยจะเกิด ตื่นขึ้นมากลางดึกเป็นประจำจากอาการเจ็บหน้าอก และนอนไออยู่หลายชั่วโมงกว่าจะหลับต่อ ระหว่างนั้นเอเดรียนาต้องอุ้มแกไว้ตลอด




   เอลิซาเป็นเด็กฉลาดเกินวัย ตอนนี้หนูน้อยสามารถนับ คำนวณเลขง่ายๆ ชอบอ่านหนังสือและวาดภาพ ถึงขนาดมีศิลปินคนโปรดกับเขาด้วย
       
       ตอนที่เอลิซายังแบเบาะ จะมีพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลเป็นประจำ แต่ตอนนี้ หนูน้อยต้องอยู่ตามลำพังกับแม่เป็นส่วนใหญ่ ทั้งคู่ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่รู้จะหันหน้าหาใครหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
       
       “เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ครอบครัวของเราเข้าใจผิดกันเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ฉันไม่อยากขายที่แต่พี่น้องอยากขาย”
       
       สมัยยังสาว เอเดรียนาเคยทำแท้งตอนอายุ 20 ปี ไม่นานเธอแต่งงานกับเพื่อนนักศึกษาในบูคาเรสต์
       
       “เราไม่ได้วางแผนมาก่อน ตอนนั้นฉันเรียนปี 3 และเพิ่งหายจากวัณโรค หมอไม่แนะนำให้เอาเด็กไว้เพราะไม่แน่ใจว่าแกจะมีพัฒนาการปกติหรือไม่”
       
       ไม่นานเอเดรียนาก็หย่าเนื่องจากทัศนคติทางการเมืองไม่ตรงกันในช่วงที่คอมมิวนิสต์ครองเมือง
       
       “ฉันทำงานเป็นครูพิเศษและเริ่มทำงานในมหาวิทยาลัย รวมทั้งตีพิมพ์หนังสือที่เขียนขึ้นมา
       
       “ฉันอยากมีลูกมาตลอด แต่ชีวิตยุ่งเหยิงเกินไปและฉันไม่มีใครด้วย กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เทคนิคการผสมเทียมในหลอดแก้วถึงเข้ามาในโรมาเนีย”
       
       เอเดรียนาตรึกตรองเผื่อไว้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเอลิซาเมื่อเธอตาย
       
       “ถ้าตอนนั้นลูกสาวฉันอายุ 16 ปี แกจะมีสิทธิ์ทำงานได้ แต่ถ้าเด็กกว่านั้น ฉันหวังไว้ 2 อย่างคือ สถานพิทักษ์เยาวชนของทางการ กับศาสตราจารย์บ็อกแดน มาริเนสกู พ่อทูนหัวของเอลิซา
       
       “คนเราตายได้ตลอดเวลา พ่อทูนหัวอีกคนของเอลิซาซึ่งเป็นเพื่อนของฉัน อยู่ๆ ก็ตายตอนอายุแค่ 49 ปี ทิ้งลูก 4 คนเป็นกำพร้า”
       
       เอเดรียนาหวังว่าเอลิซาจะไม่ผิดพลาดเหมือนกับเธอ
       
       “ฉันจะบอกให้แกมีลูกก่อนอายุ 30 การมีลูกเป็นเรื่องที่วิเศษ ถ้าคนเราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่ออะไรสักอย่างมาก่อน
       
       “ถ้าคุณมีลูกคุณจะไม่ต้องตายอย่างโดดเดี่ยว เพลโตกล่าวไว้ว่า ‘ความสุขของคนเราคือการมีใครสักคนนำร่างเราไปฝัง”


โดย ผู้จัดการออนไลน์    


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!