วิธีการใช้งาน

ลงทะเบียนแอปฯ 'ทางรัฐ' รับเงินจ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เข้าหลักเกณฑ์รับเลย

เปิดวิธีลงทะเบียนเงินดิจิทัล ลงทะเบียนแอปฯ "ทางรัฐ"
รับเงินจ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท
เข้าหลักเกณฑ์รับเลย รีบทำให้ทัน
เพื่อรับเงินก่อนใช้จ่ายในไตรมาส 4 ปี 2567
พร้อมเช็กใครบ้างได้เงิน

ประชาชนอยากได้เงินดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet)
"แจกเงินดิจิทัล 10,000 ล่าสุด" มาทางนี้  เปิดวิธีลงทะเบียนแอปฯ "ทางรัฐ"
รับเงินจ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เข้าหลักเกณฑ์รับเงินเลย
รีบทำให้ทันเพื่อรับเงินก่อนใช้จ่ายในไตรมาส 4 ปี 2567
พร้อมเช็กใครบ้างได้เงิน

โดยกระทรวงการคลัง กำหนดช่วงเวลาของการลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บาท
เริ่มในไตรมาส 3 ปี 2567 และเริ่มรับเงินเพื่อใช้จ่ายในไตรมาส 4 ในปี 2567
พร้อมทั้งได้สรุปหลักเกณฑ์ผู้มีสิทธิร่วมโครงการ
แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ดังนี้
เงินดิจิทัล 10,000 บาท ใครบ้างได้เงิน? เข้าหลักเกณฑ์รับเลย

กลุ่มเป้าหมายเงินดิจิทัล

ประชาชนจำนวนประมาณ 50 ล้านคน โดยจะมีเกณฑ์
ได้แก่ อายุเกิน 16 ปี ณ เดือนที่มีการลงทะเบียน
ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี

และมีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท นับเฉพาะเงินฝากสกุลบาท รวมกันทุกบัญชี
ทั้งในส่วนของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ เช่น

    บัญชีเงินฝากประจำ
    บัญชีเงินฝากออมทรัพย์
    บัตรเงินฝาก
    ใบรับเงินฝาก
    เงินฝากกระแสรายวัน

ไม่นับรวมสลากออมทรัพย์สลากออมสิน หุ้น พันธบัตร
โดยนับวันสิ้นสุด 31 มีนาคม 2567
เงื่อนไขการใช้จ่ายเงินดิจิทัล

    ระหว่างประชาชนกับร้านค้า ใช้จ่ายเชิงพื้นที่ในระดับอำเภอ (878 อำเภอ)
โดยกำหนดให้ใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กที่ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น
    ระหว่างร้านค้ากับร้านค้า ไม่กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่าย
เชิงพื้นที่ระหว่างร้านค้ากับร้านค้าในระดับอำเภอและขนาดของร้านค้า
    การใช้จ่ายเงินสามารถใช้จ่ายได้หลายรอบ โดยรอบที่ 1
จะเป็นการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็กเท่านั้น (ตามกระทรวงพาณิชย์กำหนด)
ตั้งแต่รอบที่ 2 ขึ้นไป จะเป็นการใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้าโดยไม่จำกัดขนาดร้านค้า

ประเภทสินค้าเงินดิจิตอล

    สินค้าทุกประเภทสามารถใช้จ่ายผ่านโครงการฯ ได้ ยกเว้น
สินค้าอบายมุข น้ำมัน บริการ และออนไลน์ เป็นต้น
และสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดเพิ่มเติม


คุณสมบัติร้านค้าที่สามารถถอนเงินสดจากโครงการฯ
ต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ดังนี้ 

    ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT)
    ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax: PIT)
เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 8 แห่งประมวลรัษฎากร
    ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax: CIT) ทั้งนี้
ร้านค้าไม่สามารถถอนเงินสดได้ทันทีหลังประชาชนใช้จ่าย
แต่ร้านค้าจะสามารถถอนเงินสดได้เมื่อมีการใช้จ่ายตั้งแต่ในรอบที่ 2 เป็นต้นไป

สำหรับช่องทางการรับเงิน และใช้จ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท
จะใช้แอปพลิเคชั่นทางรัฐ หากใครยังไม่เคยลงทะเบียน

สามารถดาวน์โหลดได้ที่

    App Store (คลิก)

    Google Play (คลิก)


ถือได้ว่าเป็นการเตรียมพร้อมก่อนลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท

------------------------------------------------------------------------------------
อัปเดต แจกเงินดิจิทัล 10,000 เช็กเงินดิจิตอลล่าสุด ลงทะเบียน-เงื่อนไข

 

ดำเนินรายการโดย  รัชชพล  เหล่าวานิช  และ  พัฒน์พงศ์  สำเนียงเสนาะ

ช่วงที่ 3 เวลา 08.40 น. 
ติดตามการสัมภาษณ์  :  รศ.ดร.เจษฎ์  โทณะวณิก 
นักวิชาการด้านนิติศาสตร์
ประเด็น  : มุมมองทางกฎหมาย กรณีจะนำ  “กัญชา” กลับไปเป็นยาเสพติด

วันอังคารที่  14 พฤษภาคม 2567

 

 

วันนี้ (14 พ.ค.67)

ลุ้นระทึก! ศาลอาญาทุจริตฯ นัดฟังคำสั่ง! 'พิรงรอง'
อาจถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ กสทช. หลังทรูไอดียื่นฟ้อง บอร์ด กสทช.
หยิบยกประเด็นขึ้นหารือ เถียงกันวุ่นทำประชุมเกือบล่ม

วันนี้ (13 พ.ค.67) ที่สำนักงาน กสทช. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ได้มีการพิจารณาประเด็นการคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องที่มีส่วนได้ส่วนเสียของ
ศาสตราจารย์กิตติคุณ พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์
หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รับคำฟ้องคดี อท 147/2566
บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด
โดย นายวิศิษย์ศักดิ์ อรุณสุรัตน์ภักดี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง
ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวเป็นที่จับตา
เนื่องจาก ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
นัดฟังคำสั่งกรณีที่บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ร้องขอให้
 
ระงับการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช.ของ
ศาสตราจารย์กิตติคุณ พิรงรอง รามสูต

และคณะอนุกรรมการด้านกิจการโทรทัศน์ กรณีกล่าวหาว่า

ศาสตราจารย์กิตติคุณ พิรงรอง รามสูต
 ดำเนินการให้
สำนักงาน กสทช. ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์และวิทยุ 127 แห่ง
ขอให้ตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพ
ผ่านกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Internet TV Box)
และแอปพลิเคชัน True ID จนอาจถูกระงับเนื้อหารายการต่างๆ
ที่ได้ส่งไปออกอากาศ ซึ่งโจทก์เห็นว่า
การกระทำดังกล่าวมีพฤติการณ์หรือเหตุที่มีสภาพร้ายแรง
ที่แสดงถึงความมีอคติ และความไม่เป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่
-------------------------------------------------------------
ของ ฟรี ไม่มีในโลก

แทบทุกช่องของกล่อง ฯลฯ
โฆษณา บ้าเลือด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โดยเฉพาะ True ID สุดยอด ของการขายสินค้า
จ่าย เป็น จบ
เพจ youtube ก็ไม่เบา

เหมือนสมัยก่อน
กว่าจะฉายหนังกลางแปลง
มันขาย ยา อม ยาดม ยาหม่อง 2 ชั่วโมง

อยากไม่มีโฆษณา จ่ายตังค์มา จบ
ไปบ้านพวกกัน นั่งดู youtube / True ID
สบาย จ่ายรายเดือน จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่?

ทุกอย่าง มีต้นทุน

ดู TPBS สิ ไม่มีโฆษณา ทัวร์ลง ประจำ

 

“สงสัยว่าพวกเราใกล้จบเห่แล้วนะครับนาย
ถ้าเรายังทำอย่างนี้ต่อไป
โดยไม่เห็น  หัวประชาชน”

สมุนบริวารขี้ข้าหน้าไหนจะกล้าแสดงความเห็นผสมคำเตือนอย่างนี้
ให้ผู้กุมอำนาจเหนือรัฐในสภาพนักโทษชายช่วงอยู่ในการพักโทษได้รับรู้บ้าง ว่า
โดยพฤติกรรมเย้ยกฎหมายที่ผ่านมาน่าจะอยู่ในระดับที่ประชาชนเกินทนจะรับได้

เย้ยฟ้าทางกฎหมายนับตั้งแต่เหยียบแผ่นดิน
ก้าวแรกหลังจากลี้ภัยนอกประเทศนาน 17 ปี
ยอมกลับมาติดคุกเพราะอยากใช้บั้นปลายของชีวิตเลี้ยงหลาน

ถ้าต้องติดคุกจริง 8 ปี ไม่มีการอภัยโทษ จะเอาโอกาสไหนไปเลี้ยงหลาน

หลังจากถูกศาลตัดสินจำคุกและลดโทษให้เหลือเพียง 1 ปีจาก 8 ปี
และมีพระบรมราชโองการอภัยโทษ
แต่กลับ  ไม่ยอมติดคุกแม้แต่คืนเดียว

มีขบวนการหมอผีทางกฎหมายบริวารข้าราชการ
ที่ทรยศหักหลังประชาชนช่วยเหลือ
ให้อยู่ในโรงพยาบาลตำรวจนาน 6 เดือน
อ้างว่าป่วยสารพัดโรค

พฤติกรรมต่างๆ หลังจากออกจากโรงพยาบาล
แบบคนมีอาการป่วยแม้แต่เจ้าเจ้าหน้าที่อัยการมองแล้ว
สามารถวิเคราะห์ว่าอาการอยู่ในขั้นวิกฤตเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
ไม่สงสัยว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจะออกจากโรงพยาบาลทำไม ?

เป็นการสร้างปาฏิหาริย์ทางกฎหมายโดยขบวนการหมอผี
ที่ปรุงแต่งกฎระเบียบต่างๆ ให้เอื้ออวยนักโทษไม่ต้องถูกจองจำ
ชาวบ้านคนรู้ทันพูดจาเหน็บแนมก็ไม่สนใจ

ถูกพักโทษอยู่ในบ้านไม่มีเจ้าหน้าที่คุมประพฤติดูแลเฝ้าระวังเต็มที่
นักโทษจะไปไหนมาไหนตามใจ นั่งเครื่องบินส่วนตัว
ขึ้นเหนือล่องใต้หาความสำราญ ฟื้นฟูความนิยมของประชาชน
บงการอยู่เบื้องหลังผู้นำรัฐบาลที่ถูกมองว่าเป็นเพียงหุ่นเชิด

เมื่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่สนใจรักษาระเบียบกฎหมาย
ทำให้ผู้กุมอำนาจเหนือรัฐเริ่มออกฤทธิ์เดชมากขึ้น
เจรจาผู้นำประเทศที่มีผลประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ
ในอ่าวไทยเดินห้างสรรพสินค้า เยือนร้านเพชรโชว์ความมั่งคั่ง

จากนั้นทำตัวเป็นนักแสวงหาสันติภาพ
ในความขัดแย้งระหว่างชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาลทหารพม่า
เสนอตัวเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย
แต่ไม่มีฝ่ายใดเอาด้วยเพราะไม่รู้ว่าสถานภาพเป็นอย่างไร
เป็นการตกปลาในบ่อน้ำขุ่นหรือไม่

พฤติกรรมจุ้นจ้านในเรื่องเพื่อนบ้าน
สร้างความเสียหายด้าน
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างมาก
ทำให้เพื่อนบ้านเกิดความรู้สึกระแวงในเจตนาว่า
มุ่งประสงค์ในทรัพย์สินแผ่นดิน
ในพื้นที่ครอบครองโดยชนกลุ่มน้อยหรือไม่

เรื่องอัปยศด้วยฝีมือของบริวารคนสำคัญ
ซึ่งพยายามเอาข้าวเสื่อมราคาถูกรมยานาน 10 ปีไปขาย
หลังจากที่แสดงดรามา
แหกตาประชาชนว่าเป็นข้าวที่ยังกินได้
ก็เป็นพฤติกรรมอันตรายต่อความมั่นคง
ของตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ

การเอาสินค้าเสื่อมราคา
ข้าวปนเปื้อนสารพิษไปขายให้ต่างประเทศ
นอกจากเป็นการทำลายตลาด
ในระยะยาวเสียหายมหาศาลแล้ว
ยังเสี่ยงต่อการถูกฟ้องในองค์การการค้าโลกอีกด้วย

ความอยากได้เงินเพียง 200 ล้านบาท
และช่วยเหลือคนที่ยังหนีคุกอยู่ต่างประเทศ
หาเรื่องรัฐบาลก่อนหน้านี้ คือ
การทำลายวงจรอุตสาหกรรมข้าวไทย
ถ้าตลาดโลกไม่ไว้ใจและเลิกสั่งซื้อ
ทั้งยังค้างหนี้กับธนาคารเพื่อการเกษตรฯ อีกมาก

ผลกระทบอย่างแรงคือชาวนาที่จะหาตลาดต่างประเทศไม่ได้
ราคาข้าวในประเทศจะตกต่ำ
ผู้ส่งออกข้าวซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง
กลับไม่โวยวายทักท้วงรัฐบาล
คงเป็นเพราะเกรงกลัวอำนาจ
และผลกระทบต่อธุรกิจ

ความเสียหายจากการแทรกแซงโดยอำนาจเหนือรัฐบาลและองค์กรต่างๆ
ทำให้ขบวนการอำนาจเถื่อนทำลายระบบนิติรัฐนิติธรรม
เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย ยอมสยบ ทรยศ ต่อหน้าที่และประชาชนผู้เสียภาษี

ประชาชนผู้ติดตามความเคลื่อนไหวของคนมีอำนาจ
เหนือรัฐและความเป็นไปในเหตุการณ์ต่างๆ
รู้สึกห่วงใยความอยู่รอดของประเทศ

หัวหน้ารัฐบาลซึ่งทำหน้าที่เพียงตะลอนๆ
ไปมาในต่างจังหวัดและอ้างภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ
จึงไม่ได้มีผลงานการบริหารที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศ

ความพยายามที่จะแจกเงินในระบบดิจิทัล 500,000 ล้านบาท
โดยเอาเงินงบประมาณและของธนาคารเพื่อการเกษตรฯ
มาแจกอย่างมีเงื่อนงำจะสร้างความเสียหายยาวนานหลายปี
ซ้ำเติมต่อจากหนี้โครงการรับจำนำข้าว

สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองไม่ต่างจากขบวนการอิทธิพลเถื่อน
ใช้อำนาจรัฐปล้นทรัพย์สินแผ่นดินอย่างซึ่งหน้า
ไม่หวั่นโทษอาญาใหม่ ทั้งที่การรับโทษยังไม่สิ้นสุด

เมื่อประชาชนที่ห่วงใยบ้านเมืองอยู่ในสภาพคล้ายคนสิ้นหวัง
ทำให้มีคนคาดการณ์ว่าน่าจะมีเหตุต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
อาจจะเป็นการกวาดล้างความชั่วร้าย
เป็นมาตรการขั้นสุดท้ายก่อน
ความเสียหายบ้านเมืองรุนแรงเกินเยียวยา

ถ้าจะเกิดขึ้นจริง ประชาชนได้แต่หวังว่าอย่าให้เสียของ
ซ้ำรอยเดิมโดยกลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์
จากสถานการณ์ไม่แตกต่างจากนักเลือกตั้ง

กังฉิน โจรเสื้อนอก

ประเทศไทยไม่สมควรต้องติดอยู่ในกับดัก
ในเวรกรรมยาวนานเกินไป
โดยความชั่วร้ายของ  ผู้กุมอำนาจรัฐ
ที่มาจากการเลือกตั้งและ
นอกระบบอีกต่อไป

สภาวะไฟสุมขอนเริ่มมีเสียงเปรี๊ยะๆ แล้ว
เหมือนสัญญาณว่าจะเพิ่มความร้อนแรง
จนถึงจุดที่จะเผาคนเล่นกับไฟ
เย้ยฟ้าท้าอำนาจประชาชนซ้ำรอยอีกรอบ



รอ เชียร์ ข้างเวที
รอดู บนภูผา ดูหมามัน กัดกัน ว๊อย !!!!!
บ้านเมืองเรา วัวหายแล้วล้อมคอก
ไม่เคย ล้อมคอก ก่อน วัวจะหาย
ฉิบหาย กับ บรรลัย จุง เกิด

ข่าวดีในรอบปี!

วานนี้ (๑๓ พฤษภาคม) ราชกิจจานุเบกษา
เผยแพร่ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์พระ ๒ รูป

ในหลวง มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า
โดยที่ทรงพระราชดำริว่า พระสงฆ์ซึ่งดำรงในสมณคุณ มีอุปการะยิ่งแก่การพระศาสนา
สมควรจะได้เลื่อนอิสริยฐานันดรในสมณศักดิ์สูงขึ้นมีอยู่

๑.พระธรรมพัชรญาณมุนี ขึ้นเป็น พระราชาคณะเจ้าคณะรอง
มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า
พระพรหมพัชรญาณมุนี ศรีวิปัสสนาธุราจารย์ ไพศาลวิเทศศาสนกิจ วิสิฐสีลาจารดิลก
สาธกธรรมวิจิตร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม ตามวาสี

สถิต ณ สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จังหวัดนครราชสีมา มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ ๘  รูป

๒.พระธรรมศากยวงศ์วิสุทธิ์ ขึ้นเป็น พระราชาคณะเจ้าคณะรอง
มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า
พระพรหมศากยวงศ์วิสุทธิ์ พุทธพจนวราลังการ ไพศาลวิเทศศาสนคุณ วิบุลประชาสังคหกิจ
ปฏิภาณธรรมวิจิตร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
สถิต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ ๘ รูป

พระทั้ง ๒ รูปท่านเป็นชาวต่างชาติโดยกำเนิด

พระพรหมพัชรญาณมุนี หรือ พระอาจารย์ชยสาโร 
สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จังหวัดนครราชสีมา
ท่านเป็นชาวอังกฤษ แปลงสัญชาติเป็นไทย
เป็นกรณีพิเศษ เมื่อปี ๒๕๖๓ มานี่เอง

เหตุผลการแปลงสัญชาติที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
อธิบายไว้ว่า ได้เข้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน
เป็นพระภิกษุที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย 
แตกฉานในพระธรรมคำสอน

มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่ธรรมะทั้งในประเทศไทยและนานาชาติ
กับเคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติมาก่อน
ถือเป็นผู้ทำคุณประโยชน์เป็นพิเศษต่อประเทศไทยและพระพุทธศาสนา

ส่วน พระพรหมศากยวงศ์วิสุทธิ์ หรือ
ท่านเจ้าคุณอนิลมาน วัดบวรนิเวศวิหาร
ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 
(สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙) ท่านเป็นชาวเนปาล

ท่านได้ยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทย
และได้รับอนุญาตให้แปลงสัญชาติได้เมื่อปี ๒๕๕๘

สัปดาห์ก่อน สังคมไทย วิพากษ์วิจารณ์เรื่อง "พอเพียง"
เพราะสังคมมีความขัดแย้งทางความคิด
จึงมอง "พอเพียง" ไปคนละทาง

บางฝ่ายอ้างอิงความชอบทางการเมือง เพื่อด้อยค่า "พอเพียง" 

อีกฝ่าย มองว่าการพูดเรื่อง "พอเพียง"
มีเจตนาบูลลีแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ว่า
ไม่มีทางใช้กับโลกแห่งความเป็นจริงได้

มีเทศนาของท่านเจ้าคุณอนิลมาน
เรื่องธรรมะของพระราชา เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์
เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑ ปี วันสวรรคต เมื่อปี ๒๕๖๐
กล่าวถึง เศรษฐกิจพอเพียง ในแง่มุมที่คนรุ่นใหม่ควรศึกษาเป็นความรู้

"...เศรษฐกิจพอเพียงนั้นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙
ทรงน้อมนำเอาพระพุทธดำรัสหรือพุทธภาษิตหรือ
ธรรมะของพระพุทธเจ้ามาใช้ในรูปของภาษาปัจจุบัน
หรือคำสมัยใหม่

ซึ่งก็คือคำว่า เศรษฐกิจพอเพียง

จริงๆ แล้วเศรษฐกิจกับพอเพียงเข้ากันไม่ได้
เพราะเศรษฐกิจในความหมายปัจจุบัน
เป็นการสนองตัณหา สนองกิเลส
เป็นเรื่องของธุรกิจ การเงิน
เรื่องของโลกและเรื่องของฆราวาสวิสัย
ซึ่งต้องสนองด้วยกิเลส แต่พอมาดูคำว่า พอเพียง
กิเลสมันไม่พอเพียงแน่นอน

ดังนั้นเศรษฐกิจที่พระองค์ทรงใช้ในเศรษฐกิจพอเพียง
จึงไม่ได้หมายถึงเศรษฐกิจในความหมายของโลกปัจจุบัน
แต่หมายถึงเศรษฐกิจในความหมายของ รากศัพท์

รากศัพท์ของเศรษฐกิจในภาษาบาลี
ไม่ได้ว่าด้วยเรื่องเงินทอง
แต่เป็นเรื่องของ
"คุณธรรม เรื่องความประเสริฐ"

หากยังจำได้ตอนที่พระพุทธเจ้าประสูติแล้วเดิน ๗ ก้าว
ทรงเปล่งอาสภิวาจาว่า
อัคโคหะมัสมิ โลกัสสะ เชฏโฐหะมัสมิ โลกัสสะ เสฏโฐหะมัสมิ
โลกัสสะ อะยะมันติมา เม ชาติ นัตถิทานิ ปุนัพภะโวติ
คำว่า เสฏโฐ นี่แหละแปลว่า  ประเสริฐ

ฉันเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก

หรือคำว่า เศรษฐี ก็หมายถึง
คนที่มีธรรมะในตัวเป็นคนประเสริฐ

เศรษฐกิจมาจาก เสฏฐ กับ กิจ หมายถึง
กิจการอันประเสริฐ กิจกรรมอันประเสริฐ

ดังนั้นเศรษฐกิจตามรากศัพท์นี้แหละ คือ
คำว่า เศรษฐกิจพอเพียง
ตามพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙
ไม่ใช่เศรษฐกิจในความหมายปัจจุบัน

ส่วนคำว่า พอเพียง ก็คือ สันโดษ หรือ สันตุฏฐิ ในภาษาบาลี
เพราะฉะนั้นความหมายในคำว่า
เศรษฐกิจพอเพียงในพุทธภาษิต
สันตุฏฐิ ปะระมัง ธะนัง ก็คือ

ความพอเพียงเป็นทรัพย์อันประเสริฐ

พระพุทธเจ้าใช้คำว่าบรมทรัพย์
พระเจ้าอยู่หัวทรงใช้
เศรษฐกิจพอเพียงก็อันเดียวกัน

คำว่าพอเพียงหรือสันโดษที่พระเจ้าอยู่หัวใช้
ก็ทรงเอามาจาก ธัมมจักกัปปวัตนสูตร

ก็คือ ให้ทิ้งทางสุดโต่ง ๒ อย่าง

ให้ดำเนินชีวิตด้วยสายกลาง คือ
ด้วยมรรค ๘ ซึ่งสามารถสรุปได้ ๓ อย่าง
ศีล สมาธิ ปัญญา

ศีล คือ ความปกติ ความพอประมาณ

สมาธิ คือ การทำจิตให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว ถือเป็นภูมิคุ้มกัน

และปัญญา รู้จริง รู้ทะลุ "นี่แหละแก่นของเศรษฐกิจพอเพียง..."

ความพอเพียงเป็นทรัพย์อันประเสริฐ ข้อนี้จึงไม่อาจปฏิเสธได้เลย


พระอาจารย์ชยสาโร ก็มีคำสอน แฝงแง่คิดในการดำเนินชีวิต
ให้เห็นถึงความ "พอดี" กับ "เกินพอ" และผลลัพธ์ที่ออกมา

"...หลวงพ่อชามักจะเตือนพวกเราอยู่เสมอเรื่อง เอกลาภ

คือในเมื่อญาติโยมเข้ามาทำบุญที่วัดป่าพงมากขึ้นเรื่อยๆ
ท่านต้องการให้เราระวังเป็นพิเศษไม่ให้หลงอยู่กับ ความสะดวกสบาย

เรื่องการฉันท่านสอนว่า 'มีน้อยก็ฉันน้อย มีมากก็ฉันน้อย'

และท่านมักจะเล่าถึงสมัยก่อน
ตอนอาหารบิณฑบาตยังขาดแคลนมาก

การที่ได้ฉันทุกวัน ถึงจะเป็นข้าวเปล่าๆ
ก็ยังดีกว่าไม่ได้ฉันอะไรเลย

เวลาฉันข้าวเปล่าๆ ทำให้นึกถึงสุนัข

สุนัขของชาวบ้านในที่กันดาร
เจ้าของให้มันกินข้าววันละปั้นเล็กๆ เท่านั้น
ไม่มีกับอะไร มีแต่ข้าวเปล่าๆ เท่านั้น
มันก็ยังไม่ตาย ยังอยู่ได้สบาย
แถมยังเป็นสุนัขที่ขยันด้วย

พอมีเสียงอะไรดังกรอบแกรบก็เห่าทันที
ตื่นเร็ว เวลาเจ้าของพาไปไล่เนื้อก็วิ่งเร็วด้วย
เพราะมันผอม แต่ถ้าสุนัขตัวไหนที่เจ้าของเลี้ยงดูอย่างดี
สุนัขตัวนั้นจะขี้เกียจ มีอะไรมาใกล้ก็ไม่ยอมเห่า
มีแต่นอนท่าเดียว

แม้มีคนเดินมาใกล้จวนจะเหยียบหัวเอาก็ยังไม่ตื่น...”

ฉะนั้นเมื่อเราพูดถึง "พอดี" "พอเพียง" อย่ามองแต่เปลือก

เนื้อในคือกฎเกณฑ์ความเป็นจริงเกี่ยวกับโลก และสิ่งที่มนุษย์ต้องเจอ

ไม่รู้จักพอดี ไม่พอเพียง ก็ไม่อาจเป็นเจ้าของทรัพย์อันประเสริฐได้.


ผักกาดหอม

พอเป็นพระอรหันต์คือไม่มีการยึดมั่นในตัวของกู
ตัวตนของตน แต่นี่การกระทำตรงข้าม
การเสนอตัวเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ มันตรงข้ามกับคำสอนของพระพุทธเจ้า

เพราะพระพุทธเจ้าถือว่าการแสดงอิทธิฤทธิ์ ท่านถือเป็นเดรัจฉานวิชา
ห้ามไม่ให้ภิกษุกระทำ ถ้าภิกษุฝ่าฝืนก็ต้อง อาบัติ แต่นี่ตรงข้าม

แล้วบอกเป็นลูกพระพุทธเจ้า อีกเรื่องการเชื่อมจิต ตรงข้ามกับศาสนาพุทธเลยนะ
พระพุทธเจ้าบอกว่า อัตตาหิ อัตโนนาโถ ท่านเป็นผู้ชี้ทาง
แต่ทุกคนก็ต้องพึ่งตัวเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

ก่อนท่านปรินิพพาน ท่านวางปัจฉิมโอวาทไว้ว่า
สังขารทั้งหลาย สูญสลายเป็นธรรมดา
ท่านทั้งหลายทำกิจทั้งปวงให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด
นั่นหมายถึงว่า ต้องไปปฏิบัติธรรม
ไม่ใช่เชื่อมจิตกับใครแล้วสามารถเลื่อนชั้นทางวิญญาณได้
ฉะนั้นที่พูดออกมา เป็นความเท็จหมด เป็นความเท็จที่ขัดแย้งกับหลักศาสนาพุทธโดยตรง
ศาสนาพุทธพูดสองเรื่องคือ
ทุกข์กับการพ้นทุกข์
สิ่งที่พวกนี้พูดไม่เกี่ยวกับศาสนาพุทธเลย
สิ่งที่ทำอยู่ก็ไม่ใช่กิจวัตรของพระพุทธเจ้า
ซึ่งเขาจัดการได้อยู่แล้ว เพราะเขาเป็นเลขาของมหาเถรสมาคม
มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลไม่ให้ใครละเมิดศาสนาอยู่แล้ว
ในเมื่อตัวเองเป็นเลขาก็ยื่นวาระไปสิครับ
ให้พิจารณาว่าตอนนี้มีคนแอบอ้างอย่างนี้ๆ
โดยอ้างเป็นศาสนาพุทธ มหาเถรจะมีมติอย่างไร
มาเรื่องเด็ก การทำแบบนี้มันขัดต่อข้อห้าม
Cr: สรรพสิทธิ์ :

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า
ขณะนี้สำนักทะเบียนอำเภอ รวมถึงสำนักงานเขตทุกเขต
ได้เปิดบริการให้ผู้ที่ประสงค์จะสมัครรับเลือกเป็น สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)
ไปขอรับใบสมัคร (สว.2)
พร้อมแบบข้อมูลแนะนำตัว (สว.3)
และหนังสือรับรองความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์
หรือทำงานในกลุ่มที่สมัคร (สว.4) ด้วยตนเอง
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น.
ไม่เว้นวันหยุดราชการ
โดยใช้หลักฐานแสดงตนอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนีั

1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ
2. บัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุ หรือ
3. บัตรหรือหลักฐานอื่นใดของราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายและมีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ถือบัตร หรือ
4. หลักฐานภาพอิเล็กทรอนิกส์ที่เปิดผ่านแอปพลิเคชันของหน่วยงานของรัฐ
    ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งผู้สนใจ

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติ่มได้ที่ :
หรือ
สอบถามได้ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทุกจังหวัด
และสายด่วน 1444 ในวันและเวลาราชการ

นอกจากนี้ ยังเผยแพร่ภาพอินโฟกราฟิก
การแนะนำตัวโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเองว่าสามารถระบุข้อความอะไรได้บ้าง
โดยกำหนดให้ผู้สมัครใช้ข้อความตามเอกสารแนะนำตัวของผู้สมัคร
ที่ต้องดำเนินการตามข้อ 7 ของระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัว
ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา 2567 คือ
1. ข้อมูลส่วนตัว
2. รูปถ่าย
3. ประวัติการศึกษา
4. ประวัติการทำงาน และถ้าประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัครเท่านั้น
พร้อมเน้นย้ำว่า ต้องเผยแพร่แก่ผู้สมัครอื่นในการเลือกเท่านั้น
------------------------------------------------------------------------

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศ กกต กำหนดวันเลือก ส.ว.
ระดับอำเภอ 9 มิ.ย.
ระดับจังหวัด 16 มิ.ย.
ระดับประเทศ 26 มิ.ย.
เปิดรับสมัคร 20-24 พ.ค.
ขณะที่ยอดคนขอรับใบสมัคร 4 วัน
ใกล้แตะหมื่น แค่วันนี้ 4,669 คน

ขณะเดียวกันวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ 4
ของการเปิดให้ผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นส.ว.
สามารถขอรับ ใบสมัคร และแบบข้อมูลการแนะนำตัว
รวมถึงหนังสือรับรองความรู้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์หรือทำงาน
ในกลุ่มที่สมัครด้วยตนเองที่สำนักทะเบียนอำเภอ ทั่วประเทศ
และสำนักงานเขตในจังหวัดกรุงเทพมหานครนั้น
พบว่ามีผู้มายื่นขอรับเอกสารถึง 4,669 คน
จากที่มียอดสะสมการขอรับเอกสารถึงเมื่อวันที่12พ.ค.
อยู่ที่5,164 คนทำให้ยอดสะสมจนถึงวันนี้ ( 13 พ.ค.)
พบว่ามีผู้สนใจจะสมัครไปรับเอกสารแล้วจำนวน 9,833 คน
โดยการไปรับเอกสารใบสมัครรับเลือกเป็น สว.
จะต้องเตรียมหลักฐานการแสดงผลอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้
บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุ
บัตรหรือหลักฐานอื่นใดของราชการที่มีรูปถ่ายและ
มีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ถือบัตร
หรือภาพถ่ายอิเล็กทรอนิกส์ที่เปิดผ่านแอพพลิเคชั่นของหน่วยงานรัฐตามกฏหมาย
ว่าด้วยปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์