การล้างพิษ หรือ ดีท็อกซิฟิเคชัน (detoxification) คืออะไร
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
พฤษภาคม 16, 2024, 11:43:20 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การล้างพิษ หรือ ดีท็อกซิฟิเคชัน (detoxification) คืออะไร  (อ่าน 2839 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2009, 07:12:51 PM »

ระยะหลังนี้ ผมได้ยินคำว่า “ดีท็อกซ์” บ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ จนอดรนทนไม่ไหว …
อยากรู้จริงๆ ว่า ร่างกายของคนเราต้องการความช่วยเหลือในการ “ล้างพิษ”

ด้วยกระบวนการอะไรต่างๆ อย่างที่ร่ำลือกันจริงหรือ
สิ่งที่จะได้อ่านต่อไปนี้คือ มุมมองด้านวิทยาศาสตร์ที่ผมประมวลมาได้ ขณะที่พยายามตอบคำถามว่า “ดีท็อกซ์” ที่เป็นแฟชั่นฮิต เรื่องอาหารการกิน อีกเรื่องหนึ่งในยุคปัจจุบันนั้น ช่วยล้างพิษให้ร่างกายได้จริงหรือ และมีความจำเป็นกับชีวิตเราเพียงใด

ดีท็อกซ์คืออะไร?
คำว่า “ดีท็อกซ์” ย่อมาจากคำนามในภาษาอังกฤษว่า ดีท็อกซิฟิเคชัน (detoxification) หมายถึง “วิธีการหรือกระบวนการ นำเอาสารพิษหรือชีวพิษ (toxic substances หรือ toxin) ต่างๆ ออกจากร่างกาย” หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่าเป็น “การล้างพิษ” นั่นเอง นอกจากใช้เป็นคำนามแล้ว คนไทยใช้คำนี้ เป็นคำกริยาและคำวิเศษณ์อีกด้วย


คำอธิบายเรื่องการล้างพิษว่าเกี่ยวข้องกับตับและอวัยวะอื่นๆ อีกหลายอวัยวะอย่างไร
(ภาพจาก http://www.homeopathicdoctor.ca/)



คำว่า “ดีท็อกซ์” นี้ ความหมายเดิมทางการแพทย์ก็คือ “กระบวนการฟื้นฟู และรักษาผู้ป่วยที่ติดสารเสพติดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่ติดสุราเรื้อรัง ไปจนถึงติดสารเสพติดชนิดต่างๆ” แต่คำว่า “ดีท็อกซ์” ที่ชินหูในปัจจุบันนั้น มักจะหมายถึง วิธีการรับประทานอาหารแบบหนึ่ง ซึ่งมี “สมมติฐาน (hypothesis)” หลักว่า “ร่างกายของคนเราสะสม “สารพิษ” ที่มาจากสิ่งแวดล้อม และจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งจำเป็นต้องมีการ ล้าง(สาร) พิษเหล่านี้ออกจากร่างกาย”

คำถามสำคัญในทางวิทยาศาสตร์ของเรื่องนี้ก็คือ สมมติฐานข้างต้น “ถูกต้อง” หรือไม่ และถูกต้องเพียงใด ? เชิญค้นหาได้ในหน้าถัดไป



หน้าที่ 2 - วิธีการทำดีท็อกซ์ และ สรรพคุณและความนิยมเรื่องดีท็อกซ์
เจ้าของงานเขียน แก้ไขหน้านี้ ได้ที่นี่
ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์

ฝ่ายบริหารจัดการความรู้

ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BioTec)

นักเขียนประจำ วิชาการ.คอม




วิธีการทำดีท็อกซ์

ในแวดวงดีท็อกซ์ซึ่งในเมืองไทย ก็มีแพทย์และนักโภชนาการที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้หลายคน เชื่อกันว่า อวัยวะในร่างกายของคนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอวัยวะในระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายของคนเรานั้น ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะอาหาร ลำไส้ ไปจนถึงทวารหนัก และกระแสเลือด ต่างก็ล้วนแล้วแต่กำลัง “อุดตัน” หรือ “ผุพัง” อยู่ เนื่องจากอาหารที่ไม่ย่อยสลาย (ส่วนหนึ่งจะถูกแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารนำไปย่อยสลายแทน มีผลทำให้เกิดสารพิษขึ้นอีกด้วย) หรือเพราะสารพิษที่ปะปนมากับอาหาร จำพวกสารทดแทนน้ำตาล อาหารฟาสท์ฟูดต่างๆ และสารเติมแต่งสีรสอาหารแบบต่างๆ มีมากจนร่างกายของเราไม่สามารถกำจัดได้หมดสิ้น บางทีรายการอาหารต้องห้ามก็ยังรวมเอาอาหารจำพวกแป้ง เนื้อ (รวมทั้งเนื้อปลา) ไข่ น้ำตาล เกลือ เค้ก อาหารแปรรูปแบบต่างๆ คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ ไว้ด้วย



เรียกว่า กินอาหารอะไรที่อร่อยและชอบๆ ทานกันแทบไม่ได้เลยสักอย่าง!





นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว บางสำนักก็พ่วงเรื่องสัพเพเหระต่างๆ เช่น รังสีจากคลื่นไมโครเวฟ คลอรีนในน้ำดื่ม คาเฟอีน บุหรี่ สุรา ไปจนถึงอารมณ์โกรธ และสิ่งแวดล้อมที่ “ดูเหมือนจะเป็นพิษ” มากขึ้นทุกวันเข้ามาไว้เป็นสาเหตุอีกด้วย



ข้อแนะนำหรือทางออกสำหรับผู้ที่เชื่อในเรื่องนี้ก็คือ ต้องหันมาใช้วิธีการกินอาหารที่ถูกต้อง อาจต้องอาหารบางอย่างหรือบางมื้อด้วย นอกจากนี้ก็ต้องทานอาหารจำพวกพืช ผัก ผลไม้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบางแห่งก็อาจจะรวมถั่วแบบต่างๆ เมล็ดพืช และน้ำผึ้งเข้าไว้ด้วย ยิ่งไปกว่านี้ บางสำนักหรือบางคลินิกก็อาจมี “ทีเด็ด” เช่น สูตรน้ำผลไม้มหัศจรรย์ รักษาโรคได้ครอบจักรวาล ชาสมุนไพรสูตรเก่าแก่ (ภูมิปัญญาไทย จีน แขก) ยาเม็ดหรือแคปซูลจากสมุนไพรหรือพืชพิสดารหายาก บางที่ก็อาจพ่วงเรื่องของการพอกตัวด้วยสาหร่าย การขัดหรือการนวดตัวและการแช่สารพัดแบบ (น้ำนม, โคลน ฯลฯ) การอบไอน้ำ การอบซาวนา (sauna) ไปจนถึงการนั่งสมาธิ ทำโยคะเข้าไปด้วย เป็นต้น




นต่างประเทศก็อาจมี “สารสกัดจากตับ” (เพราะตับมีหน้าที่กำจัดของเสียในร่างกาย) มี “การฟอกเลือด” ด้วยการถ่ายสารเคมีบางอย่างเข้าสู่กระแสเลือด (อ้างว่าเพื่อให้ไปจับกับธาตุบางชนิดที่เป็นอันตราย) นอกจากนี้ก็ยังมีการสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำอุ่นหรือกาแฟ (ตามสโลแกนที่ว่า “กาแฟไม่ได้มีเอาไว้ดื่ม แต่มีไว้สำหรับสวนลำไส้”!) ซึ่งอันหลังสุดนี้ ก็ได้ยินมาว่า ที่เมืองไทยก็นิยมกันน่าดูเช่นกัน




สรรพคุณและความนิยมเรื่องดีท็อกซ์



ข้อกล่าวอ้างต่างๆ เกี่ยวกับดีท็อกซ์นั้นมีเยอะมากนะครับ ซึ่งบางอย่างก็จริง เพราะรู้กันดีอยู่แล้วในทางการแพทย์ ในขณะที่หลายเรื่องก็หมิ่นเหม่ว่าอาจจะเกินจริง หรือเกินจริงจนโดนหน่วยงานที่กำกับดูแล (ในต่างประเทศ) เล่นงานไปแล้วก็มี ประโยชน์ของดีท็อกซ์ที่มักจะอ้างกันก็คือ ทำให้ “กลับเป็นหนุ่มเป็นสาว” อีกครั้ง ทำให้อายุยืนยาว ช่วยเรื่องการลดและควบคุมน้ำหนก ลดความดันเลือด ลดปริมาณคอเลสเทอรอล ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ลดอาการเหนื่อยอ่อนง่าย กำจัดเซลลูไลท์ (cellulite) ลดอาการปวดศีรษะ ลดอาการผิวหนังด้าน ทำให้ผิวหนังเป็นประกาย



นอกจากนั้น ยังช่วยในเรื่องต่างๆ มากมาย เช่น ช่วยไม่ให้เหนื่อยอ่อนง่าย ทำให้กระฉับกระเฉง ย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานดียิ่งขึ้น ทำให้ร่างกายกำจัดของเสียทำงานได้ดี เพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดการเป็นโรคหอบหืด ทำให้หายหวัดเร็วขึ้น รวมไปถึงทำให้สงบและเยือกเย็นมากยิ่งขึ้น เป็นต้น



แนวคิดเรื่องการทำดีท็อกซ์นี้ได้รับความนิยมมากนะครับ ทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทยเราเอง หนังสือมีออกมาหลายเล่มเต็มที วีดิโอ วีซีดี ดีวีดี โดยนางแบบชื่อดังก็มีเพียบ การสัมมนาและคอร์สอบรมเชิงปฏิบัติสำหรับผู้สนใจก็มีให้เลือกได้อย่างจุใจ เรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ก็มีไม่น้อย บางแห่งถึงกับเล่นกลยุทธ์การขายแบบเคาะประตูบ้านก็มี (พ่วงผลิตภัณฑ์ไปกับกลุ่มขายตรงรายใหญ่ก็มีครับ) ข้อมูลและสินค้าบนอินเทอร์เน็ตนี่ยิ่งหาได้ง่ายๆ เลยครับ
ระยะหลังลามไปถึง “การดีท็อกซ์เส้นผมและหนังศีรษะ” ซึ่งก็ระบาดมาถึงเมืองไทยแล้วครับ สนนราคาก็เบาะๆ เพียง 2,500-3,000 บาท สำหรับการดีท็อกซ์ด้วยเครื่องโดยใช้เวลาเพียง 3-10 นาที 



ที่ไปไกลกว่านั้นก็คือ มีการดีท็อกซ์จิตวิญญาณ (spiritual or mind detox)” และการดีท็อกซ์การเงิน (detox finances) ด้วยครับ




หน้าที่ 3 - ดีท็อกซ์ … ได้ผลจริงหรือ?
เจ้าของงานเขียน แก้ไขหน้านี้ ได้ที่นี่
ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์

ฝ่ายบริหารจัดการความรู้

ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BioTec)

นักเขียนประจำ วิชาการ.คอม






ดีท็อกซ์ … ได้ผลจริงหรือ?



บางคนก็ว่า การทำดีท็อกซ์ได้ผลดี แต่บางคนก็มีได้ผลน้อยหรือมีปัญหาตอนทำดีท็อกซ์ด้วยซ้ำไป ... ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? การที่ทำดีท็อกซ์แล้วได้ผลดีในบางคนนั้น เนื่องจากอาหารจำพวกผักและผลไม้มีผลดีต่อร่างกายดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ในรายที่ทานผัก ผลไม้น้อยหรือไม่ยอมทานเอาเสียเลย จึงมีโอกาสเห็นผลได้เร็วและมาก ... แม้ว่าอาจจะเป็นช่วงเวลาการเข้าคอร์สเพียง 3-10 วัน โดยเฉพาะในคนที่ปกติไม่ทานผักผลไม้ หรือทานผักผลไม้น้อยอยู่แล้ว



การลดอาหารจำพวกแป้งก็เป็นวิธีหลักของคนที่ต้องการลดน้ำหนักอยู่แล้ว เพราะการที่คนเรามีน้ำหนักตัวเพิ่ม สาเหตุหลักก็คือ มีพลังงานจากอาหารที่ทานเข้าไปมากกว่าพลังงานที่นำไปใช้งานแต่ละวัน จึงเกิดการสะสม และพลังงานที่ว่านั้น ก็มาจากแป้งและไขมันต่างๆ เป็นหลักนั่นเอง แต่การงดแป้งไปเลยมีผลเสียมากนะครับ ไม่ควรทำ (อันนี้ขอไม่ลงรายละเอียดนะครับ)



แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญทางฝั่งที่ไม่เชื่อว่า การทำดีท็อกซ์จะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดีอย่างจริงจังอยู่ไม่น้อยเช่นกัน พวกเขาไม่เชื่อว่า “สมมติฐาน” ที่ว่า ร่างกายของคนเราสะสม “สารพิษ” ที่มาจากสิ่งแวดล้อม และจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งต้องมีการ “ล้าง(สาร) พิษ” เหล่านี้ออกจากร่างกายนั้น ไม่น่าจะเป็นความจริงครับ

ความโด่งดังของดีท็อกซ์ในต่างประเทศจะเห็นได้ทางอ้อมจากชื่อของหนังสือเหล่านี้


แม้หลายคนอาจจะรู้สึกเราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยมลภาวะ แต่ “ข้อเท็จจริง (fact)” ที่เป็นที่ประจักษ์อย่างไม่ทีทางโต้แย้งได้ก็คือ คนเรามีอายุเฉลี่ยสูงขึ้นตลอดเวลา ซึ่งอาจจะชี้ให้เห็นได้ว่า ร่างกายมีวิธีจัดการกับสารพิษต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากอยู่แล้วตามธรรมชาติ … ผู้ที่ให้ความเห็นเรื่องนี้ได้แรงและชัดเจนที่สุดรายหนึ่งก็คือ คุณหมอวินเซนท์ คอร์ดาโร แพทย์จากองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐฯ (หรือที่คุ้นกันในชื่อ FDA) บอกว่า ”ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง เผ่าพันธุ์มนุษย์คงจะต้องไม่สามารถอยู่รอดได้”



คุณหมอปีเตอร์ โฟดอร์ กล่าวแรงไปกว่านั้นอีก คือถึงกับฟันธงลงไปเลยว่า “มีการสร้างแนวคิดเกี่ยวกับสารพิษพวกนี้ขึ้นมา เพราะมันจะทำให้พวกเขามีอะไรบางอย่างที่ทำให้สามารถ “แสร้งว่า” รักษาได้” ในขณะที่ดร. ไมเคิล เฮิร์ท ผู้อำนวยการศูนย์แพทย์บูรณาการ (the Center for Integrative Medicine) ที่ศูนย์การแพทย์เอนซิโน-ทาร์ซานา ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของการปวดศีรษะหรืออาการภูมิแพ้ที่อ้างกันว่า เป็นผลมาจากสารพิษในร่างกายว่าเกิดจากคนจำนวนมากมักนอนหลับไม่เพียงพอ ทานน้ำตาลมากเกินไป และมีความเครียดสูง ดังนั้น ไลฟ์สไตล์ (life style) ของคนเหล่านี้ต่างหากที่เป็นต้นเหตุของอาการป่วยข้างต้น ไม่ใช่สารพิษดังที่อ้างกัน



อันที่จริงแนวคิดเรื่องการล้างพิษนี้มีกล่าวถึงมาตั้งแต่สมัยอียิปต์ จีน และอินเดียโบราณ แต่ปัญหาใหญ่ของเรื่องนี้ก็คือ แม้จนกระทั่งปัจจุบัน ก็ยังไม่เคยมีใครสามารถระบุได้ว่า สารพิษที่ว่าสะสมในร่างกายและก่อให้เกิดความเจ็บป่วยต่างๆ นานานั้น  คือ สารอะไรกันแน่   

ข้อเท็จจริงอีกเรื่องหนึ่งที่อาจทำให้การทำดีท็อกซ์เป็นเรื่อง “เกินจำเป็น” ก็คือ ร่างกายของคนเรานั้นมีวิวัฒนาการตามธรรมชาติที่ดีเยี่ยมอย่างน่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่น ปริมาณของเสียที่ร่างกายขอเรากำจัดได้ในแต่ละครั้งที่เราปัสสาวะนั้น หากต้องการช่วยให้เรากำจัดของเสียได้เท่าๆ กันด้วยวิธีการอบซาวนา … เราก็จะต้องอบจนเหงื่อออกอย่างชุ่มโชกไปไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมง!



คนกลุ่มนี้จึงสรุปว่า ... ดูเหมือนว่า ร่างกายจะไม่ต้องการความช่วยเหลือในการกำจัดของเสียสักเท่าไหร่นะครับ



ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการทำดีท็อกซ์

การทำดีท็อกซ์อาจก่อให้เกิดผลเสียได้เช่นกัน หากไม่ระมัดระวังอย่างเพียงพอ ยกตัวอย่างเช่น ตั้งแต่รู้สึกเหนื่อยอ่อน ปวดศีรษะ ไปจนถึงขั้นล้มป่วย ซึ่งก็มักจะอ้างกันว่าเป็นผลจากที่ร่างกายกำลังขจัดของเสียต่างๆ ออกมา แต่อันที่จริงแล้ว เป็นผลมาจากการที่ร่างกายปรับตัวไม่ได้ เนื่องจากขาดอาหารอย่างปัจจุบันทันด่วนนั่นเอง นอกจากนี้ การทำดีท็อกซ์ติดต่อกันนานๆ อาจทำให้เกิดการขาดสารอาหารหรือแร่ธาตุบางอย่างได้ และอาจทำให้ลดภูมิต้านทานของร่างกายลง … ซึ่งตรงกันข้ามกับข้ออ้างที่ว่า ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน

ส่วนการที่ดูเหมือนว่า การทำดีท็อกซ์ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วนั้น ก็มักจะเป็นเพียงภาวะเพียงชั่วคราว ซึ่งเป็นผลมาจากการสูญเสียไขมันและน้ำปริมาณมากอย่างปุบปับ เนื่องจากการปรับเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเรื่องอาหารอย่างหนัก ซึ่งน้ำหนักเหล่านี้จะกลับมาทันทีที่คุณเลิกทำดีท็อกซ์ และหันกลับไปทานอาหารโปรด (ซึ่งก็มักจะอยู่ในรายการอาหารต้องห้าม) จนทำให้เกิดผลกระทบแบบลูกดิ่งโย-โย (Yo-yo effect)



ซึ่งผลลัพธ์ที่จะได้ก็คือ การเกิดอาการเดี๋ยวอ้วน เดี๋ยวผอมสลับกันไปมา ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสียในระยะยาวมากยิ่งขึ้นไปอีก


ตัวอย่างเรื่องสรรพคุณเกินจริงในต่างประเทศ

ดังที่เล่าให้ฟังเป็นบ้างแล้วข้างต้นว่า เรื่องดีท็อกซ์นี้ มีการอวดอ้างสรรพคุณหลายๆ อย่างเกินจริง องค์กรที่ดูแลเรื่องนี้ในต่างประเทศก็จับตาดูอยู่นะครับ เช่น คณะกรรมาธิการการค้าของสหพันธ์หรือเอฟทีซี (FTC, Federal Trade Commission) ประเทศสหรัฐฯ เคยเล่นงานบริษัทที่กล่าวอ้างว่า ผลิตภัณฑ์ของตนสามารถใช้รักษาโรคได้ เช่น บริษัทชื่อ ลิเวอไรท์ โปรดักส์ (Liverite Products Inc.) ที่เมืองทัสกิน ที่กล่าวอ้างเกินจริงเรื่องอาหารเสริมของตนที่มีส่วนผสมของตับวัวว่า สามารถ “ล้างพิษ” ตับและช่วยรักษาโรคตับที่เกิดจากแอลกอฮอล์ โรคตับอักเสบ และโรคตับแข็งได้ ก็ถูกเอฟทีซีสั่งฟ้องและถูกศาลสร้างสั่งปรับเป็นเงิน 60,000 เหรียญ

บริษัทลากูนา ฮิลล์ ที่อ้างว่า การฟอกเลือดของตนสามารถรักษาโรคหัวใจได้ ซึ่งแพ้คดีที่ถูกเอฟทีซีฟ้องร้องต่อศาล เพราะข้อมูลจากสถาบันวิชาการต่างๆ รวมทั้งสมาคมหัวใจแห่งอเมริกาว่ายืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด



เรื่องการสวนล้างทำความสะอาดลำไส้ด้วยน้ำหรือกาแฟก็เช่นกัน แพทย์จำนวนมากต่างยืนยันตรงกันว่า ไม่มีหลักฐานเลยว่า ลำไส้สร้างของเสียตามที่อ้างกัน นอกจากนี้แล้ว ลำไส้ก็จะผลัดเปลี่ยนเซลล์บุผิวทุกๆ สัปดาห์อยู่แล้ว อันที่จริง มีเพียงรัฐเดียวในสหรัฐฯ คือ ฟลอริดา ที่ยินยอมให้มีการสวนล้างทำความสะอาดลำไส้ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งก็พบว่า มีรายงานเรื่องการติดเชื้อ การบาดเจ็บ หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตจากกระบวนการดังกล่าว



คำตอบในเรื่องสุขภาพที่ดีคงต้องคิดไปถึงหลักการเบื้องต้นง่ายๆ ในหนังสือ “สุขศึกษา” (ที่ผมเรียนสมัยเด็กๆ) นั่นก็คือ ทานอาหารให้ครบหมู่และถูกสัดส่วน ทานน้ำให้มากพอ นอนหลับสนิทอย่างเพียงพอ และออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ นอกเหนือไปจาก “ทางสายกลาง” เหล่านี้แล้ว ก็ให้ระวังตัวกันไว้บ้างก็ดีนะครับ เพราะว่า อะไรๆ ที่เกินพอดีหรือสุดโต่งไปมากๆ หรืออ้างกันว่าดีเลิศ วิเศษนั้น ก็มักจะไม่ค่อยจะดีจริงหรอกครับ

อยากได้สุขภาพที่ดีคงต้องลงแรงบ้าง ... ทางลัดสำหรับเรื่องนี้ คงไม่มีจริงกระมังครับ J   



แหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์

ข้อมูลเรื่องการทำดีท็อกซ์นั้นหาได้ไม่ยากนะครับ ที่เป็นหนังสือเล่มภาษาไทย ผมก็เห็นว่ามีแล้วเช่นกันนะครับ ถ้าลองค้นหาในอินเทอร์เน็ตด้วยคำว่า detox หรือ detoxification ดูก็จะพบว่า มีข้อมูลอยู่มากมายมหาศาล โดยเฉพาะข้อมูลฝ่ายที่สนับสนุนและเห็นดีเห็นงามด้วยนะครับ แต่ถ้าใครอยากได้ข้อมูลจากฝ่ายที่เห็นว่า ควรจะต้องระมัดระวังเรื่องนี้กันไว้บ้างก็ลองดูที่ http://www.weightlossresources.co.uk/diet/detox.htm หรือไม่ก็ดูที่ http://www.quackwatch.org/01QuackeryRelatedTopics/detox.html


ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ จบ ม.ปลาย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และรับทุนการศึกษาโครงการ พสวท เพื่อศึกษาต่อ ป.ตรี ด้านชีววิทยา ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ป.โท ด้านชีวเคมี จากมหาวิทยาลัยมหิดล และสำเร็จปริญญาเอก Molecular Genetics จาก Kumamoto University ประเทศญี่ปุ่นจ๊ะ



ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ไม่เพียงแค่เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ฝีมือดีของ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ แต่ยังเป็นคนที่ถ่ายทอด เรื่องราววิทยาศาสตร์ได้อย่างดีเยี่ยม สนุกสนาน ฟังง่าย เข้าใจง่าย นอกเหนือจากผลงานวิจัย ดร.นำชัย มีผลงานด้านการเขียน เรื่องวิทยาศาสตร์ด้วยเช่นกัน ดังเช่น สู่ชีวิตอมตะ (เทคโนโลยีชีวภาพและการแพทย์ศตวรรษที่ 21), ดีเอ็นเอ ปริศนาลับรหัสชีวิต, จากอณูถึงอนันต์ วิทยาศาสตร์ต้องรู้, วิทยาศาสตร์ในสตาร์ วอร์ส เป็นต้น



ดร.นำชัย เป็นอีกหนึ่งท่าน ที่ขอเป็นอีกแรง ช่วยผลักดัน การเผยแพร่เรื่องราววิทยาศาสตร์ดีๆ สู่ประเทศไทย ผ่านวิชาการ.คอม

ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BioTec)





บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13326


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2009, 07:18:44 PM »

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!