บทเรียนที่น่าศึกษา ที่ตะวันออกกลาง
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
พฤษภาคม 15, 2024, 03:12:57 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: บทเรียนที่น่าศึกษา ที่ตะวันออกกลาง  (อ่าน 1980 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2009, 06:07:43 PM »

บทเรียนนี้คุณเปลว สีเงินวิเคราะห์ได้เนียบมาก อ่านไว้จะได้สังวรณ์เมื่อครบกับสหรัฐและพวกผมสีทอง
ตาสีฟ้า หมดตัวชั่วลูกหลานยังใช้นี่ไม่หมด  ขอคารวะคุณเปลว สีเงินครับ เขียนเหมือนเห็นมากับตา Lips Sealed  Cheesy เยี่ยมมาก

ซาอุฯ-ดูไบ"อยู่อย่างไทย"สบายด้วยพอเพียง
เปลว สีเงิน 30 พฤศจิกายน 2552 - 00:00

เป็นอย่างไรกันบ้างล่ะ  "ต้มยำกุ้ง"  ก็รู้รสกันมาแล้ว  จังก์ฟู้ดอย่าง  "แฮมเบอร์เกอร์"  ก็เจอกันมาแล้ว  และวันนี้  โลกกำลังพะอืดพะอมกับ  "ต้มยำอูฐ"  ที่ดูไบ  เมื่อวันศุกร์  ตลาดหุ้นทั่วเอเชียถึงขั้น  "คว่ำกระดาน"  ตกค่ำที่ตลาดดาวโจนส์  ฝรั่งตื่น  พังไปอีก  ๑๕๐  กว่าจุด  เก่งแต่ตลาดไทย-บ้านเรานี่แหละ  Set  index  ร่วงไปเล็กน้อยแค่  ๕  จุด  และเช้าวันนี้  (๓๐  พ.ย.๕๒)  ตลาดตะวันออก  หรือตลาดตะวันตก  ใครจะหมู่-จะจ่า...เดี๋ยวก็รู้!

     เท่าที่สดับตรับฟังบรรดากูรู  และรูกูทางเศรษฐกิจทั้งหลาย  รวมทั้งท่านรัฐมนตรีคลัง  "นายกรณ์  จาติกวณิช"  ฟันธงไปทางเดียวกันว่า  การที่ดูไบเวิลด์ประกาศ  "ไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่าย"  ขอเลื่อนการชำระหนี้ทั้งเงินกู้-ทั้งพันธบัตรกว่า  ๓,๕๐๐  ล้านเหรียญสหรัฐไปอีก  ๖  เดือน  นั้น

     ขณะนี้  ไม่กระทบการค้า-การขาย-การเงิน  ของประเทศไทยโดยตรง  แต่ในวงกว้างนั้น  ก็ต้องรอดูผลอันจะออกมาจากบรรดาสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้  ในสหรัฐ  ในอังกฤษ  ในยุโรป  ฯลฯ  ที่จะเป็นลูกโซ่  เพราะยอดรวมหนี้สินที่ดูไบเวิลด์เป็นหนี้อยู่กับสถาบันการเงินต่างๆ  นั้น

     รวมแล้วกว่า  ๖๐,๐๐๐-๘๐,๐๐๐  ล้านเหรียญสหรัฐ!

     แต่แค่  ๓,๕๐๐  ล้านเหรียญ  ยังไม่มีปัญญาจ่าย  แล้วตั้งร่วมแสนล้านเหรียญ  ในเชิงตรรกะ  จะไปหาที่ไหนมาจ่ายในภาวะเศรษฐกิจโลกฟุบอย่างนี้  เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ดูไบเวิลด์เนรมิตขึ้นขายลูกค้านั้น  ตลาดหลักก็อยู่ในกลุ่ม  "คนรวยปล้นโลก"  เกือบทั้งนั้น

     เมื่อโลกไม่เหลืออะไรให้ปล้น  และพวกที่ปล้นไปก็เริ่ม  "เข้าตาจน"  ตามกรรม-ตามเวร  แล้วใครจะมีเงินมาซื้อตึก  ซื้ออาคารที่สร้างตากแดดกลางทะเลทรายในสภาพเมืองที่เรียกได้ว่า

     ถูก  "หลอก"  ให้โตแบบเพ้อเจ้อ!

     ใครไปดูไบแล้วจะรู้  ลองไปถามพวก  ส.ส.สาวกทักษิณดูก็ได้  ไปดูไบแล้วเห็นอะไรบ้าง  เห็นแต่ยอดตึก  ยอดอาคารสิ่งปลูกสร้างในประเภทที่เรียกว่า  "....ที่สุดในโลก"  เรียงรายรอบทะเลไว้ให้อูฐเยี่ยวรด  นอกนั้นไม่มีอะไรที่เรียกว่าเป็น  "เสาเข็ม"  ทางเศรษฐกิจเพื่อความเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

     นอกจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เป็นศูนย์กลางระหว่าง  เอเชีย-ยุโรป-แอฟริกา  ตั้งอยู่ริมทะเลเป็นแหล่งขนถ่ายสินค้าไปทั่วโลกเท่านั้น  และรัฐดูไบไม่มีทรัพยากรน้ำมัน  เป็นแต่เพียงศูนย์กลางทางธุรกิจ-การค้า-การบิน

     นอกนั้นมีแต่ทราย  กับอูฐ  และการขี่อูฐไปดูระบำหน้าท้อง  (เท่ายุ้งข้าว)

     กลางวันร้อนฉิบหาย...กลางคืนหนาวตายโหง...!

     ทั้งประเทศ  "สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์"  หรือยูเออี  มีประชากรประมาณ  ๔,๕๐๐,๐๐๐  คน  แบ่งเป็น  ๗  รัฐ  แต่ด้วยระบบการปกครองของเขา  ๗  รัฐ  เหมือน  ๗  ประเทศ  ต่างคนต่างมีระบบกฎหมายและระบบการเงินใช้กันเอง  "รัฐบาลกลาง"  ที่เมืองหลวงอาบูดาบี  เพียงแต่มีอำนาจครอบคลุมเฉพาะด้านนโยบายต่างประเทศ  และการป้องกันประเทศเท่านั้น

     คิดดูแล้วกัน  ประชากรทั้งหมด  ๔  ล้านกว่าคน  แต่ทุกวันนี้  จากวิสัยทัศน์เพ้อเจ้อที่จะทำดูไบให้เป็น "ศูนย์กลางแห่งโลกยุคใหม่"  ทุกสิ่ง-ทุกอย่าง  เพื่อนำไปสู่ความเป็นจ้าวแห่งโลกยุคใหม่  ดูไบต้องอิมพอร์ตเข้ามาจากต่างประเทศทั้งสิ้น  นอกจากของแล้ว

     ท่านเชื่อมั้ย..ยูเออีมีประชากร  ๔  ล้าน  แต่มีคนงานต่างชาติปาเข้าไปกว่า  ๓  ล้าน  ปั้นจั่นไปชุมนุมกันอยู่ที่นั่น  ว่ากันว่า  ๑  ใน  ๓  เท่าที่มีอยู่ในโลก  แต่ละปีต้องนำเข้าแรงงานประมาณปีละ  ๑  แสนคน  ยอดแรงงานต่างชาติที่เขารวบรวมไว้  ผมจะลอกมาให้ดูก็ได้:-

     อินเดีย  ๑  ล้าน,  ปากีสถาน  ๗  แสน,  บังกลาเทศ  ๓.๕  แสน,  ฟิลิปปินส์  ๒  แสน,  อิหร่าน  ๒  แสน,  ศรีลังกา  ๑.๖  แสน,  อินโดฯ  ๖.๕  หมื่น,  เนปาล  ๔.๕  หมื่น,  ไทย  ๓.๔  พัน,  แรงงานสัญชาติอาหรับราว  ๔  แสนคน

     ตรงนี้เป็นแง่สะท้อนให้เห็น  "ความจริงที่มองข้าม"  กันอยู่อย่าง  นั่นคือ  "ประชากร"  ต้องถือว่าเป็นทรัพยากร  หรือต้นทุนในการพัฒนาประเทศชาติอย่างหนึ่งอย่างยูเออี  หรือกระทั่งอย่างไทยเราเอง  พบอุปสรรคในการพัฒนาอย่างสำคัญอยู่อย่างคือ

     "ขาดทรัพยากรบุคคล"  ที่จะมาเป็นพลังงานสร้างชาติ  ไม่ว่าจะเป็นพลังงานทางกาย  คือระดับแรงงาน  และพลังงานทางปัญญา  คือระดับมันสมอง  และนับว่าจะขาดจนเป็น  "ปัญหา-อุปสรรค"  สำคัญในอนาคตอันใกล้  เพราะอัตราวัยเด็ก  วัยทำงาน  และวัยชรา  ของไทย  กำลังขาดสมดุลอย่างแรง

     คนยูเออี  หรือโดยทั่วไปของคนอาหรับเขาไม่ทำงานกรรมกร  และมีพลเมืองน้อยจึงเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง  แต่คนไทยเรามีพลเมืองมากก็จริง  แต่  "เลือก"  หรือ  "เกี่ยง"  งาน

     ในขณะเดียวกัน  ก็ไม่เลือกงานที่จะได้เงินง่ายๆ  โดยไม่หนัก-ไม่เหนื่อย  แต่สนุก!?

     เท่าที่ฟังดู  การ  (ใกล้จะ)  พังพาบของดูไบเวิลด์  น่าจะสร้างวิกฤติซ้อนวิกฤติที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ  เพราะทาง  "รัฐบาลกลาง"  ของยูเออี  ออกมาบอกแล้วว่า  คงจะไม่เข้าไปช่วยอุ้มภาระหนี้สินทั้งหมด  แต่จะเลือกดูเป็นรายๆ  เป็นแต่ละกรณีไปว่าจะเข้าไปช่วยเหลือตรงไหน  แบบไหน  อย่างไรบ้าง!

     ซึ่งก็คงต้องเป็นอย่างนั้น  เพราะดูไบเวิลด์  ลึกลงไปในรายละเอียด  ไม่ใช่การลงทุนของรัฐดูไบอย่างเดียว  แต่  "สุลต่านอะห์เหม็ด  บิน  สุลาเย็ม"  ผู้บริหารใหญ่  ใช้วิสัยทัศน์ระนาบทักษิณ  บริหารโดยแตกลูก-แตกหลานบริษัทออกไปทำธุรกิจไขว้  ระโยงระยางกันไปทั่วโลกเป็นร้อยๆ  บริษัท  จนไม่รูว่าใครต่อใครบ้าง

     ฉะนั้น  ที่เจ้าผู้ครองรัฐดูไบ  ก็ดี  รัฐบาลกลางที่อาบูดาบี  ก็ดี  แสดงทัศนะไปทางเดียวกันว่า  "ไม่อุ้มทั้งหมด"  แต่จะเลือกอุ้มเป็นรายๆ  ไปนั้น  คงทำให้ทั้งดูไบเวิลด์  ทั้งเจ้าหนี้  และทั้งระบบโลก  ต้องปวดหัว-ตัวร้อนกันต่อไป!

     จากกรณีดูไบเวิลด์นี้  ว่ากันไปแล้วก็เป็น  "กลยุทธ์โกนจุกแขก"  คือเป็นการถ่ายเงินในกระเป๋าเศรษฐีน้ำมันดูไบ  กลับไปไว้ในกระเป๋าระบบทุนสหรัฐตามเดิม  ซึ่งมาตะเภาเดียวกับที่  "ซาอุดีอาระเบีย"  เคยเจอมาแล้วตั้งแต่ปี  พ.ศ.๒๕๑๖-๑๗  จนสลัดเบ็ดไม่หลุดจากเหงือกมาจนถึงทุกวันนี้

     คือโลกตอนนั้นก็มีปัญหาเรื่องน้ำมันนี่แหละ  ซาอุฯ  ได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐี-มหาอำนาจน้ำมัน  ในขณะที่สหรัฐต้องพึ่งน้ำมัน  และเงินสหรัฐไหลไปเข้ากระเป๋าซาอุฯ  กองเป็นภูเขาเลากา  สหรัฐก็มาตรองว่า
"เอ....จะหาวิธีไหนหว่า  ที่จะถ่า
     ยเอาดอลลาร์จากซาอุฯ  กลับไปสหรัฐบ้าง?"

     ก็เลยตั้งหน่วยงานที่เรียกว่า  "เจคอร์"  คือคณะกรรมการเศรษฐกิจร่วมสหรัฐ-ซาอุฯ  ส่งคนไปหลอกซาอุฯ  ด้วยการตั้งเป้าหมายว่า  "ให้หาวิธีสร้างภาระหนี้ให้กับซาอุฯ  ในระดับที่ไม่สามารถใช้คืนได้ตลอดไป"  และต้องทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่า  เงินที่ซาอุฯ  ได้จากการขายน้ำมันให้สหรัฐนั้น

     ต้องไหลกลับสหรัฐ!

     แล้วเจคอร์ไปหลอกซาอุฯ  ให้ทำอะไรทราบมั้ยครับ....ก็เหมือนกันเดี๊ยะกับที่ดูไบกระอักเลือดอยู่ตอนนี้  เจคอร์ไปสำรวจซาอุฯ  แล้ว  นอกจากน้ำมันใต้ดิน  บนดินก็มีแต่ทะเลทรายกับอูฐเต็มบ้าน-เต็มเมือง  ก็เลยหลอกให้ซาอุฯ  เนรมิตทะเลทรายเป็น

     "เมืองสุดยอดแห่งการรังสรรค์ของโลก"!

     ถ้าจะเปรียบ  ซาอุฯ  ตอนนั้นก็เหมือน  "เศรษฐีขายสวน-ขายนา"  บ้านเรา  ได้เงินมาระบบทุนก็หลอกให้ซื้อ  รถเก๋ง  รถปิกอัพ  รถมอเตอร์ไซค์  ซื้อมือถือ  ซื้อตู้เย็น  วิทยุ  ทีวี  กระทั่งไวอากร้า  พักเดียวเกลี้ยง  แถมเป็นหนี้  "ผ่อนงวด"  ไม่จบ-ไม่สิ้น

     ซาอุฯ  จากทะเลทราย  ถูกเจคอร์ไปหลอกให้สร้างทุกอย่างที่เรียกว่า  "ทันสมัยที่สุดในโลก"  ด้วยวิทยาการใหม่-ล่าสุดของโลก  เรียกว่าซาอุฯ  ต้องซื้อเทคโนโลยี  ซื้อสินค้าทุกอย่างจากสหรัฐเข้าไปในการเนรมิตประเทศใหม่  และด้วยคำว่า  "วิทยาการใหม่"  นั่นเท่ากับ

     สหรัฐได้ซาอุฯ  เป็นที่โชว์สินค้าเทคโนโลยีทดสอบ  และได้ลูกค้ารายใหญ่-จ่ายไม่อั้นไปในตัว!

     นั่นคืออาวุธยุทโธปกรณ์  เครื่องบินรบ  รถถัง  อาวุธหนัก-เบา  เทคโนโลยีไฟฟ้า  เครื่องทำน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด  การแพทย์คอมพิวเตอร์  สาธารณูปการเพื่อการสื่อสาร  เรียกว่าสารพัด  สหรัฐใช้วิธีนี้หลอกดูดเงินจากซาอุฯ  นำกลับคืนประเทศ  แถมกำชับเจคอร์ไว้อีกว่า

     "เมื่อได้ตามแผนแล้ว  ต้องทำให้ซาอุฯ  พึ่งพาสหรัฐมากขึ้น..มากขึ้น..และตลอดไป"!

     และผลลงท้าย  ซาอุฯ  ถ้าเรียกกันสวยๆ  ก็เรียกว่า  "หุ้นส่วนชีวิตสหรัฐ"  แต่ถ้าเรียกตรงๆ  ก็ว่า  "รัฐที่  ๕๑  ของสหรัฐ"  มีการตกลงเป็นสัญญากับวอชิงตันว่า  "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ซาอุฯ  จะต้องจัดส่งน้ำมันให้สหรัฐในราคาที่พอใจต่อกัน"  และในทางเดียวกัน  ทางวอชิงตันก็ตอบแทนกษัตริย์ซาอุฯ  ด้วยสัญญาว่า

     "เพื่อเป็นหลักประกันการดำรงอยู่ในฐานะผู้ปกครองอาณาจักรอย่างต่อเนื่องต่อไปของราชสำนัก  สหรัฐจะสรรหาการสนับสนุนทั้งในการเมืองและการทหารให้  หากจำเป็น"

     แปลไทยเป็นไทยก็คือ  "สหรัฐรับประกันสถาบันกษัตริย์ซาอุฯ  ใครจะมาล้มล้าง-แตะต้องไม่ได้"  ฟังดูดี  เพราะยังไงๆ  ซาอุฯ  จะไม่เป็นเหมือนอิรัก-อิหร่านแน่  แต่สิ่งที่ซาอุฯ  ต้องใช้แลกเพื่อได้มา  คือ...น้ำมัน  และจากนั้น  ในความเป็นซาอุฯ  ทั้งหมด  ต้องพึ่งพาสหรัฐมากขึ้น..มากขึ้น..และตลอดไป

     เหตุก็มาจาก  ถูกหลอกให้สร้าง-หลอกให้ทันสมัย  เมื่อไปถึงจุดหนึ่ง  สิ่งที่สร้าง-สิ่งที่ทันสมัย  คือสิ่งที่นำตัวเองไป  "ติดกับดัก"  ทางเศรษฐกิจ  ทางการเงิน  และทางวิทยาการบริหาร-จัดการทั้งหมด!

     ย้อนกลับมาดูทางดูไบ  "อลังการงานสร้างที่สุดแห่งโลก"  ที่หลงภูมิใจนัก-ภูมิใจหนา  ถึงขึ้นว่าถมทะเลเนรมิตเมือง  ยังไม่ทันไรเลย  "พังพาบแล้ว"  เราอาจพูดได้ว่า  อะไรที่เรียกว่า  "ใหม่-ใหญ่-ล้ำหน้า-สุดยอด-ล่าสุด"  ที่เป็นสิ่งปลูกสร้างในดูไบวันนี้  ล้วนอิมพอร์ตจากยุโรป-สหรัฐ  ทั้งสิ้น

     และดูไบคือ  "หนูทดลองยา"  ให้กับยุโรป-สหรัฐ  ในสิ่งที่เรียกว่า  "เทคโนโลยี-วิทยาการ"  ใหม่-ล่าสุดโดยตรง!

     ดูไบ-วันนี้  กับซาอุดีอาระเบีย-วานนี้  ซู่ซ่าให้เป็น  "ที่สุดในโลก"  เหมือนกัน  ถูกหลอกให้สร้างสิ่งที่เรียกว่าทันสมัยเหมือนกัน  แต่คนในชาติเจริญไม่ทันของใช้-ทำอะไรไม่เป็นซักอย่างเหมือนกัน  และลงท้ายก็อาจคว่ำคะมำทราย  ภายใต้คำขาดยุโรป-สหรัฐ

     "เราจะเสนอเงื่อนไขที่เจ้าไม่สามารถปฏิเสธได้"  เหมือนกัน!

     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  ปรัชญา  "เศรษฐกิจพอเพียง"  บนข้อคิดควรคำนึง  รู้เขา-รู้เรา  และ...อยู่อย่างเรา

     ดีที่สุด
ที่มาไทยโพสต์


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13326


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2009, 07:37:56 PM »

 Lips Sealed Cheesy ping!
บันทึกการเข้า
easymylive
member
*

คะแนน2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 55


« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 22, 2010, 02:18:43 PM »

 ping!กระจ่างเลยครับ lv!
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!