เพื่อชีวิตที่มีคุณค่าควรปฏิบัติตามหลักศาสนาพุทธอย่างไร? (จบ)
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อชีวิตที่มีคุณค่าควรปฏิบัติตามหลักศาสนาพุทธอย่างไร? (จบ)  (อ่าน 1519 ครั้ง)
kittanan_2589
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน630
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2363


NightBaron


เว็บไซต์
« เมื่อ: ตุลาคม 25, 2010, 08:48:01 PM »



ปุจฉา : ขอทราบแนวทางการปฏิบัติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เพื่อนำมาพัฒนาชีวิตให้มีคุณภาพ...จะได้มั่นคงดำรงอยู่ในโลกปัจจุบันได้อย่างไม่วุ่นวาย ไม่เร่าร้อน เพื่อความสงบสุขของชีวิต...

โดย....พระอาจารย์อารยะวังโส

พระสีวลีเถระ/มหาโพธิสมาคม
พุทธคยา อินเดีย

วิสัชนา : จึงไม่แปลกที่จะนำไปสู่ความประพฤติผิด ดังที่คนในสังคมปัจจุบันถอยห่าง หรือปฏิเสธหลักคุณธรรมความดี!! แม้เพียงขั้นเบื้องต้นของสัตว์มนุษย์ ที่เรียกว่า ศีลธรรม อันเป็นความเชื่อแค่เพียงระดับกฎแห่งกรรมเท่านั้น!! ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ความเดือดร้อน ความเร่าร้อนได้แผ่กระจายไปทั่วในทุกภูมิภาคของสังคมโลก ดังเช่น ภัยจากการก่อการร้าย การแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ หรือการใช้ความรู้ทางโลก ปล้นเงินทุนจากตลาดเงินทุนของแต่ละประเทศในรูปแบบต่างๆ นานา ฯลฯ การแพร่ระบาดในวิธีการเบียดเบียน เพื่อแย่งชิงหรือให้ได้มา ซึ่งปัจจัยที่ตนและพวกพ้องประสงค์จึงขยายตัวไปทั่ว โดยอาศัยความรู้ กลไกทางโลก ซึ่งไม่มีวิธีการใดที่สามารถยับยั้งมหันตภัยของสัตว์มนุษย์ที่สิ้นคิดได้เลย ด้วยความสิ้นคิด หรือไม่รู้จักคิด ขาดโยนิโสมนสิการในกระบวนการคิด จึงมากไปด้วยพิษภัยในความคิดที่ไม่ชอบตามทำนองคลองธรรม และมากไปด้วยความมืดมัว เมามาย ในความคิดอกุศล ที่มีฐานจิตมาจากอวิชชา จึงนำพาตนเองและสังคมไปสู่ความไร้คุณภาพ ขาดคุณธรรม และสิ้นคุณความดี ที่สุดคือ เพิ่มความทุกข์ทับถมในความทุกข์ที่มีอยู่ในหมู่สัตว์ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งความทุกข์กาย ทุกข์ใจ หรือทุกข์ที่เป็นความรู้สึกทุกข์ (ทุกขทุกขตา) อันเกิดขึ้นเมื่อประสบอนิษฐารมณ์ความทุกข์ด้วยการผันแปร ดังความสุขที่ก่อตัวขึ้น และผันแปรมาเป็นความทุกข์ (วิปริณามทุกขตา) และทุกข์ตามสภาพสังขาร (สังขารทุกขตา) ซึ่งอยู่ภายใต้ตัวกฎของธรรมชาติ อันเกิดขึ้น ผันแปร และแตกดับไปเป็นธรรมดา

ซึ่งหากกล่าวสรุปในสุดท้ายนี้ ก็ต้องรวมความทุกข์ ความเร่าร้อนของสัตว์ทั้งหลาย อยู่ที่ความโง่ (อวิชชา) ที่ปรากฏอยู่ในความคิดของสัตว์มนุษย์เหล่านั้น เมื่อคิดไม่เป็น จึงสิ้นคิด จึงนำไปสู่การกระทำที่ไร้ความคิด ทั้งนี้เพราะคิดไม่เป็น นั่นหมายถึง การไม่ได้รับการเรียนรู้ว่า ควรคิดอย่างไร เพื่อการนำไปสู่ความเข้าใจความรู้ และความมีปัญญา ซึ่งสามารถนำประโยชน์และความสุขมาสู่ตนและหมู่คณะได้ เราจึงเห็นเป็นปกติของความเดือดร้อนของสัตว์มนุษย์ในสังคมยุคสิ้นความคิด... ซึ่งเรามักจะอุทานเสมอ เมื่อพบกับความคิดที่ไร้วุฒิภาวะแห่งความเป็นสัตว์ประเสริฐ ซึ่งไม่สมควรเรียกว่า ความคิด หรือการมนสิการเลย จึงมักจะกล่าวตำหนิกันว่า “มันเอาอวัยวะส่วนไหนมาคิดกัน ! จึงพูด หรือทำได้อย่างนั้น!!” แสดงว่า สัตว์สังคมที่ปกติในฐานะสมบูรณ์ด้วยวุฒิภาวะ ย่อมรู้ว่า “ความคิด ต้องมาจากจิตที่มีศีลธรรม อันสติกำกับดูแลดีแล้ว” จึงประกอบความระลึกรู้ที่ชอบโดยธรรมจากความคิดนั้น จึงควรกล่าวว่านี้คือ ความคิดที่เกิดจากการมนสิการโดยธรรม อันสามารถนำเข้าสู่ กระบวนการคิดพิจารณาโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) ได้อย่างไม่ยาก... ซึ่งสามารถขจัดปัญหาและความทุกข์ทั้งปวงในชีวิตของตนและสังคมได้ ทั้งนี้ ส่วนสำคัญของความคิดที่ผ่านกระบวนการคิดพิจารณาโดยแยบคายแล้วนั้น จะไม่นำไปสู่การกระทำที่ผิดทำนองคลองธรรมเลยในทุกกาลสมัย และจะสามารถนำไปสู่การพัฒนาชีวิตให้ดี มีคุณภาพ ก้าวย่างสู่คุณธรรมความดี อันสามารถดำรงอยู่ในโลกได้อย่างไม่เร่าร้อน วุ่นวาย มีความสงบสุขโดยธรรมอย่างแท้จริง ทั้งนั้นทั้งนี้ เพราะความคิดที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) จะนำไปสู่การกระทำที่ชอบโดยธรรมอย่างเป็นปกติ ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเลย... ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับบรรดาทุรชนผู้มีความคิดผิดทำนองคลองธรรม ที่เรียกว่า “มิจฉาทิฏฐิ” ซึ่งสามารถประกอบการอกุศลได้ในทุกๆ เรื่อง อย่างที่เราท่าน คาดคิดไม่ถึงว่า จะทำกันได้อย่างไร สมดังคำกล่าวที่ว่า “เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้สักอย่าง ซึ่งจะเป็นเหตุให้ อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ให้เพิ่มพูนไพบูลย์เหมือนอย่างมิจฉาทิฏฐิเลย”

ขอเจริญพร


ที่มา:http://www.posttoday.com
 


บันทึกการเข้า

mr.ton003
Full Member
member
**

คะแนน28
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 220


ทำสิ่งใดอย่างหวังผลตอบแทน


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2010, 08:52:34 PM »


ดูมาตั้งแต่ตอนที่1
หัวข้อน่าสนใจมาก...มีประโยชน์และดีมากครับ
   ดีใจจัง  THANK!!

พระโอวาท พระอรหันต์จี้กง

ชีวิตย่อมเป็นไปตามวิถีแห่งกรรมลิขิต
วอนขออะไร

วันนี้ไม่รู้เหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้
กลุ้มเรื่องอะไร

ไม่เคารพพ่อแม่แต่เคารพพระพุทธองค์
เคารพทำไม

พี่น้องคือผู้ที่เกิดตามกันมา
ทะเลาะกันทำไม

ลูกหลานทุกคนล้วนมีบุญตามลิขิต
ห่วงใยทําไม

ชีวิตย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จได้
ร้อนใจทำไม

ชีวิตใช่จะพบเห็นรอยยิ้มกันได้ง่าย
ทุกข์ใจทำไม

ผ้าขาดปะแล้วกันหนาวได้
อวดโก้ทำไม

อาหารผ่านลิ้นแล้วกลายเป็นอะไร
อร่อยไปใย

ตายแล้วบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้
ขี้เหนียวทำไม

ที่ดินคือสิ่งที่สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง
โกงกันทำไม

โอกาสจะได้กลายเป็นเสีย
โลภมากทำไม

สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศีรษะเพียง 3 ฟุต
ข่มเหงกันทำไม

ลาภยศเหมือนดอกไม้ที่บานอยู่ไม่นาน
หยิ่งผยองทำไม

ทุกคนย่อมมีลาภยศตามวาสนาที่ลิขิต
อิจฉากันทำไม

ชีวิตลำเค็ญเพราะชาติก่อนไม่บำเพ็ญ
แค้นใจทำไม บำเพ็ญไวไว

นักเล่นการพนันล้วนตกต่ำ
เล่นการพนันทำไม

ครองเรือนด้วยความประหยัดดีกว่าขอพึ่งผู้อื่น
สุรุ่ยสุร่ายทำไม

จองเวรจองกรรมเมื่อไรจะจบสิ้น
อาฆาตทำไม

พูดเท็จทอนบุญจนบุญหมด
โกหกทำไม

ดีชั่วย่อมรู้กันทั่วในที่สุด
โต้เถียงทำไม

ใครจะป้องกันมิให้มีเรื่องเกิดขึ้นได้ตลอด
หัวเราะเยาะกันทำไม

ฮวงจุ้ยที่ดีอยู่ในใจใช่ที่ภูเขา
แสวงหาทำไม

ข่มเหงผู้อื่นคือทุกข์ รู้ให้อภัยคือบุญ
ถามโหรเรื่องอะไร

ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย
วุ่นวายทำไม

พระโอวาท พระอรหันต์จี้กง


ชีวิตย่อมเป็นไปตามวิถีแห่งกรรมลิขิต
วอนขออะไร

วันนี้ไม่รู้เหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้
กลุ้มเรื่องอะไร

ไม่เคารพพ่อแม่แต่เคารพพระพุทธองค์
เคารพทำไม

พี่น้องคือผู้ที่เกิดตามกันมา
ทะเลาะกันทำไม

ลูกหลานทุกคนล้วนมีบุญตามลิขิต
ห่วงใยทําไม

ชีวิตย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จได้
ร้อนใจทำไม

ชีวิตใช่จะพบเห็นรอยยิ้มกันได้ง่าย
ทุกข์ใจทำไม

ผ้าขาดปะแล้วกันหนาวได้
อวดโก้ทำไม

อาหารผ่านลิ้นแล้วกลายเป็นอะไร
อร่อยไปใย

ตายแล้วบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้
ขี้เหนียวทำไม

ที่ดินคือสิ่งที่สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง
โกงกันทำไม

โอกาสจะได้กลายเป็นเสีย
โลภมากทำไม

สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศีรษะเพียง 3 ฟุต
ข่มเหงกันทำไม

ลาภยศเหมือนดอกไม้ที่บานอยู่ไม่นาน
หยิ่งผยองทำไม

ทุกคนย่อมมีลาภยศตามวาสนาที่ลิขิต
อิจฉากันทำไม

ชีวิตลำเค็ญเพราะชาติก่อนไม่บำเพ็ญ
แค้นใจทำไม บำเพ็ญไวไว

นักเล่นการพนันล้วนตกต่ำ
เล่นการพนันทำไม

ครองเรือนด้วยความประหยัดดีกว่าขอพึ่งผู้อื่น
สุรุ่ยสุร่ายทำไม

จองเวรจองกรรมเมื่อไรจะจบสิ้น
อาฆาตทำไม

พูดเท็จทอนบุญจนบุญหมด
โกหกทำไม

ดีชั่วย่อมรู้กันทั่วในที่สุด
โต้เถียงทำไม

ใครจะป้องกันมิให้มีเรื่องเกิดขึ้นได้ตลอด
หัวเราะเยาะกันทำไม

ฮวงจุ้ยที่ดีอยู่ในใจใช่ที่ภูเขา
แสวงหาทำไม

ข่มเหงผู้อื่นคือทุกข์ รู้ให้อภัยคือบุญ
ถามโหรเรื่องอะไร

ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย
วุ่นวายทำไม
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: