LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"

ทำงานเหนื่อยมาทั้งปีครับ คราวนี้ได้มีโอกาสแอ่วเมืองน่าน ซึ่งมีคำขวัญว่า "แข่งเรือลือเลื่อง        เมืองงาช้างดำ         จิตรกรรมวัดภูมินทร์       แดนดินส้มสีทอง         เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง"
เลยมีโอกาสได้เก็บภาพมาฝากครับ ภาพอาจสวยสู้พี่ ๆ ไม่ได้ เพราะเป็นกล้องคอมแพ็คคู่กาย ที่ปรับแต่งอะไรมิได้เลย จึงได้ภาพมาเพียงนี้ครับ  :)

วันแรกแห่งการเดินทาง ขาไปแวะนมันการพระพุทธชินราช พระพุทธรูปประจำเมืองพิษณุโลกครับ เพื่อเป็นศิริมงคล  :)

จากนั้นออกเดินทางต่อครับ ขึ้นเขา แต่ไม่ลงห้วยนะครับ  lsv-smile

ถึงแล้วเมืองน่าน แต่..เอ๊ะ ๆ ทำไมรถจอดกันเป็นแถว  ???

แย่แล้ว..ม๊อปข้าวโพดปิดถนน.. ทำไงดีหว่า  undecided2


พี่น้องคร๊าบบบ...  :P

แต่เนื่องจากว่า โชคดีครับ เค้าเคลียร์กันลงตัว  :)  thank2

ถึงแล้ว ตอนเย็นแวะไปท่าน้ำ ไปดูบรรยการเค้าซ้อมเรือกัน เพราะวันรุ่งขึ้นมีงานแข่งเรือ

ได้รับการต้อนรับจากเจ้าของบ้าน อย่างอบอุ่นครับ  :)

จานนี้เรียก "ซ่า" คล้าย ๆ ซกเล็กทางอีสาน แต่ไม่มีข้าวคั่ว ขวดเขียว ๆ นี้ เหล้าพื้นเมืองครับ


จานสี ม่วง ๆ ชมภู ๆ นั้น ข้าวเกียบปากหม้อ แต่ทางนี้เขาจะเน้นราดกะทิเยอะๆ ครับ


จานนี้ยำหัวปลีครับ

(http://i87.photobucket.com/albums/k149/yumyum_010/boat_nan/ChaeHang/PhuMin/Musiem/HuaKuang/ChangKam/view/food/P1010735.jpg)

จานนี้ลาบปลาครับ (ดิบ ๆ)

(http://i87.photobucket.com/albums/k149/yumyum_010/boat_nan/ChaeHang/PhuMin/Musiem/HuaKuang/ChangKam/view/food/P1010750.jpg)

เพื่อนผม กับน้า ๆ ครับ คนแขนเสื้อแดง ชื่อชัยครับ เป็นเพื่อนที่ดูแลผมอย่างดีมาก ๆ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่น่าน

เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสครับ จะมีพธีเปิดการแข่งขันเรือ เดี๋ยวพาไปชมครับ
เมืองน่าน เขาดี จัดรนณรงค์ การแข่งเรือ ปลอดเหล้า-เบียร์ครับ จะมีการห้ามซื้อ - หรือวางขาย และดื่ม ในบริเวณงานโดยเด็ดขาดครับ (งานนี้ ส ส ส มาดูแลเองเลย)  :P

ใคร ทำอะไรกัน ตามมาดูครับ คุ้น ๆ  :P

ขบวนเรือแห่ถ้วยพระราชทาน ฯ ครับ

เสน่ห์ของเรือเมืองน่าน ผมว่า ไม่มีที่ไหนเทียบได้ ทั้งตำนาน และความสวยงาม

เรือ "ขุนน่าน" เรือแห่งตำนานลุ่มน้ำน่านครับ ปัจจุปันไม่ได้ลงแข่งแล้ว นำมาจัดแสดงที่พิพิธพัณฑ์เรือ  :)



เครื่องดนตรีพื้นเมือง ที่ใช้บนเรือแห่เมื่อครู่

น้อง ๆ จาก วิทยาลัยเทคนิคน่าน ครับ ช่วยงานกันเต็มที่

อัฐจรรย์กองเชียร์ครับ (มีรางวัลถ้วยพระราชทานด้วยนะ

แถม ภาพรวม ๆ อีกหนิดหน่อยครับ เดี๋ยวพาเที่ยวต่อ วัดสำคัญต่าง ๆ ในจังหวัด  :)

 smiley4 HAPPY2!! ???
ภาพยอดเยี่ยม smiley4
นำเสนอ ได้ แจ๋วแว๋ว
กล้อง  คมชัด 
DSL  ขอหลบมุม :P

มิกล้าครับ  :P
ต้องออมเงิน แล้วถอย นิกร  lsv-smile
อย่างไรแล้ว Compaq มันสู้ DSLR มิได้หรอกครับ  :)

กว่าภาพจะมาทั้งหมด รอซะพักใหญ่เลยครับ
สวยทุกรูปเลยครับพี่
เสียอย่างเดียว    ผมไม่ได้ไปด้วย  ;D ;D ;D

เพื่อนสมาชิกถ่ายได้สวยๆทุกคนเลย ... ไปรวมตัวกันเปิดร้านรับถ่ายรูปกันไหม  smiley4 :o :)

ต้อง Hi Speed ครับช่างยุทธ  :)
ผมฝากไฟล์ไว้ที่อื่นครับ นี่ขนาดลดขนาดภาพลงมาเยอะแล้วนะ คราวหน้า คงต้องเปลี่ยนเป็นไฟล์ .gif  lsv-smile

30 ตุลาคม 2551  เพิ่งกลับมา ฟ้าคลื้มทั้งวัน  ภาพสู้ท่านน้องต้น ไม่ได้โดยประการทั้งปวง
วัดใหญ่ หลวงพ่อพระพุทธชินราช
(http://i160.photobucket.com/albums/t165/supoj007/pisa01.jpg)

ภาพสวยมาก..ผูกเรื่องราวต่อเนื่อง...สวยจริงๆครับ smiley4

มาต่อครับ (ทิ้งไว้นาน)  :P
เช้าวันรุ่งขึ้น ตระเวณไหว้พระครับเพื่อเป็นศิริมงคล และมิเสียทีที่ได้มาเมืองน่าน ที่น่าจะเป็นจังหวัดที่มีวัดเยอะที่สุดในประเทศไทยก็คงจะว่าได้  :)
วัดแรกเลยครับ " วัดพระธาตุแช่แห้ง ซึ่งหากใครมาเมืองน่านแล้วไม่ได้มานมัสการองค์พระธาตุแช่แห้ง ถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองน่านนะครับ

ก้าวแรกที่เหยียบย่างลง ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของเมืองล้านนาได้อย่างมิรู้เลือน นี่เป็นทางขึ้นไปองค์พระธาตุครับ สัญญลักษณ์โดดเด่นคือ ราวบันไดนาคครับ ทอดยาวลงมาจากองค์พระธาตุ

ด้านบนนี้อากาศดีมากครับ ถึงแม้จะปลายฝนต้นหนาว ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันสดชื่น ลมพัดเย็นสบายครับ


ส่วนภาพนี้ลองหันหลังกลับไปจากทางที่เพิ่งเดินขึ้นมาเมื่อครู่ครับ

(http://i87.photobucket.com/albums/k149/yumyum_010/boat_nan/ChaeHang/P1010653.jpg)

หลังจากเดินขึ้นมา ทางซ้ายมือครับจะมีเจย์ดีย์อยู่ 1 องค์ ผมพยายามหาแล้วเผื่อว่าจะมีชื่อจารึกไว้ ก็ก็หาไม่ และไม่ได้สอบถามใครเลย ท่านใดทราบบ้างครับว่าเป็นเจย์ดีย์อะไร


ส่วนนี้เป็นยอดของพระธาตุองค์เดิมครับ นำมาให้สักการะบูชา

หลังจากได้สักการะองค์พระธาตุแล้ว ได้เดินชมความสวยงามรอบ ๆ องค์พระธาตุครับ
หลังนี้เป็นวิหารครับ เก่าแก่มาก


เอกลักษณ์ของวิหารนี้ น่าจะอยู่ตรงส่วนบนของประตูครับ เป็นลายพระยานาคขดพันกันไปมา ครับ แต่ว่าจริงแล้วเป็นภาษาล้านนา หรือภาษาอะไรสักอย่างผมจำไม่ได้ซึ่งก็มีความหมายอีกครับจำไม่ได้อีกเหมือนกันถ้าให้ตีเป็นหวยคงง่าย แต่นรกจะรับประทานผม จึงมิกล้าครับ

(http://i87.photobucket.com/albums/k149/yumyum_010/boat_nan/ChaeHang/P1010637.jpg)

ภายในวิหารครับ วิจิตรงดงาม มีการประดับดอกไม้อย่างตระการตา เพราะเนื่องจากเมื่อวานมีกระฐินพระราชทานทอดที่วัดนี้ครับ

ช่างประจวบเหมาะเสียเหลือเกิน ที่วัดมีพระนอนองค์ใหญ่ซึ่งเป็นพระประจำวันเกิดผมเสียด้วย จึงได้เข้าไปนมัสการ (ถ่ายภาพยากมากครับเพราะพื้นที่ค่อนข้างจะลงตัวกับองค์พระ

องค์พระธาตุ ในมุมต่าง ๆ ครับ ถ่ายไปเรื่อย  :P

แถมอีก 2 ภาพครับ เดี๋ยวพาเที่ยวต่อครับ วัดไหนก่อนดีหนอ  :P


ภาพนี้ถ่ายจากด้านหลังวิหารครับ


ท่านสามารถศึกษาข้อมูลของวัดพระธาตุแช่แห้งได้ที่นี่ครับ http://www.rd.go.th/nan/37.0.html
และมีอีกหลายเวป Search เอาทาง google ครับ

มาต่อกันที่วัดสำคัญอีกวัดหนึ่งของเมืองน่าน นี้ก็คือวัดภูมินทร์ครับ

วัดภูมินทร์ อยู่ใกล้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านเป็นวัดที่มีลักษณะแปลกกว่าวัดอื่น ๆ คือ โบสถ์และวิหาร สร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน ประตูไม้ทั่งสี่ทิศ แกะสลักลวดลายงดงามโดยฝีมือช่างเมืองน่านนอกจากนี้ฝาผนังแสดงถึงชีวิตและวัฒนธรรมของยุดสมัยที่ผ่านมาตามพงศาวดารของเมืองน่าน วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2319 โดยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ สร้างขึ้น หลังจากขึ้นครองนครน่านได้ 6 ปีปรากฎในคัมภีร์เมืองเหนือว่าเดิมชื่อ "วัดพรหมมินทร์ " ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ ผู้สร้างแต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็นวัดภูมินทร์ดั้งกล่าวความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยคือเป็นพระอุโบสถและพระวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน เป็นทรงจตุรมุข (กรมศิลปากรได้สันนิษฐานว่าเป็นอุโบสถจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย) นาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้บนกลางลำตัวตรงใจกลางพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สี่องค์ ประทับนั้งบนฐานชุกชี หันพระพักตร์ออกด้านประตู ทั้งสี่ทิศ เบื้องพระปฤษฎางค์ชนกันภายในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังศิลปกรรมไทลื้อ ที่เล่าเรื่องชาดก ตำนานพื้นบ้านและความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต

(http://i87.photobucket.com/albums/k149/yumyum_010/boat_nan/ChaeHang/PhuMin/P1010677.jpg)

ทุกอย่างล้วนวิจิตรงดงามครับ หากเสียแต่ว่าฝีมือและกล้องผมสามารถมีได้เพียงเท่านี้  ;D


พระประธานจตุรพักต์ในพระวิหารหลวง

มีจิตรกรรมฝาผนังมากมายแสดงถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวน่านในสมัยอดีตที่ควรอนุรักษ์ไว้อย่างยิ่ง


น้องเสื้อสีชมภูนี้เป็นมัคคุเทศน้อยอาสาครับ จะคอยอธิบายทุกอย่างที่เกี่ยวกับวัดนี้ให้เราฟังครับ น่าส่งเสริมเป็นยิ่งนัก รัฐบาลโปรดทราบ

ราวบันไดครับ


ภาพของวัดนี้เคยตีพิมพ์ลงในธนบัตรใบละ 1 บาทเมื่อสมัยผมยังไม่เกิด ท่านใดมีเก็บไว้เอามาปันกันดูบ้างนะครับ

เดินข้ามฟากถนนมา ก็จะเป็นพิพิธฑภันฑ์ประจำจังหวัดน่านครับ มีสิ่งสำคัญอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคืออะไรเดี๋ยวไปดูกันครับ


เดินกันเพลิน ๆ ครับ ไม่ไกลมาก

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ตั้งอยู่ภายในบริเวณคุ้มของอดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน ที่เรียกว่า "หอคำ" โดยเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดช เจ้าเมืองน่าน สร้างขึ้นเป็นที่ประทับ เมื่อ พ.ศ. 2446 ลักษณะตัวอาคารโอ่โถงงดงามก่ออิฐถือปูนแข็งแรง แต่ตกแต่งให้อ่อนช้อยสวยงามด้วยลายลูกไม้ นับเป็นสถาปัตยกรรมก่อสร้างที่ดีเด่นแห่งหนึ่งของเมืองไทย นอกจากนั้นบริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ผู้เป็นเจ้าของหอคำแห่งนี้ด้วย กรมศิลปากรได้รับมอบอาคารหอคำเพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน เมื่อปี พ.ศ. 2517 แล้วจึงนำโบราณวัตถุ ตลอดจนสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปะ โบราณคดี และชาติพันธุ์วิทยาประจำท้องถิ่น มาจัดแสดงให้ชมอย่างมีระบบและระเบียบสวยงาม คือ ส่วนที่เป็นห้องจัดแสดงชั้นล่าง จัดแสดงชาติพันธุ์วิทยาเกี่ยวกับล้านนา เช่นลักษณะอาคารบ้านเรือนและเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน การทอผ้าและผ้าพื้นเมืองน่านแบบต่างๆ ที่สวยงามมาก การสาธิตงานประเพณีและความเชื่อต่างๆ เช่น การแข่งเรือ จุดบ้องไฟสงกรานต์ และพิธีสืบชะตา เป็นต้น ที่น่าสนใจในการจัดแสดงห้องโถงข้างล่างนี้ ยังมีการจัดแสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่และเครื่องใช้ของชนกลุ่มน้อยในเมืองน่าน รวม 5 เผ่าด้วยกัน คือ ไทยลื้อ แม้ว เย้า ถิ่น และผีตองเหลือง ส่วนบริเวณห้องจัดแสดงชั้นบน เป็นการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน การสร้างเมือง และ โบราณสถานที่สำคัญ รูปถ่ายโบราณ งานประณีตศิลป์ เครื่องใช้เงินตรา อาวุธ ศิลาจารึก และเครื่องถ้วยชามที่ค้นพบในเมืองน่านที่สำคัญที่สุดได้แก่ ห้องเก็บ "งาช้างดำ" ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุคู่เมืองน่าน ตามประวัติกล่าวไว้ว่า ได้มาจากเมืองเชียงตุง ตั้งแต่ครั้งโบราณ เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงแก่พิราลัย เจ้านายบุตรหลานจึงมอบให้เป็นสมบัติของแผ่นดินพร้อมหอคอย ลักษณะของงาช้างดำนี้เป็นงาปลีเปลือกสีน้ำตาลเข้า ขนาดความยาว 97 เซนติเมตร วัดโดยรอบ 47 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม ส่วนปลายมนมีจารึกอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทยกำกับไว้ว่า "กิ่งนี้หนักหนึ่งหมื่นห้าพัน" หรือประมาณ 18 กิโลกรัม

น่าเสียดาย ที่ทางพิพิธภัณฑ์ ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ซึ่งก็เป็นกฎสากลของทุกที่ จึงมิได้นำภาพของสำคัญคู่เมืองน่านมาให้ชมครับ... ของสำคัญที่ว่านี้คือ งาช้างดำครับ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่โชคยังดีครับ มี Post card จำหน่ายผมเลยซื้อมาและจัดการ Scan มาให้ชมครับ


ภาพนี้ สแกนมาจึงได้เพียงเท่านี้ ซึ่งต่างจากดูของจริงครับ งาช้างดำนี้ จะจัดแสดงอยู่ชั้นสองห้องในสุดทางด้านซ้ายมือ ครับงาช้างดำจะอยู่ในห้องกระจกติดแอร์อย่างดีและมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีครับ บรรยากาศในห้องตอนที่ผมเข้าไปดูนั้น บอกไม่ถูกครับ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเก่าแก่โบราณและขนลุกครับ (เข้าไปคนเดียวด้วย  :P )

คงต้องพักไว้ที่ พิพิธภัณฑ์ นี้ก่อน คราวหน้าจะไปต่อที่วัดไหน เดี๋ยวมาต่อครับ  :P