ขอถามท่าผู้รู้เกี่ยวกับเครืองเสียงในแต่ละ class ครับ

ทำความเข้าใจก่อน ว่า Class กับการใช้อุปกรณ์ (Transistor หรือ FET) คนละเรื่องกัน
Class A,AB,C,D..... เป็นจุดไบแอสอุปกรณ์เพาเวอร์เอ้าพุท เช่น Class A ไบแอสให้เพาเวอร์เอ้าพุท
ทำงานนิดนึง(มีกระแสไหลทั้งที่ยังไม่มีสัญญาณอินพุท) ผลที่ได้คือการตอบสนองที่เร็วดีเลย์น้อย(เกือบไม่มี) ผลเสียคือรับประทานไฟ(ร้อน) Class AB ก็ไบแอสไว้ที่ 0 มีสัญญาณมาแอมป์จึงจะทำงาน ผลที่ได้ตอบสนองช้ามีดีเลย์ข้อดีไม่ทานไฟ(ไม่ร้อนมาก) Class C ไบแอสต่ำกว่า 0 มีสัญญาณมาแรงระดับหนึ่งมันจึงจะทำงาน(ใช้ใน ทอ-ละ-โข่ง) มันประหยัดไฟ แต่เสียงไม่ได้เรื่อง ส่วน Class D เป็นดิจิตอลแอมป์ สัญญาณไม่เป็น Sine wave แต่จะเป็น ON-OFF(0-1) ข้อดีคือไม่ทานไฟมากสามารถทำให้วัตต์สูงๆแต่เครื่องมีขนาดเล็กๆได้(ปัจจุบันนิยมใช้)แต่คุณภาพเสียงงั้นๆ (เครื่องเสียงรถยนต์นิยมใช้) พวกหูทองเขาฟัง Class A ส่วนเรื่องอุปกรณ์เพาเวอร์เอ้าพุท จะใช้ Transistor หรือ FET ก็ได้แล้วแต่ขอบ+ลักษณะการใช้งาน งาน PA นิยม FET เนื่องจากใช้งานง่าย จัดไบแอสก็ง่าย เรื่องเอ้าพุทอิมพีแดนซ์ก็ง่าย เบสหนัก (แต่ไม่ใส) ส่วน Transistor นิยมใช้ในบ้านเสียงหวาน ใส เบสไม่หนัก แต่ลึก ออกแบบวงจรยาก สังเกตเครื่องเสียงดีๆ Transistor จะแพง FET (ไม่เอายี่ห้อมาวัด)