อ.พนิตนาฎ ชูฤกษ์ มี...มี....มาก....มาก.
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
พฤษภาคม 14, 2024, 03:58:09 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อ.พนิตนาฎ ชูฤกษ์ มี...มี....มาก....มาก.  (อ่าน 3688 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 18, 2009, 06:48:20 PM »


ตั้งชื่อคอลัมน์ไว้แบบนี้  หลายคนคงนึกว่า  เอ๋!  ครูมีอะไรมากมายขนาดไหน  ถึงต้องมาเล่าสู่กันฟัง
            คืออย่างนี้ค่ะ  ช่วงเทอมนี้ครูสอนคอร์สการเขียนภาษาอังกฤษ  เราก็มีโครงสร้างหลักที่สำคัญและยากหลายเรื่อง  ที่จำเป็นต้องเน้น  และทำความเข้าใจกัน  ส่วนเนื้อหาเล็กๆ  น้อยๆ  ที่คาดว่านักศึกษาเรียนมากแล้วตั้งแต่เด็กๆ ก็ข้ามไปบ้าง  ประมาณว่าให้นักศึกษาเก็บของเก่ามาใช้ด้วย  เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการสอนเนื้อหาใหม่ที่ยากๆ

            นักศึกษาก็ตั้งอกตั้งใจระวังโครงสร้างหลักๆ  ที่ครูเพิ่งสอนให้ใหม่เป็นอย่างดี  ฟังดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลยใช่ไหมคะ  แต่กลับกลานเป็นว่านักศึกษากลับมาพลาดที่จุดเล็กๆ  อย่างไม่น่าเชื่อ  ไม่ใช่พลาดธรรมดาเสียด้วย  แต่เป็นการพลาดแบบไม่น่าจะพลาดเลย  เพราะมาผิดที่คำที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ  นั่นคือคำว่า  “มาก”

            ครูว่าไม่ใข่แต่นักศึกษาของครูที่เรียนการเขียนเท่านั้นหรอกค่ะ ที่รู้สึกสับสนเวลาจะใช้คำว่า  “มาก”  คุณๆ  ผู้อ่านหลายๆ  ท่าน  ก็คงเคยเป็นใช่ไหม  เรารู้ๆ  กันอยู่ว่า  เวลาเราจะพูดหรือเขียนคำว่า  “มาก”  (ภาษาอังกฤษมีให้เราหยิบใช้ได้หลายตัวเช่น  very , many , much , more , several , a lot  และอีกหลายตัวเลย)

            ความจริงแล้ว  มีมากกว่านี้ค่ะ  แต่ครูขอยกออกมาเฉพาะตัวที่อาจหยิบใช้ได้บ่อยๆ
            แต่ละตัวถึงแม้จะแปลว่า  “มาก”  เหมือนกันแต่จะมีวิธีใช้ต่างกัน
            ครูขอแยกออกจากกันง่ายๆ  เป็น  2  กลุ่มก้อน  แล้วค่อยมาอธิบายละเอียดทีละตัว
            ครูขอให้นึกเสมอนะคะว่า  ถ้าเราอยากใช้คำว่า  “มาก”  กับคำขยายประเภทต่างๆ  เช่น  พวกคำ  adjective  หรือคำคุณศัพท์รวมทั้ง  adverb  คำวิเศษณ์  หรือคำขยายกริยา  ซึ่งเป็นคำที่ใช้บอกสิ่งต่อไปนี้เช่น

            บอกขนาด :  big  (ใหญ่) , large (ใหญ่) , tiny  (เล็กน้อย) , huge (ใหญ่โต) , minute (เล็ก) , small (เล็ก) , little (เล็ก)
            บอกสีสัน  :  red , black , dark  (สีเข้ม , มืด) , light (สีอ่อน)
            บอกรูปร่าง  :  round  (กลม) , flat (แบน) , thin (ผอม , บาง) , skinny  (ผอมแห้ง)
            บอกคุณสมบัติ  :  bad  (เลว) , good  (ดี) , beautiful  (สวย) , hard (หนัก , ยาก, ลำบาก) , easily  (อย่างง่าย) , carefully (อย่างรอบคอบ) , friendly  (เป็นมิตร)


คำทั้งหมดที่ครูว่ามานี้  ให้ใช้กับคำว่า  very  ทั้งหมด  เช่น
            very  chubby   เจ้าเนื้อมาก  (อ้วนมาก)
            very  fair    ยุติธรรมมาก
            very  tired   เหนื่อยมาก
            very  dark   มืด (ค่ำ)  มาก , สีเข้มมาก
            very  tidy    เป็นระเบียบมาก
            very  clumsy   งุ่มง่าม ,  เงอะมาก
            very  far    ไกลมาก
            very  near   ใกล้มาก
            very  good / well   ดีมาก
            very  happy   มีความสุขมาก

พอเข้าใจไหมคะ
            แต่ถ้าต้องการความหมาย  “มาก”  เพื่อใช้อธิบายคำนาม  ซึ่งก็คือ  คำที่ใช้เรียกชื่อคน , สัตว์ , สิ่งของ , สถานที่  หรือสีต่างๆ  เราจะใช้  very  ไม่ได้  แต่ต้องใช้  many  ,  much  ,  และ  a  lot  of  แทน  แต่ก็ใช่ว่าทุกตัวจะใช้เหมือนกันหมดนะคะ
            แต่ละตัวเราก็จะมีวิธีเลือกใช้ดังนี้ค่ะ


ถ้าเราจะใช้คำว่า  “มาก”  กับคำนามที่นับไม่ได้  เราต้องใช้  much  ค่ะ  เช่น
            much money  เงินมาก
            much  water  น้ำมาก
            much  oil   น้ำมันมาก
            much  sugar  น้ำตาลมาก
            much  pollution  มลพิษมาก
            much  work  งานมาก

นอกจากนี้เรายังใช้  much  วางท้ายประโยคเพื่อเป็นการขยายคำกริยา  เพื่อบอกว่า  ทำอะไรมาก  ในประโยคคำถามหรือปฏิเสธได้  เช่น

            Does  your  boyfriend  drink  much?
            แฟนคุณดื่มจัด  (มาก)  ไหม
            Do  you  watch  the  film  much?
            คุณดูหนังมากไหม
            He  doesn’t  talk  much.
            เขาไม่ค่อยพูดมากนัก

แต่ถ้าเป็นคำนามนับได้  ก็ต้องเปลี่ยนเป็นใช้  many  แทนค่ะ  เช่น
            many  friends  เพื่อนมาก
            many  cars  รถมาก
            many  children  เด็กๆ  มาก
            many  schools  โรงเรียนมาก
            many rules  กฏเกณฑ์มาก
            many  problems  ปัญหามาก
            many  และ  much  มักจะใช้เวลาที่เราต้องการถามหรือบอกปฏิเสธเป็นหลักค่ะ

            ส่วน  a  lot  of  ใช้ได้กับคำนามทั้ง  2  ประเภทเลยค่ะ  ทั้งคำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้  (อ้อ!  รู้อย่างนี้ก็ใช้  a  lot  of  ตลอดไปเลยดีไหมล่ะ ...  ดีเลย)  และมักใช้ในประโยคบอกเล่าค่ะ
            a  lot  of  windows  หน้าต่างเยอะ
            a  lot  of  food   อาหารมาก
            หรือบางครั้งอาจจะเป็น  a  lot  เฉยๆ  วางไว้ท้ายประโยค  ถ้ารู้อยู่ว่าพูดถึงอะไรเช่น
            He  gives  me  a  lot  of  money.  เขาให้เงินฉันเยอะจัง
            หรือพูดสั้นๆ  ว่า  He  gives  me  a  lot.

            มีอีกหนึ่งตัวที่ครูอยากพูดถึงก็คือ  เวลาที่เราพูดเปรียบเทียบในขั้นกว่า  เช่น  มากกว่า  อย่างนี้ต้องเปลี่ยนไปใช้อีกอย่างหนึ่งค่ะ  ก็คือ  more จริงๆ แล้ว  more  ก็เปลี่ยนรูปมากจาก  much  และ  many  แต่ใช้เมื่อบอกว่าเยอะกว่าหรือมากกว่า  แต่จะหมายถึง  มากเฉยๆ  ไม่ได้  เช่น
            He’s  got  more  money  (than  me).
            เขามีเงินเยอะกว่าฉัน
            They  have  more  chance.
            เขามีโอกาสมากกว่า

 แล้วถ้าพูดถึงการเปรียบเทียบว่ามากกว่ามาก  อ้วนกว่ามาก  คำว่า  มาก  แบบนี้  ต้องใช้  much  นะคะ  เช่น
            She’s  much  more  beautiful  than  me.
            เธอสวยกว่าฉันมาก
            He  could  speak  English  much  better  than  me.
            เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าฉันมาก
            เป็นไงคะวันนี้  ครูตั้งท่าเล็คเช่อร์ซะจนคุณๆ  มึนไปเลยไหม  แค่คำง่ายจิ๊ดเดียวแค่นี้  ก็ทำให้เราวุ่นวายจนหัวหมุนได้
            ยังไม่พอนะคะ  ยังมีอีกตัวหนึ่ง  ที่เรามักจะใช้ผิดพลาดกันบ่อย  ถึงแม้ว่าจะดูง่ายแสนง่าย  ก็คำว่า  “มี”  นี่แหละค่ะ

            ในภาษาอังกฤษเรามักะคุ้นเคยกับคำสองชุดที่แปลว่า  “มี”  คือ  Verb  to  have  (has, have , had)  และ  There  is  (are , was, were)
            ทั้ง  2  ชุดนี้มีวิธีใช้ต่างกัน  ครูขออธิบายเข้าใจง่ายๆ  อย่างนี้ค่ะ

            ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เราต้องการพูดขึ้นมาลอยๆ  ว่า  “มี”  คน ,  สัตว์  ,  สิ่งของหรือะไรก็ตาม  ถ้าสิ่งที่เราพูดถึง  ไม่มีเจ้าของ  หรือ  เจ้าของไม่มีตัวตนหรือไม่ชัดเจนว่าเป็นของใคร  หรือ  เจ้าของเป็นสิ่งไม่มีชีวิต  เราต้องใช้  there  is  (are , was , were)
 ส่วนข้อแตกต่างระหว่าง  There  is  และ  There  are  ก็คือ  ถ้าเราพูดว่ามี  คน,  สัตว์ , สิ่งของ  หลายอย่าง  ก็ต้องใช้  There  are  (บอกปัจจุบัน  แต่ถ้าเป็นอดีต  ก็ต้องใช้  There  were)  ถ้าเราพูดว่ามี  คน ,  สัตว์  ,สิ่งของ  เพียงอย่างเดียว  ต้องใช้  There  is  (ถ้าเป็นปัจจุบัน  ส่วนอดีตต้องใช้  There  was  แทนค่ะ)

            เช่น  เราอยากจะบอกฝรั่งว่า  ในเมืองไทยมีอะไรบ้าง
            There  are  a  lot  of  places  to  visit  in  Thailand.
            มีที่น่าเที่ยวหลายแห่งในเมืองไทย
            There  are  many  beautiful  beaches  and  mountains.
            มีทะเลและภูเขาสวยๆ  มากมาย
            There  are  a  lot  of  tourists  visiting  our  country.
            มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองไทยเยอะแยะเลย
            There  is  interesting  shop  around  here.
            มีร้านค้าที่น่าสนใจแถวๆ  นี้  1  ร้าน

            แต่ถ้าเราต้องการพูดถึง  คน,  สัตว์ , สิ่งของ  และเป็นการเน้นเจ้าของ  และเจ้าของเป็นคนหรือสัตว์  เราต้องใช้
            Verb  to  have  คือ  has , have  (บอกปัจจุบัน)  หรือ  had  (บอกอดีต)

            ถ้าเจ้าของมีคนเดียวเราก็ต้องใช้  has  แต่ถ้าเจ้าของหลายคน  เราใช้  have  รวมทั้ง  I  และ  you ด้วยนะคะ  ส่วน  had  ใช้ได้ในทุกกรณี  ถ้าหมายถึง  อดีต  เช่น

            My  daughter  had  very  long  hair.
            ลูกสาวของฉันมีผมยาว
            Tom  has  a  nice  job.
            ทอมมีงานที่ดี
            My  friends  have  a  lot  of  things  to do  this  weekend.
            เพื่อนๆ  ของฉันมีอะไรต้องทำหลายอย่างในช่วงสุดสัปดาห์นี้
            When  I  was  young , I had  a  little  dog.
            ตอนฉันเป็นเด็ก  ฉันมีเจ้าลูกหมาตัวน้อยตัวหนึ่ง

            ในภาษาพูด  ฝรั่งนิยมใช้คำว่า  has  got / have  got  ในความหมายเดียวกับ  has , have  แต่อาจจะใช้ในรูย่อเป็น  ‘s  got  กับ  ‘ve  got  แต่จะใช้  had  got  ไม่ได้นะคะ  เพราะเป็นคำที่ใช้เล่าในปัจจุบันเท่านั้น  ใช้บอกอดีตไม่ได้ค่ะ  เช่น

            I’ve  got  a  little  money.
            ฉันมีเงินอยู่แค่นิดเดียวเอง
            We’ve  got  so  much  work  to  do.
            เรามีงานต้องทำเยอะมาก
            เห็นไหมคะว่า ทั้ง  “มี”  กับ  “มาก”  สมกับชื่อตอนเลยฝึกใช้บ่อยๆ นะคะ  เผื่อเราจะมีอะไรเล่าเยอะมาก  จะได้เล่าให้เขาฟังได้ ...ไม่พูดผิดให้อายใคร...


ขอขอบคุณภายใต้ความร่วมมือของโรงเรียนสอนภาษา อ.พนิตนาฎ ชูฤกษ์ และวิชาการดอทคอม
www.panidnad.com


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!