กระทู้เมื่อเร็วๆนี้
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
พฤษภาคม 17, 2024, 01:04:38 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
 1 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:34:47 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥


ไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมไม่รีบมาที่นี่ | HIGHLIGHT The Golden Singer เวทีเสียงเพราะ

โค๊ด:
https://youtu.be/5rjC1ftV3wE?si=cGN1sq9fy60CMt1B

ไม่แข่งยิ่งแพ้

 ดีใจจัง
-------------------------------------------------------------------------
นี่เป็นโชว์ที่ดีที่สุด จาก หนูวรรณ กัลยาวรรณ | HIGHLIGHT The Golden Singer เวทีเสียงเพราะ

โค๊ด:
https://youtu.be/BJeO51DrRho?si=AMGT2ti1RM3revDS

ทุกคนเคยร้องไห้  รอบชิงชนะเลิศ
กับการค้นหาสุดยอด “นักร้องเสียงเพราะ”
บนเวทีการแข่งขันบทเพลง ยุคคาสเซ็ท ถึง ยุคปัจจุบัน
เวทีที่คุณจะต้อง อึ้งไปกับเสียงร้อง
ทึ่งไปกับความสามารถของคนไทยที่มีดีกรีไม่ธรรมดา
และการเติมเต็มความฝันครั้งยิ่งใหญ่เพื่อก้าวขึ้นสู่เวทีอีกครั้ง
นำทีมโดย 3 กรรมการ แถวหน้าแห่งวงการเพลงเมืองไทย
ป๋าเต็ด ยุทธนา , แพท วง KLEAR และ ตู่ ภพธร
พร้อมความสนุกจาก 2 พิธีกร ตั้ม วราวุธ และ คริส พีรวัส
 wav!!
--------------------------------------------------------------------------

"หนูวรรณ"ดีจนรู้สึกเศร้าตาม กับเพลงที่ร้องใหัตัวเองในอดีต HIGHLIGHT The Golden Singer เวทีเสียงเพราะ

โค๊ด:
https://youtu.be/7-qHf4xswYM?si=b4UnM0xORk0AaGzm

 ping!

 2 
 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2024, 06:49:18 PM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
โค๊ด:
https://www.facebook.com/100044511276276/posts/978002377026796/?rdid=Z8dQ4meJOSO2Q9QH

 3 
 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2024, 06:47:07 PM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
โค๊ด:
https://youtu.be/stJ-TM8MusI?si=PNq_xp5H324D5OPk


พญ. สุภาภร มีลาภ
ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา  Thiravat Hemachudha ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและสมอง
โค๊ด:
https://www.facebook.com/thiravat.h

 Sad

 4 
 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2024, 05:23:21 PM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
DIYอะไรดี 1234 facebook

โค๊ด:
https://www.facebook.com/p/DIY-%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B51234-100066376162613/?paipv=0&eav=AfZQSmwQOjw2fPzI1oSVUS5fM85KfFdbE3Fa--2rcqZMluROOhN-6YOKDI-QbymXi_8&_rdr

 ping!

 5 
 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2024, 04:06:19 PM 
เริ่มโดย ช่างเล็ก(LSV) - กระทู้ล่าสุด โดย ช่างเล็ก(LSV)
https://108kaset.com/2024/05/16/%e0%b8%a5%e0%b9%8a%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b9%88/
ตรวจผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 16 พ.ค. 2567
#ตรวจ   #การออกรางวัล  #สลากกินแบ่งรัฐบาล #หวย  #ล้าน
------------

 6 
 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2024, 12:31:36 PM 
เริ่มโดย ช่างเล็ก(LSV) - กระทู้ล่าสุด โดย ช่างเล็ก(LSV)
https://www.pohchae.com/2024/05/16/labubu-liza
“ลาบูบู้” (Labubu) หนึ่งในอาร์ตทอย ที่ของมันต้องมี?
#ลาบูบู้  #Labubu #อาร์ตทอย #ของมันต้องมี  #liza
--------

กระแสอาร์ตทอยถือว่ามาแรงในประเทศไทย “ลาบูบู้” (Labubu) ก็เป็นหนึ่งในอาร์ตทอยตัวดังที่ได้รับความนิยมจนทำให้สินค้าขาดตลาดอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาที่คนดังอย่าง ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล ได้ถ่ายรูปคู่กับลาบูบู้ รุ่นมาการอง จนเกิดกระแสไวรัลขึ้นอีกครั้ง

ประวัติลาบูบู้ (Labubu) มีที่มาจากอะไร
ตุ๊กตาลาบูบู้ คือ ตุ๊กตาอาร์ตทอยที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้ มีลักษณะหน้าตาคล้ายกับปิศาจตัวน้อย ตาโต ฟันแหลม ขนฟูนุ่ม มาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งจุดเริ่มต้นของตุ๊กตาตัวนี้มาจาก “คาซิง ลัง” (Kasing Lung) ศิลปินผู้สร้างผลงานอันโด่งดังทั่วโลก

คาซิง ลัง คือใคร?
“คาซิง ลัง” ชาวฮ่องกงที่เติบโตในประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เนื่องจากครอบครัวย้ายไปเปิดร้านอาหารที่นั่น ขณะนั้นเขาได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกภาษาผ่านการอ่านหนังสือ แน่นอนว่าหนังสือเหล่านี้เต็มไปด้วยภาพวาดน่ารักๆ ประกอบ นี่จึงเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของความชอบในงานศิลปะ..

เมื่อโตขึ้นเขาตัดสินใจเข้าเรียนที่ Academy of Fine Arts เมื่อจบออกมาได้กลับมาทำงานที่ฮ่องกงอีกครั้ง ในฐานะนักออกแบบโฆษณา แต่ด้วยปัญหาหลายๆ ด้าน ทำให้เขาต้องย้ายกลับไปเนเธอร์แลนด์ และเริ่มออกแบบหนังสือนิทานสำหรับเด็ก แม้ว่าในช่วงแรกเขาจะถูกปฏิเสธ แต่ในที่สุดเขาก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ World ILLustration Awards ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในเบื้องต้นของเขาได้

ต่อมา เขาได้รับคำเชิญจาก “โฮเวิร์ด ลี” เจ้าของบริษัทอาร์ตทอยในฮ่องกง ก่อนที่จะได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานและออกแบบอาร์ตทอย จนกระทั่งเขาได้ออกแบบ The Monsters Series และถือกำเนิดลาบูบู้ ก่อนจะออกแบบร่วมกันกับทาง Pop Mart และกลายเป็นตุ๊กตาตัวดังในปัจจุบัน

ส่องราคาลาบูบู้เท่าไรบ้าง
ราคาของลาบูบู้แตกต่างกันออกไปตามแต่ละคอลเลกชัน ยกตัวอย่างเช่น ลาบูบู้มาการอง หรือ THE MONSTERS exciting macaron ราคาทางการอยู่ที่ 550 บาท รุ่น The Monsters Toys Series Blind Box ราคาอยู่ที่ 320 บาท ทั้งนี้ หากคอลเลกชันใดที่มีกระแสมาแรงก็อาจจะทำให้ราคารีเซลล์เพิ่มขึ้นจากเดิมได้เช่นกัน..


รู้จัก “ลาบูบู้มาการอง” คอลเลกชันยอดฮิต
แน่นอนว่าในซีรีส์ของลาบูบู้นั้น เต็มไปด้วยผลงานหลากหลายคอลเลกชัน แต่หากพูดถึงคอลเลกชันที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน ก็คงจะมีชื่อของ “ลาบูบู้มาการอง” ติดโผอยู่ด้วยแน่นอน เนื่องจากความน่ารัก สีสันสดใส และสามารถสวมใส่เสื้อผ้า รองเท้า หรือเครื่องประดับสะท้อนตัวตน อีกทั้งยังคล้องเป็นพวงกุญแจเก๋ๆ ได้อีกด้วย

อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาลิซ่า หรือ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล ได้ถ่ายรูปคู่กับลาบูบู้ รุ่น THE MONSTERS exciting macaron โพสต์ลงบัญชีอินสตาแกรมก็ทำให้กระแสได้รับความนิยมยิ่งขึ้น และราคาพุ่งขึ้นจากหลักพัน สู่หลักหมื่นแล้ว

แจกพิกัด “ลาบูบู้” ซื้อได้ที่ไหนบ้าง
ปัจจุบัน Pop Mart ในประเทศไทยมีทั้งหมด 5 สาขา ดังนี้..
●Pop Mart สาขา Siam Center
●Pop Mart สาขา CentralWorld
●Pop Mart สาขา Terminal21 Asoke
●Pop Mart สาขา Fashion Island
●Pop Mart สาขา Central Westgate

หากใครที่ไม่สะดวกเดินทางไปซื้อยังหน้าร้านทางการ ก็สามารถหาซื้อตุ๊กตาลาบูบู้ หรืออาร์ตทอยอื่นๆ ได้ผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์ของ Pop Mart หรือทาง Lazada และ Shopee ได้เช่นกัน ซึ่งนอกจากความน่ารักของตุ๊กตาลาบูบู้ที่ชวนให้หลายคนซื้อมาใช้ ยังกลายเป็นของสะสมที่มีคุณค่าทางจิตใจอีกด้วย   

 7 
 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2024, 08:08:12 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
โค๊ด:
https://www.facebook.com/reel/1850605645448336

 ju_ju!!

 8 
 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2024, 07:28:16 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥


"ผมทำได้ ผมช่วยชีวิตลูกสาวของผมได้"
หลี่หยางชายในวัย ๔๐ ปีแบกร่างลูกสาว
ออกมาจากซากปรักหักพัง
ของโรงเรียนเป่ยชวน กว่าสิบชั่วโมง
ด้วยมือเปล่าเพียงลำพัง เขาขุดและขุด
แผ่นดินยังไหวเป็นระยะ
เจ้าหน้าที่ตะโกนให้เขาออกมาหลบภัย
แต่หลี่หยางไม่ฟัง
เขายังใช้มือเปล่าที่ชุ่มไปด้วยเลือด
ขุดและขุดมันต่อไป 

"the apple of one's eye" เป็น สำนวน (idiom)
มีความหมายว่า "สิ่งอันเป็นที่รัก"
เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย
เเละจะสูญเสียไปไม่ได้ คนสมัยโบราณ
จึงใช้สำนวนนี้ เปรียบเทียบกับ คนหรือสิ่งของที่มีค่า
 (ในสำนวนภาษาไทยจะใช้คำว่า "แก้วตาดวงใจ")

สำนวนนี้ ยังปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิล
ที่กล่าวไว้ว่า พระเจ้าจะปกปักรักษาเรา
เหมือนเป็น Apple of his eye คือ
ดั่งแก้วตาดวงใจหรือสุดที่รักของพระองค์

ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เหวินชวน
เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๐๐๘
เป็นวันที่คนทั้งโลกต้องจดจำ ในวันนั้น
สถานที่ต่างๆบริเวณ เหวินชวน และเป่ยชวน
ในเสฉวน ประสบกับแผ่นดินไหวที่รุนแรง
เป็นวงกว้างที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศจีนใหม่

ชีวิตนับไม่ถ้วนหายไปในทันที
และบ้านเรือนจำนวนนับไม่ถ้วนก็พังทลายลง
เป็นซากปรักหักพังในทันที ในความทุกข์ทรมานที่สุด
มืดมนที่สุดก็ยังคงมีแสงสว่างและเรื่องราวดีๆมากที่สุดเช่นกัน

ย้อนไปในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๐๐๘
หลี่หยาง กำลังยุ่งอยู่ในสำนักงานของหน่วยของเขา
ทันใดนั้น พื้นก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
และโต๊ะและเก้าอี้ก็เริ่มสั่นอย่างไม่มั่นคง หลี่หยางตกใจ
และรู้ทันทีว่าเป็นแผ่นดินไหว! เขารีบวิ่งไปที่มุมหนึ่ง
ของสำนักงานเพื่อหลบภัยและโทร
ไปยังหมายเลขโทรศัพท์บ้านของเขา
แต่ไม่มีใครตอบรับ

ในขณะนั้น หัวใจของเขาดูเหมือนจะถูกก้อนหินหนักทับลง
เพราะเขารู้ว่าลูกสาวของเขา หลี่เจียฉิน
กำลังอยู่ที่โรงเรียนเป่ยชวน มิดเดิ้ล
ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวมาก

ในขณะที่รออย่างใจจดใจจ่อ
จนกระทั่งแผ่นดินไหวลดลงเล็กน้อย
หัวใจของหลี่หยางรู้สึกเหมือนถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟ
เมื่อแผ่นดินไหวลดลง เขาจึงรีบขับรถ
ไปที่โรงเรียนมัธยมเป่ยชวนทันที

ระหว่างทางหัวใจของเขาเต้นแรง
อธิษฐานขอให้ลูกสาวของเขาปลอดภัย
ภาพของลูกสาวของเขายังคงแวบขึ้นมาในใจของเขา
และความทรงจำอันอบอุ่นเหล่านั้น
ทำให้เขาตั้งใจมากขึ้นที่จะตามหาลูกสาวของเขา

เมื่อหลี่หยางรีบไปโรงเรียน
ภาพตรงหน้าเขาทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
วิทยาเขตที่ครั้งหนึ่งเคยพลุกพล่านไปด้วยผู้คน
กลายเป็นซากปรักหักพัง มีทั้งอาคารเรียนที่พังทลาย
ต้นไม้หัก อิฐและหินกระจัดกระจาย...
ทุกสิ่งดูรกร้างราวกับเกิดโศกนาฏกรรม

เขาตะโกนชื่อลูกสาวเสียงดัง
แต่คำตอบเดียวคือเสียงสะท้อนจากรอบข้าง
และเสียงร้องแผ่วเบาเพื่อขอความช่วยเหลือ
ภายใต้ซากปรักหักพัง ในขณะนั้นหัวใจของเขาเต้นรัว
เขาอยากจะตามหาลูกสาวของเขา
แต่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน

ในขณะนี้ เขาสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหว
อยู่ใต้แผ่นหินขนาดใหญ่ เขานำแผ่นหินออกอย่างระมัดระวัง
และพบช่องว่างเล็กๆ ด้านล่าง และดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่ข้างใน
เขาขุดอิฐและแท่งเหล็กที่อยู่รอบๆ ทันทีด้วยมือของเขา
โดยหวังว่าจะช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ได้โดยเร็วที่สุด
 มือของเขาถูกหิน กรวด หล็กเส้น บาดจนมีเลือดหยดเต็มฝ่ามือ
แต่เขาไม่สนใจเขายังคงขุดและขุดต่อไป
ทีมงานกู้ภัยเริ่มมาถึงแล้ว คนประสบภัยคนแล้วคนเล่า
ได้ถูกช่วยเหลือโดยหลี่หยาง
แต่เขาก็ยังไม่เจอลูกสาวของเขาเลย

เมื่อเวลาผ่านไปอาฟเตอร์ช็อกยังคงเกิดขึ้น
สร้างความยากลำบากอย่างมากให้กับงานกู้ภัย
ทีมกู้ภัยตะโกนให้หลี่หยางลงมาหลบในที่ปลอดภัย
รอให้อาฟเตอร์ช็อกสงบก่อน แต่หลี่หยางไม่ฟัง
เขายังคงขุดและขุดต่อไปด้วยมือเปล่าของเขา
แม้ทางกู้ภัยจะให้ถุงมือ แต่หลี่หยางไม่สวมมัน
เพราะว่าความเจ็บปวดที่มือของเขามันทำให้เขาไม่หลับ

แม้เหนื่อยล้าแค่ไหน หลี่หยางก็หลับไม่ได้
จนกว่าเขาจะได้เจอลูกสาว

เขาเชื่อมั่นว่าตราบใดที่ยังมีความหวังแม้จะริบหรี่
เขาก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้
เขาให้กำลังใจตัวเองและลูกสาวอย่างต่อเนื่อง 
ภายใต้ซากปรักหักพังนั้นมีหัวใจอันยิ่งใหญ่
ของคนเป็นพ่อที่ยังสว่างไสวด้วยความหวัง
จะช่วยชีวิตลูกสาวของเขาให้ได้

ในระหว่างกระบวนการขุดค้น
หลี่หยางประสบปัญหามากมาย
บางครั้งเขาจะพบกับแผ่นหินหรือแท่งเหล็กขนาดใหญ่
ที่ต้องใช้กำลังทั้งหมดในการเคลื่อนย้าย
บางครั้งเขาจะพบกับพื้นที่แคบและจำเป็นต้องมุด
เข้าไปในความมืดอย่างระมัดระวังเพื่อขุดต่อไป
แต่เขาไม่ยอมแพ้ เขาเชื่อมั่นว่าตราบใด
ที่เขายังพยายามเขาจะได้พบลูกสาว
ของเขาอย่างแน่นอน

กว่าสิบชั่วโมงที่หลี่หยางขุด
เขาตะโกนเรียกชื่อลูกสาวจนเสียงแหบแห้ง
เขาหยุดพักและกำลังจะ
หลั่งน้ำตาก่อนที่จะได้ยินเสียงจากสวรรค์

“พ่อ นั่นใช่พ่อหรือเปล่า?”

นี่น่าจะเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดที่
หลี่หยางเคยได้ยินหลังจากเสียงร้องจ้าของลูกสาวตอนแรกเกิด
นั่นคือเสียงร้องขอความช่วยเหลือของหลี่ เจียฉิน ลูกสาวของเขา!

ทันใดนั้นหลี่หยางก็มีพลังและเร่งความเร็วการขุด
เขาขุดอิฐและดินก้อนสุดท้ายด้วยมือของเขา
และในที่สุดก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและซีดเซียวของลูกสาวของเขา

เมื่อ หลี่เจียฉินได้รับการช่วยเหลือ
เธอก็กอดพ่อของเธอแน่นและหลั่งน้ำตา
หลี่หยางแบกร่างลูกสาวออกจากซากปรักหักพังของโรงเรียน
เมื่อเขาเจอนักข่าวที่เบื้องนอก เขาก็ตะโกนด้วยความดีใจว่า

"ผมทำได้ ผมช่วยชีวิตลูกสาวของผมได้"

เรื่องราวของหลี่หยางเป็นแรงบันดาลใจ
ให้ผู้คนนับไม่ถ้วนและทำให้เราเชื่อว่าเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก
ตราบใดที่เรามีศรัทธาและความเพียรพยายาม
เราจะสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้

ในใจของหลี่หยาง เขารู้สึกเสมอว่าเขาเป็นเพียงพ่อธรรมดา
ที่ทำในสิ่งที่เขาควรทำ เขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นฮีโร่
เขาแค่อยากให้ลูกสาวของเขาปลอดภัย

หลี่หยางให้ความสำคัญกับช่วงเวลาร่วมกับลูกสาวมากขึ้น
พวกเขามักจะนึกถึงวันที่ยากลำบากเหล่านั้นร่วมกัน
และแบ่งปันความรู้สึกและประสบการณ์ของกันและกัน
ในเวลาเดียวกัน หลี่หยางยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมสวัสดิการสาธารณะต่างๆ
และใช้เวลาและกำลังของเขาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

สำหรับหลี่เจียฉิน เธอเข้าใจถึงความเปราะบาง
และความล้ำค่าของชีวิต
จึงทะนุถนอมชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น

เธอเรียนหนักเพื่อที่จะเป็นหมอ
และหวังว่าจะใช้ความรู้และความสามารถของเธอตอบแทนสังคม
ในเวลาเดียวกัน เธอก็ระลึกถึงพระคุณในการช่วยชีวิตของพ่อเธออยู่เสมอ
และรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่เขาทำเพื่อเธอ
สำหรับหลี่หยาง ความปรารถนาสูงสุดของเขาคือ
การอยู่เคียงข้างลูกสาว  มองการเติบโต และความสุขของเธอ

ในปี ๒๐๐๘ ทางมาเวล สตูดิโอ
ได้สร้างภาพยนตร์เรื่องแรกคือ Iron Man มหาประลัยคนเกราะเหล็ก
เปิดจักรวาลภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีไร่
เมื่อเด็กหญิงนั่งดูหนังเรื่องกับพ่อของเธอ
และถามเขาว่า การเป็นซูปเปอร์ฮีโร่ได้นั้นต้องมีอะไรบ้าง
บางครั้งการเป็นซุปเปอร์ฮีไร่นั้น ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเลย

หลี่หยางมีเพียงแค่สองมือ
และหัวใจที่รักลูกสาว
เท่านี้เขาก็เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ได้แล้ว

เพราะว่า หลี่เจียฉิน ลูกสาวของ หลี่หยางนั้น.....

YOU ARE THE APPLE OF MY EYE

ที่มา : เพจเก้ากระบี่เดียวดาย

 wav!!

 9 
 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2024, 07:10:38 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
https://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php/topic,101341.0.html


อาจารย์ปูชนียบุคคลทางวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย
ที่ไม่ใช่ จุฬา ส่งข่าวมาว่า
อยากให้ตรวจสอบถามโครงการที่ทำ Crowdfunding
ขอบริจาคจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อหา 
PD1 /PDL1 monoclonal Ab ซึ่งได้เงินบริจาคหลายร้อยล้าน
ว่าผลเป็นอย่างไร เงินหมดไปเท่าไรครับ ?
“ผมเคยพูดไว้แล้วว่า
จุฬาขอบริจาคแบบ aggressive มากๆ  ทำให้คนที่ไม่บริจาค เหมือนกับทำผิด
และยังบอกไว้ด้วยว่า  ถ้าไม่สำเร็จ
ก็จะทำให้สังคมไม่เชื่อถือนักวิจัยอีกต่อไป !”
นี่เป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนบริจาคตั้งแต่ 4 ธันวาคม 2018
และจนกระทั่งถึงปัจจุบัน 2024 ยังไม่มีรายงานความก้าวหน้าอะไรทั้งสิ้น
และขณะเดียวกันจะจับมือกับ องค์การเภสัชกรรม
เพื่อทำโครงการต่อ ในขณะที่ได้เงินบริจาคไปน่าจะหลายร้อยล้าน
แต่ไม่มีใครตรวจสอบเลย

(และยังมีโครงการรักษามะเร็งด้วยกระบวนการ CAR-T cell อีก ซึ่งเป็นการระดมทุนเช่นเดียวกัน)

-------------------------------------------------------------------------

จะมีการแถลงข่าวประชาสัมพันธ์
โครงการรักษามะเร็งวันที่ 15 พฤษภาคม 2567
โดยร่วมทุนกับองค์การเภสัชกรรม
ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องสนใจเพราะมีการรับบริจาคมา ห้าถึงหกปีแล้ว
และความคืบหน้าเป็นอย่างไร
การพัฒนาเป็นการก๊อปปี้แบบเดียวกับที่ทำวัคซีนโควิด
โดยก๊อปจากไฟเซอร์และวัคซีนวัคซีนโควิดของจุฬา
ได้ประกาศเลิกทำแล้วในเดือนพฤษภาคม 2567 นี้
ใช้เงินไปเกือบ 1000 ล้านบาท
และยังมีเรื่องยาพ่นจมูก chula Covi-trap ซึ่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ มากมาย
โดยทำจากแอนติบอดีที่เฉพาะเจาะจงกับสายพันธุ์
โดยที่โควิดเปลี่ยนสายพันธุ์ไปเรื่อยเรื่อย ลักษณะดังดังกล่าว
ได้รับเงินทุนบริจาคหรือไม่อย่างไร
และได้ผลเพียงใดเมื่อเทียบกับยา พ่นจมูกแบบปกติ
ที่ขายอยู่หลายยี่ห้อ ที่กันไม่ให้เชื้อโรคเกาะติดที่ผนังจมูก
และลำคอเท่านั้นและราคาถูกกว่า
โดยไม่ได้ขอบริจาคจากประชาชน
••• ต้องมีกรรมการภายนอกตรวจสอบ ?
ทั้งทางวิชาการการใช้เงินมีใครที่ได้รับเงินไปบ้าง ?

Cr:  ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์ เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและสมอง
 ju_ju!!

 10 
 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2024, 07:06:37 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
อาจารย์ปูชนียบุคคลทางวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย
ที่ไม่ใช่ จุฬา ส่งข่าวมาว่า
อยากให้ตรวจสอบถามโครงการที่ทำ Crowdfunding
ขอบริจาคจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อหา 
PD1 /PDL1 monoclonal Ab ซึ่งได้เงินบริจาคหลายร้อยล้าน
ว่าผลเป็นอย่างไร เงินหมดไปเท่าไรครับ ?
“ผมเคยพูดไว้แล้วว่า
จุฬาขอบริจาคแบบ aggressive มากๆ  ทำให้คนที่ไม่บริจาค เหมือนกับทำผิด
และยังบอกไว้ด้วยว่า  ถ้าไม่สำเร็จ
ก็จะทำให้สังคมไม่เชื่อถือนักวิจัยอีกต่อไป !”
นี่เป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนบริจาคตั้งแต่ 4 ธันวาคม 2018
และจนกระทั่งถึงปัจจุบัน 2024 ยังไม่มีรายงานความก้าวหน้าอะไรทั้งสิ้น
และขณะเดียวกันจะจับมือกับ องค์การเภสัชกรรม
เพื่อทำโครงการต่อ ในขณะที่ได้เงินบริจาคไปน่าจะหลายร้อยล้าน
แต่ไม่มีใครตรวจสอบเลย


(และยังมีโครงการรักษามะเร็งด้วยกระบวนการ CAR-T cell อีก ซึ่งเป็นการระดมทุนเช่นเดียวกัน)

-------------------------------------------------------------------------

จะมีการแถลงข่าวประชาสัมพันธ์
โครงการรักษามะเร็งวันที่ 15 พฤษภาคม 2567
โดยร่วมทุนกับองค์การเภสัชกรรม
ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องสนใจเพราะมีการรับบริจาคมา ห้าถึงหกปีแล้ว
และความคืบหน้าเป็นอย่างไร
การพัฒนาเป็นการก๊อปปี้แบบเดียวกับที่ทำวัคซีนโควิด
โดยก๊อปจากไฟเซอร์และวัคซีนวัคซีนโควิดของจุฬา
ได้ประกาศเลิกทำแล้วในเดือนพฤษภาคม 2567 นี้
ใช้เงินไปเกือบ 1000 ล้านบาท
และยังมีเรื่องยาพ่นจมูก chula Covi-trap ซึ่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ มากมาย
โดยทำจากแอนติบอดีที่เฉพาะเจาะจงกับสายพันธุ์
โดยที่โควิดเปลี่ยนสายพันธุ์ไปเรื่อยเรื่อย ลักษณะดังดังกล่าว
ได้รับเงินทุนบริจาคหรือไม่อย่างไร
และได้ผลเพียงใดเมื่อเทียบกับยา พ่นจมูกแบบปกติ
ที่ขายอยู่หลายยี่ห้อ ที่กันไม่ให้เชื้อโรคเกาะติดที่ผนังจมูก
และลำคอเท่านั้นและราคาถูกกว่า
โดยไม่ได้ขอบริจาคจากประชาชน
••• ต้องมีกรรมการภายนอกตรวจสอบ
ทั้งทางวิชาการการใช้เงินมีใครที่ได้รับเงินไปบ้าง

โค๊ด:
Cr: https://www.facebook.com/thiravat.h

 Sad

หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!