ไทยสน เรือดำน้ำจีน3ลำ3หมื่นล้านบาท.
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
พฤษภาคม 16, 2024, 07:36:16 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไทยสน เรือดำน้ำจีน3ลำ3หมื่นล้านบาท.  (อ่าน 2564 ครั้ง)
หลอดไฟ
วีไอพี
member
***

คะแนน246
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1550


อีเมล์
« เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2015, 08:09:09 AM »


พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ โบ้ย ผบ.ทร. ตอบประโยชน์ซื้อเรือดำน้ำจีน ยันไทยจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ

          วันที่ 2 กรกฎาคม 2558 จากกรณีที่กองทัพเรือได้เสนอโครงการจัดซื้อจัดหาเรือดำน้ำ เพื่อป้องกันภัยคุกคาม เสนอไปยังคณะรัฐมนตรี ล่าสุด พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวว่า ขณะนี้กองทัพเรือโดยคณะกรรมการคัดเลือกเรือดำน้ำ จำนวน 17 คน ได้พิจารณาแล้วว่าจะเลือกเรือดำน้ำของประเทศใด หลังจากที่เดินทางไปดูเรือดำน้ำของประเทศต่าง ๆ ซึ่งจะต้องดูเรื่องประสิทธิภาพ ราคา และการใช้งาน อย่างไรก็ตามต้องส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง

          ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อขาวถามว่า ถ้าเป็นเรือดำน้ำของประเทศจีนเราจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่ขอตอบ และขอให้ไปถาม พล.ร.อ. ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ที่ศึกษารายละเอียดของเรือดำน้ำในแต่ละประเทศ โดยส่วนตัวเห็นว่าไทยควรจะมีเรือดำน้ำ

http://www.1009seo.com/


บันทึกการเข้า

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13326


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2015, 09:21:10 AM »



ศ. ดร. สุรชาติ บำรุงสุข 
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
บอกการมีเรือดำน้ำของไทย
ไม่ช่วยตอบโจทย์ด้านความมั่นคง
เนื่องจากไทยไม่ค่อยมีข้อพิพาท
ด้านความมั่นคงทางทะเลโดยตรง

ซึ่งไทยไม่มีความจำเป็นในจุดนี้

เอาเข้าปาย..มือใครยาว สาวได้สาวเอา


บันทึกการเข้า
หลอดไฟ
วีไอพี
member
***

คะแนน246
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1550


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 11:31:55 AM »



เปิดข้อมูล เรือดำน้ำจีน รุ่น Yaun Class S26T สมรรถนะคุ้มราคา แต่สังคมแคลงใจจำเป็นต้องมีหรือ ด้านนักวิชาการชี้ไม่ตอบโจทย์ด้านความมั่นคง อ้างเหตุพิพาทในทะเลจีนใต้ไม่เกี่ยวกับไทย ขณะที่ ครม. ยังไม่ลงมติไฟเขียวโครงการดังกล่าว




   วันที่ 7 กรกฎาคม 2558 จากกรณีที่กองทัพเรือมีมติเอกฉันท์จะจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน 3 ลำ ซึ่งมีรายงานว่าเป็นรุ่น Yuan Class S-26T เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่มีระวางน้ำอยู่ที่ 2,600 ตัน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ติดตั้งระบบ Air Independent Propulsion system (AIP) เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ทำให้อยู่ใต้น้ำได้นานถึง 21 วัน โดยไม่ต้องโผล่มาที่่ผิวนำเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้า จึงถือเป็นเรือดำน้ำที่อยู่ใต้น้ำได้นานที่สุดที่ไม่ได้ใช้ระบบนิวเคลียร์เป็นพลังงาน ขณะที่เรือดำน้ำทั่วไปปกติจะอยู่ได้นาน 7-10 วัน





     ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ ระบุว่า เรือดำน้ำรุ่น Yuan Class S-26T ได้ติดตั้งระบบ ขีปนาวุธต่อต้านเรือ หรือ ASM (Anti-Ship missile) ซึ่งคลาสปกติของ Yuan ไม่ได้มีการติดตั้งระบบดังกล่าวไว้

          หากลองเปรียบเทียบสมรรถนะกับขุมกำลังใต้น้ำของเพื่อนบ้านในละแวกอาเซียนนั้น พบว่า เรือดำน้ำที่กองทัพเรือเสนอจัดซื้อ มีสมรรถนะดีที่สุด และราคาอยู่ในระดับยอมรับได้ ดังนี้

          -มาเลเซีย ใช้เรือดำน้ำรุ่นสกอร์เปี้ยน สามารถยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือได้ แต่ไม่มีระบบ AIP
 
          -อินโดนีเซีย ใช้เรือดำน้ำ Chang Bogo-class รุ่น DW1400 ยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือ หรือ ASM ไม่ได้ และยังไม่มีระบบ AIP ด้วย

          -สิงคโปร์ ใช้เรือดำน้ำที่สั่งต่อเอง รุ่น 218 SG ยิง ASM ไม่ได้ แต่มีระบบ AIP

          -เวียดนาม ใช้เรือดำน้ำที่ซื้อจากรัสเซีย คลาส Kilo สามารถยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือได้ แต่ไม่มีระบบ AIP

          จากข้อมูลการเปรียบเทียบข้างต้นจะเห็นว่าในแง่ราคา และสมรรถนะ อาจไม่ใช่ปัญหาของการจัดการซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ แต่ประเด็นที่ถูกตั้งคำถามจากสังคม คือ ความเหมาะสมและความจำเป็นของการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการในช่วงเวลานี้ว่าเหมาะสมหรือไม่





    โดยโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนในครั้งนี้ เป็นที่ทราบกันว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ทราบความเคลื่อนไหวโครงการดังกล่าวเป็นอย่างดี จากการเดินทางเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ และจีนได้เสนอเรือดำน้ำชั้น (คลาส) S-26T ให้กับกองทัพเรือ แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณของประเทศบางหน่วยจะทำความเห็นคัดค้าน เพราะเห็นว่าจะเป็นภาระกับงบประมาณในระยะยาว และสถานการณ์ภัยคุกคามทางทะเลของไทยยังไม่มีความจำเป็นถึงขั้นต้องจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการก็ตาม





          จากนั้นวันที่ 29 เมษายน กระทรวงกลาโหมได้ทำหนังสือเรื่องโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ เตรียมเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี เป็นที่น่าสังเกตว่าโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำที่กระทรวงกลาโหมเสนอเรื่องนั้น เป็นการจัดซื้อเพียง 2 ลำ ไม่ใช่ 3 ลำ ตามที่กองทัพเรือแถลงในภายหลัง โดยมีรายงานว่ากองทัพเรือชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า งบจัดซื้อ 36,000 ล้านบาทนั้น เดิมจัดซื้อได้เพียง 2 ลำ แต่รัฐบาลจีนเสนอให้ 3 ลำโดยใช้งบประมาณเท่าเดิม เท่ากับรัฐบาลจีนลดราคาให้ถึง 12,000 ล้านบาท







ขณะที่หน่วยงานความมั่นคงที่ไม่ใช่ทหาร ประเมินว่าไทยยังไม่มีความจำเป็นต้องจัดหาเรือดำน้ำมาประจำการในขณะนี้ ด้วยเหตุผลคือ
         
          1. ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ไม่เกี่ยวกับไทย
         
          2. ความจำเป็นด้านความมั่นคงที่กองทัพเรือต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หรือปัญหาโจรสลัด ขบวนการค้ามนุษย์ ที่มาทางเรือ ซึ่งใช้เรือรบบนผิวน้ำก็เพียงพอ
         
          3. ประเทศที่เป็นศัตรูหรืออาจเป็นศัตรูของไทยในอนาคตยังไม่มี หรือถ้ามีก็เป็นประเทศที่ไม่มีศักยภาพทางทะเล
         
          4. เขตอธิปไตยไทยมีสองฝั่ง คือ ด้านอ่าวไทยกับอันดามัน ความจำเป็นในการใช้กำลังทางเรือจึงควรเป็นเรือตรวจการณ์ เรือฟรีเกตมากกว่า
         
          5. ความจำเป็นต้องร่วมกับพันธมิตรในการทำสงครามทางทะเลยังไม่มี เพราะมีนโยบายวางตัวเป็นกลาง
         
          6. ในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าจะเกิดสงครามทางทะเลในอาเซียน ในทางกลับกันอาเซียนกำลังจะรวมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ถือเป็นสถานการณ์เชิงบวกว่าทุกประเทศจะไม่สู้รบกัน





http://www.1009seo.com/
บันทึกการเข้า

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!