คลื่นไมโครเวฟอันตรายจริงหรือป่าวคับ
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
พฤษภาคม 16, 2024, 02:50:43 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คลื่นไมโครเวฟอันตรายจริงหรือป่าวคับ  (อ่าน 6920 ครั้ง)
nimayerming
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12


« เมื่อ: มีนาคม 21, 2009, 11:43:14 PM »

เขาว่ากันว่าคลื่นไมโครเวฟอันตรายกับมนุษย์
จริงหรือป่าวคับ ใครพอจะมีแนวความคิดอย่างไรบ้างคับ


บันทึกการเข้า

Nattawut-LSV Team
E23IUY
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน808
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3581


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 22, 2009, 07:13:28 AM »

จริงครับ   
 คลื่นไมโครเวฟสามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งได้เพราะว่าในเลื่อดของคนเราจะมีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบครับและคลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้ความถี่ไปรบกวนส่วนประกอบของเลือดที่เป็นธาตุเหล็กทุกวันๆ หรือเป็นเวลานานๆ สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ หรือถ้านึกภาพไม่ออก ก็คือ เหมือนท่านกินลูกชิ้นปิ้งที่ไหม้ เป็นเวลานานๆ สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งได้

อ้างจาก http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=78943 
บันทึกการเข้า
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 22, 2009, 10:53:42 AM »

ก 15 ปีต่อมา มีงานวิจัยชิ้นเล็ก ๆ แต่มีคุณภาพและยิ่งใหญ่ ทั้งในแง่สิ่งที่ค้นพบ  และในฐานะที่มันสะท้อนให้เห็นถึงการมุ่งผลประโยชน์ด้านธุรกิจมากกว่าการใส่ใจหรือรับผิดชอบต่อสุขภาพของผู้บริโภค  ในวงการอุตสาหกรรมเตาไมโครเวฟ

          ดร. ฮานส์  อุลริช  เฮอร์เทล   (Hans Ulrich Hertel)  นักวิทยาศาสตร์ที่เคยทำงานของมหาวิทยาลัยโลวาน  ศึกษาผลกระทบด้านโภชนาการของอาหารไมโครเวฟที่มีต่อเลือดและร่างกายของมนุษย์  โดยให้อาสาสมัคร 8 คนกินนมและผักที่เตรียมวิธีต่างกัน  คือ นมสด  , นมชนิดเดียวกันแต่ต้มด้วยวิธีดังเดิม,นมพาสเจอไรซ์,นมสดที่ผ่านการต้มด้วยไมโครเวฟ,ผักสดจากฟาร์มอินทรีย์,ผักชนิดเดียวกันแต่ต้มด้วยวิธีดังเดิม,ผักชนิดเดียวกันแต่แช่แข็งและละลายในไมโครเวฟ และผักชนิดเดียวกันแต่หุงต้มในไมโครเวฟ  มีการเก็บตัวอย่างเลือดก่อนกินขณะท้องว่าง  และหลังกิน

          ผลการทดลองปรากฏว่า  พบการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในเลือดของผู้กินอาหารที่ผ่านการหุงต้มด้วยไมโครเวฟ เช่น  เฮโมโกลบินลดลง โคเลสเทอเลลเทอรอลชนิดดีลดลง  เซลล์เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น  ซึ่งการที่เซลล์เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น  ในเชิงโลหิตวิทยาถือเป็นสัญญาณอันตราย  กล่าวคือมีความผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกาย  ร่างกายจึงต้องผลิตเม็ดเลือดขาวขึ้นมาเพื่อจัดการกับความผิดปกติเหล่านั้น

         ราวกับทิ้งระเบิดลูกใหญ่ลงกลางวงอุตสาหกรรมเตาไมโครเวฟ ภายหลังตีพิมพ์ผลงานไม่นาน  สมาคมผู้ค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนและอุตสาหกรรมแห่งสวิตเซอร์แลนด์ที่รู้จักในชื่อ FEA  ก็อาศัยอำนาจศาลสั่งให้  ดร. เฮอร์เทล   ยุติการเผยแพร่ข้อมูล ต่อมาในปี 2536 ศาลสวิตเซอร์แลนด์ได้พิพากษาว่า  ดร. เฮอร์เทลทำลายการค้า  พร้อมสั่งปรับและห้ามไม่ให้ตีพิมพ์ผลการวิจัยอีกต่อไป  ทว่าในอีก 5 ปีต่อมา  ศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรปที่ออสเตรเรียได้พิพากษาว่า  การสั่งห้ามไม่ให้  ดร. เฮอร์เทลพูดถึงอันตรายของเตาไมโครเวฟที่มีต่อสุขภาพของมนุษย์ เป็นการระเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก  ทั้งนี้ได้สั่งศาลสวิตเซอร์แลนด์จ่ายค่าชดเชยให้ ดร.เฮอร์เทลด้วย
 
 คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเจ้าไมโครเวฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นย่อมๆ จึงทำให้น้ำเดือดได้  และยิ่งไปกว่านั้นหากคุณเคยประสบอุบัติเหตุจากการต้มกาแฟด้วยไมโครเวฟ  ทำไมแค่เติมผงกาแฟลงไปเพียงเล็กน้อย  กลับทำให้เกิดการระเบิดของน้ำกาแฟเต็มเจ้าเตาไมโครเวฟของคุณ  การกระจายของน้ำตามรูปเกิดขึ้นได้อย่างไร  และเจ้าไมโครเวฟทำอาหารอร่อยๆ ให้คุณได้อย่างไร?Huh??รูปที่ 2 เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ขั้วลบของแมกนีตรอน ก็จะปล่อยอนุภาคไฟฟ้าหรืออิเล็กตรอนออกมา อิเล็กตรอนจะวิ่งเข้าหาทรงกระบอกกลวงซึ่งภายในเซาะเป็นร่องยาวไว้ ทรงกระบอกนี้ล้อมอยู่รอบขั้วลบ และทำหน้าที่เป็นขั้วบวก ขณะเดียวกันสนามแม่เหล็กจากขั้วแม่เหล็ก ประกอบกับลักษณะช่องว่างเป็นร่องยาวจะส่งผลให้เกิดแรงผลักดันอิเล็กตรอนให้วิ่งเป็นวงกลมรอบขั้วลบ เกิดสภาพเหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าไหลกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งผลที่ได้ก็คือจะเกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (เส้นที่มีลักษณะเป็นคลื่น) ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาเท่ากันจากนั้นก้านส่งคลื่นก็จะส่งคลื่นเข้าสู่ท่อนำคลื่นต่อไป (ทิศทางตามลูกศร)  คลิกอ่านต่อครับ
 
ไมโครเวฟ

         มีข่าวลือเป็นระยะ ๆ ว่า คนใจเหี้ยมเอาลูกหมาบ้าง ลูกคนบ้าง ใส่เตาไมโครเวฟ

     ไมโครเวฟเป็นวิวัฒนาการในการปรุงอาหารลำดับที่สองรองมาจากการใช้ไฟ

     แต่น่าแปลกที่ไม่มีใครสมอ้างเป็นผู้ประดิษฐ์เตาไมโครเวฟ



เตาอบไมโครเวฟสมัยใหม่

คลิกอ่านต่อครับ

 
 ผลกระทบของสนามแม่เหล็ก

หอกระจายพลังงานของเทสลา

     ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนไม่สามารถหลีกหนีการรับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้เราได้รับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าตลอดเวลาจากแหล่งกำเนิดที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า

     เมื่อ 122 ปีมาแล้ว  นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการีชื่อ นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)  ค้นพบระบบจ่ายกำลังไฟฟ้าโดยการใช้กระแสไฟฟ้าสลับ (Alternating Current :AC)  ระบบไฟฟ้าดังกล่าวแทนระบบจ่ายกำลังไฟฟ้ากระแสตรง (Direct  Current : DC) ของ โทมัส  อัลวา  เอดิสัน (Thomas Alva Edison) ในเวลาต่อมา โดยระบบไฟฟ้า AC มีข้อที่ดีกว่าระบบ DC ตรงใช้สายส่งกำลังไฟฟ้าเส้นเล็กกว่าระบบ DC  มากในขณะที่ใช้แรงดันและกระแสเท่ากัน

 ผลกระทบของสนามแม่เหล็ก

หอกระจายพลังงานของเทสลา

     ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนไม่สามารถหลีกหนีการรับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้เราได้รับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าตลอดเวลาจากแหล่งกำเนิดที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า

     เมื่อ 122 ปีมาแล้ว  นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการีชื่อ นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)  ค้นพบระบบจ่ายกำลังไฟฟ้าโดยการใช้กระแสไฟฟ้าสลับ (Alternating Current :AC)  ระบบไฟฟ้าดังกล่าวแทนระบบจ่ายกำลังไฟฟ้ากระแสตรง (Direct  Current : DC) ของ โทมัส  อัลวา  เอดิสัน (Thomas Alva Edison) ในเวลาต่อมา โดยระบบไฟฟ้า AC มีข้อที่ดีกว่าระบบ DC ตรงใช้สายส่งกำลังไฟฟ้าเส้นเล็กกว่าระบบ DC  มากในขณะที่ใช้แรงดันและกระแสเท่ากัน

นอกจากนี้ระบบ AC  ยังสามารถปรับระดับของแรงดันให้มีขนาดต่ำลงหรือเพิ่มขึ้นได้โดยการใช้อุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า หม้อแปลง (transformer) เป็นผลให้ระบบจ่ายกำลังไฟฟ้าแบบ AC สามารถส่งกำลังไปได้ไกลกว่าระบบ DC มาก เทสลายังได้มีความคิดในการส่งพลังงานไฟฟ้าออกไปสู่บริเวณสถานที่ห่างไกลโดยใช้อากาศเป็นตัวส่งผ่านพลังงานแทนที่จะเป็นสายส่งไฟฟ้า  เขาได้ออกแบบการทดลองโดยส่งกำลังไฟฟ้าโดยใช้ขดลวดรีโซแนนซ์ (resonant coil)  หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า

    เทสลา คอยล์ (tesla coil)  เป็นตัวกำเนิดพลังงานและ จุดหลอดไฟฟ้าแบบเรืองแสง (fuleoresent lamp) ที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตร  ปรากฏว่าหลอดไฟดังกล่าวสามารถติดขึ้นได้เองโดยไม่ต้องใช้สายไฟเลย

    การทดลองแสดงดังกล่าวแสดงดังรูป  จากความคิดดังกล่าวเขายังได้เสนอแนวความคิดว่าหากมีตัวส่งพลังงานที่มีกำลังส่งมาก ๆ  ก็สามารถส่งพลังงานไปจุดหลอดไฟฟ้าในบ้านเรือนได้ทั้งเมือง  เขาได้ออกแบบเครื่องกำเนิดพลังงานขนาดใหญ่ขึ้นและให้ชื่อว่าหอกระจายพลังงาน ดังรูป  แสดงหอกระจายพลังงานตามแนวความคิดของเทสลา       
ต่อมานักวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้นเริ่มสงสัยว่ากำลังไฟฟ้าความเข้มสูง ๆ  ที่แพร่ออกอากาศมีผลร้ายต่อมนุษย์หรือไม่  คำถามนี้เป็นที่ถกเถียงอยู่เป็นเวลานาน  แต่ในสมัยนั้นยังไม่มีวิธีพิสูจน์  เทสลาพยายามชี้แจงว่าสนามไฟฟ้าที่แพร่ออกมาจากสถานีส่งของเขาปลอดภัย  โดยการใช้ตนเองถือหลอดเรืองแสงและนั่งอยู่บริเวณใกล้ ๆ หอส่งพลังงานเป็นเวลานาน  การพิสูจน์ดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับโดยนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่  และมีข้อโต้แย้งว่าการทดลองเพียงระยะเวลาสั้น ๆ (short term experiment)  ไม่สามารถพิสูจน์ผลกระทบของสนามไฟฟ้ากำการทดลองของเทสลาเทียบกับการค้นพบเรเดียมของ มารี คูรี (Marie Curie) ว่า  เริ่มแรกมาดามคูรีก็ไม่ทราบว่าสารกัมมันตรังสีที่เธอพบ (เรเดียม) เป็นอันตรายต่อร่างกาย  จนเวลาผ่านไปหลายปีจึงได้พบว่าเธอเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาวและเสียชีวิตจากมะเร็งดังกล่าวในที่สุด  เทสลาพยายามทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง  ในที่สุดเทสลาเองก็เสียชีวิตโดยเป็นมะเร็งเช่นกัน
ลังสูงต่อชีวิตของมนุษย์ได้http://www.rmutphysics.com/charud/specialnews/6/microwave/index.htm




บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!