......วันนี้ผม “รัก” อาชีพนักข่าวมากที่สุด
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
พฤษภาคม 16, 2024, 03:01:29 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ......วันนี้ผม “รัก” อาชีพนักข่าวมากที่สุด  (อ่าน 1087 ครั้ง)
ปื้น ปากพนัง
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน173
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531


« เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 09:42:36 AM »


ผมเป็นน้องชายคนสุดท้องของบ้านที่ไม่รักดีมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ชอบอ่านหนังสือไม่ชอบทำการบ้าน ไม่ชอบเรียน ดังนั้นจึงมักสอบตกเสมอ ๆ บางเทอมเยอะหน่อยก็ 5 วิชาหลัก แต่ผมก็เอาตัวรอด จบ ม.6 พร้อมกับเพื่อน ๆ จนได้...

...ช่วงเวลาที่ใกล้สอบเอนทรานซ์ ผมก็ขออินเทรนด์กับเขาบ้าง ด้วยการขอพ่อกับแม่ไป “ติว” กับเพื่อน กลางวันติว กลางคืนเต้น (ตามเธ็ค) เป็นอย่างนี้ทุกคืน เมื่อถึงเวลาทำข้อสอบก็ตกตามระเบียบ คนในครอบครัวเริ่มกังวลกันว่าผมควรเรียนอะไรดีแต่ตัวผมเองกลับรู้สึกเฉย ๆ เพราะตอนนั้นเรื่องหลักของผมไม่ใช่การเรียนเสียแล้ว

การเที่ยวกลางคืนคือเรื่องหลัก การเรียนเป็นเรื่องรอง เชื่อไหมครับว่า แสง สีเสียงในเธ็คมีอิทธิพลกับผมมากถึงกับทำให้ผมอยากเป็นแด๊นเซอร์ อยากเป็นนักร้องกลางคืน

อย่างไรก็ดี “ภาคคนดี” ของผมก็ยังพอมีอยู่บ้าง เมื่อพี่สาวมาพูดเตือนสติด้วยประโยคข้างต้น ผมจึงมานั่งหน้ากระจกแล้วค่อย ๆ ทบทวนตัวเองว่า “ผมควรจะเรียนอะไรดี” สุดท้ายก็นึกได้ว่า “ผมชอบการพรีเซ้นต์ ชอบแสดงออก” รุ่งขึ้นจึงตัดสินใจไปสมัครเรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตได้ทันแบบฉิวเฉียด เมื่อเข้าไปเรียนจริง ๆ ผมก็ไม่ผิดหวัง เพราะนอกจากจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อย ๆ แล้ว ยังได้เรียนอย่างที่ชอบอีกด้วย

มีแค่อย่างเดียวที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลยก็คือ “การเขียนข่าว” ผมไม่เคยใส่ใจวิชานี้เลย เพราะคิดว่าอาชีพนี้มันทั้งจน ลำบากร้อน และก็เหนื่อยด้วย ดังนั้นผมจะไม่มีวันเป็นนักข่าวแน่ ๆ

คิดแล้วก็ตลก เพราะสุดท้ายผมก็หนีอาชีพนี้ไม่พ้น จุดเริ่มต้นงานข่าวของผมเริ่มจากอาจารย์มาชวนให้ทำสกู๊ปข่าวส่งประกวดกับสถานีโทรทัศน์ไอทีวีในเวลานั้น โดยมีเงินรางวัลล่อใจสูงถึง 30,000 บาท ผมตัดสินใจทำทันที ไม่นานนักสกู๊ปข่าวชิ้นแรกในชีวิตที่ผมคิดว่า “ดีเลิศทุกสิ่ง” ก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมประกวด

แต่ผลการตัดสินกลับทำให้ผมช็อกเมื่อเพื่อนมากระซิบบอกว่างานของผมถูกเขี่ยตกรอบเป็นชิ้นแรก นาทีนั้นความมั่นใจที่เคยพองฟูเต็มหัวใจหายไปหมด และเริ่มตัดใจว่างานข่าวคงไม่ใช่แนวทางของผมจริง ๆ หันหลังให้มันเถอะ แต่แล้วก็เป็นอาจารย์คนเดิมอีกที่แนะให้ผมนำสกู๊ปข่าวชิ้นนี้กลับไป“ปรับปรุง” เพื่อเป็นผลงานก่อนจบ

นั่นทำให้คนที่ไม่เคยดูข่าวมาก่อนอย่างผม หันมาดูข่าวอย่างจริงจัง แต่ดูเท่าไหร่ก็ยังไม่เข้าใจสักที ผมจึงรวบรวมความกล้าโทรศัพท์ไปหารุ่นพี่ผู้หนึ่งซึ่งเป็นบรรณาธิการโต๊ะข่าวสังคม ไอทีวีในสมัยนั้น เพื่อขอให้ช่วยสอนการเขียนข่าว รุ่นพี่ผู้นั้นก็ใจดีมากสละเวลามาสอนผมอย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนทำให้ผมรู้ว่าการเขียนข่าวที่ดีต้องทำอย่างไร

ในที่สุดสกู๊ปข่าวของผมก็แก้ไขจนเสร็จสมบูรณ์ และเป็นหนึ่งในผลงานที่อาจารย์หลายคนชื่นชม แต่ก็ยังไม่ทำให้ผมหันมามองอาชีพนักข่าวอยู่ดี ผมเริ่มงานแรกในชีวิตด้วยการทำรายการสารคดีที่บริษัทแปซิฟิก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังชอบติดตามข่าวเหมือนเดิมจะเรียกว่า “เสพติด” ก็ว่าได้

ไม่นานนักก็มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นกับผมเมื่อระยะหลัง ๆ ผมเริ่มอยากเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ข่าวนั้นจริง ๆ อยากไปเห็นกับตาจะได้มาเล่าให้คนอื่นฟัง ผมจึงเริ่มทบทวนความรู้สึกตัวเองอีกครั้งว่า หรือจริง ๆ แล้วผมชอบงานข่าวกันแน่
เมื่อคิดว่าคำตอบคือ “ใช่” ผมจึงตัดสินใจขอหัวหน้างานย้ายไปเป็น “นักข่าว”ครับ

หลังจากได้มาเป็นนักข่าวจริง ๆ ผมถึงได้รู้ว่างานข่าวโหดและหินแค่ไหน เชื่อไหมว่าสามเดือนแรกผมทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ไม่ว่าจะเขียนข่าวหรือรายงานข่าวบรรณาธิการข่าวก็กดดัน ดุทุกวันว่า “ทำไม่ได้ก็ลาออกไป” ทุก ๆ วันของผมจึงมีแต่ความเครียดรุมเร้าแทบเอาเท้าก่ายหน้าผากหนักเข้าก็เริ่มถอดใจไม่อยากเป็นนักข่าวแล้ว

ผมเริ่มทบทวนและตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมเราทำไม่ได้ สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าผมยังพยายามไม่มากพอ ถ้าอยากเป็นนักข่าวต่อไปก็ต้องสู้ เพราะไม่มีใครเขียนข่าวเป็นตั้งแต่เกิดหรอก

วันรุ่งขึ้นผมจึงฝึกตัวเองใหม่ เริ่มด้วยฝึกการอ่านออกเสียงชัด ๆ แล้วอัดเสียงเก็บไว้ฟังทุกวัน เพื่อจะได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นเท่านั้นยังไม่พอ ผมเริ่มศึกษาการเขียนข่าวสังเกตเพื่อน ๆ เวลารายงานข่าว แล้วกลับมาฝึกเองที่บ้าน
ในที่สุดผมก็ “ทำได้” แล้วก็ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับ

ขอบคุณบรรณาธิการข่าวที่คอยเคี่ยว-เข็ญ เป็นครู และคอยแนะนำจนผมเหมือนบัวที่ผุดขึ้นจากน้ำ ขอบคุณความเครียดความท้อแท้ต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามาจนทำให้รู้ว่า“ความพยายามของคนยิ่งใหญ่แค่ไหน”






























ทุกวันนี้งานข่าวคือชีวิตของผม คือสิ่งที่ผมรักที่สุดไปแล้ว ถ้าไม่ได้ทำงานข่าวผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ถึง “รายการอนุวัตจัดให้” จะเหนื่อย จะลำบากอย่างที่ผมเคยกลัว แต่ผมก็โคตรมีความสุขที่สุดที่ได้ทำ

.. คติประจำใจ
ไม่ว่าอุปสรรคจะหนักหนาแค่ไหน ความพยายามก็สามารถ “เอาชนะ” ได้ทุกอย่าง
หนุ่ม – อนุวัต เฟื่องทองแดง


ขอบคุณ http://www.108kaset.com/


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!