..โดยรอบนี้เฟซบุ๊คยิงหมัดตรง บอกว่าจะจัดการกับ Feed ข่าว ที่มีเนื้อหาโฆษณามากเกินไป !นั่นหมายความว่า ข้อความใดๆก็ตาม ที่เราโพสต์ลงบนเพจ
โดยมีเนื้อหาส่อไปในทางการโฆษณาเฟซบุ๊คจะเสกเวทมนต์ ทำให้ข้อความนั้นๆ คนเห็นน้อยลง !
มีแฟนอยู่ 10,000 คน คนเห็นอาจจะไม่ถึง 100 คน !!บรรดานักการตลาดออนไลน์ทั้งหลาย พากันกรีดร้องว่า "เฟซบุ๊ค" เธอจะเอายังไงกับฉัน ...อุตสาห์ทุ่มเท สร้างฐานแฟนมากมาย แต่เธอกลับไม่ให้ฉันติดต่อกับบรรดาแฟนๆได้ ต้องจ่ายตังค์ค่าโฆษณาให้เธอก่อน
ผมเชื่อว่าอีกนิดนึง นักการตลาดออนไลน์ อาจผลักเฟซบุ๊ค จากสถานะ Own Media เป็น Paid Media ก็เป็นได้ "ในเมื่อเธอทำกับฉันแบบนี้ ฉันก็ขอลดสถานะของเธอเป็นการแก้แค้น"
บรรดาลูกค้าผู้น่ารักของผม พากันตบเท้าอย่างพร้อมเพรียงขอคำแนะนำ ว่าจะทำตัวเยี่ยงไรดี ในสถานการณ์เช่นนี้? คำแนะนำของผม นอกจากจะเป็นเรื่อง Content Strategies ที่จะต้องปรับเปลี่ยนไป เพื่อเอาใจเฟซบุ๊ค ก็จะเป็นเรื่องการมองหา กิ๊ก คนอื่นๆ ที่จะเอาไว้ใช้ทดแทนเฟซบุ๊คด้วย เพราะนับวันเฟซบุ๊ค จะยิ่งหันไปทำการค้ามากขึ้น ตามกระแสของโลกทุนนิยม ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เมื่อสอดส่องสายตามองหา กิ๊ก ผมกลับมองเห็นสตรีนางหนึ่ง ที่สวยงามประดุจเทพธิดา เธอช่างเหมาะสมที่จะมาเติมเต็มความรักของเฟซบุ๊ค ที่จางหายไปเสียจริงๆ แต่เอ๊ะๆ มองไปมองมานี่มัน เมียหลวง ของเราเองนี่นา
ใช่ครับผมกำลังพูดถึง เว็บไซต์ เครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่ถูกลืม!เฟซบุ๊คอัพเดพกันได้ทุกวัน แต่เว็บไซต์ฉันนั้นอัฟล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว! ผมคิดว่าแบรนด์ส่วนใหญ่ น่าจะมีสถานการณ์คล้ายๆกันเช่นนี้
แต่จากนี้ไปผมอยากจะแนะนำให้ทุกๆคน หันกลับมาให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ของตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะจริงๆ แล้ว เว็บไซต์สามารถสร้างช่องทางเพื่อ Reach ไปถึง Consumer ได้ ไม่แพ้เฟซบุ๊คเลยทีเดียว แต่ว่านักการตลาดส่วนใหญ่เลือกที่จะละเลย ไม่เอาใจใส่เว็บไซต์ เรียกได้ว่าวางกลยุทธ์ให้เฟซบุ๊คแบบจัดเต็ม แต่พอเป็นเว็บไซต์ กลับไม่ได้วางกลยุทธ์ไว้เลย เน้นทำหน้าตาสวยงามไว้ก่อนลงข้อมูลสินค้าของฉัน , บริการของเรา , เกี่ยวกับเรา , contact us ประมาณนี้ จบ!! ตกม้าตายกันตรงนี้
จากนี้ไปขอให้ทุกคน ให้ความสำคัญกับการ เก็บข้อมูล คนที่มาเยี่ยมชมเว็บไซต์ เราด้วยครับ หนึ่งในความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนักการตลาดออนไลน์ คือการปล่อยให้คนเข้าเว็บไซต์มา แล้วกลับออกไป โดยไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้เราเลย
สื่อออนไลน์เป็นสื่อสองทาง "ตอบโต้ เก็บข้อมูลได้" ไม่ใช่แบบโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ที่สื่อสารได้แค่ทางเดียว อย่างน้อยที่สุดเก็บแค่ อีเมล์ อย่างเดียวก็ยังดี เพราะอย่างน้อยก็ได้ช่องทางการติดต่อ กับผู้ที่สนใจสินค้าและบริการของเราแล้ว
..คำถามคือ แล้วเราจะเก็บอีเมล์ ของคนที่เข้าเว็บไซต์ได้อย่างไร อันนี้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละธุรกิจเลยครับ ถ้าเป็น โรงพยาบาล อาจแจก E-book คู่มือการดูแลสุขภาพฟรี!, ถ้าเป็นครีมหน้าเด้งอาจแจก E-book วิธีการนวดหน้า , ถ้าเป็นร้านอาหาร อาจจะแจก Voucher ส่วนลด โดยแลกเปลี่ยนกับอีเมล์ของผู้ที่ต้องการของฟรีเหล่านี้
เมื่อเราได้อีเมล์มา ก็จัดการนำอีเมล์มาทำการตลาดต่อ จะส่งข่าว หรือส่งกิจกรรมอะไร อันนี้ก็สุดแต่จินตนาการ หลายคนอาจบอกว่า Email Marketing ไม่ค่อยได้ผล เพราะคนไม่ค่อยเปิดอ่าน แต่จากสถิติ และประสบการณ์ของผมเอง ถ้าเป็น Permission Email (Email ที่อนุญาตให้ส่งข่าวไปหา ไม่ใช่ Spam Email)
คนเปิดอีเมล์อ่าน สามารถสูงได้ถึง 10-20% และสูงกว่า Reach ของเฟซบุ๊คซึ่งตอนนี้อาจไม่ถึง 2% ด้วยซ้ำสุดท้ายขอฝากไว้ว่าการตลาดออนไลน์ไม่ควรจะยึด Tool ตัวใดตัวหนึ่ง เป็นชีวิตของเราครับ ควรหมั่นหาน้อย หากิ๊ก สำรองเอาไว้เยอะๆ ให้พวกเธอได้ช่วยกันทำงานให้เราอย่างขยันขันแข็ง แต่ในชีวิตจริงนั้น ผมไม่แนะนำให้มีสำรองเยอะๆ น่ะครับ รักเดียวใจเดียว ปลอดภัยในชีวิตที่สุด!!
จาก
http://www.leksound.net/board/index.php?topic=41.0
