ประวัติโหรดังเมืองไทย
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
มีนาคม 28, 2024, 11:11:24 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติโหรดังเมืองไทย  (อ่าน 3671 ครั้ง)
sunshine music
สนับสนุนLSV-server
member
***

คะแนน199
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 224

จริงใจไม่จิงโจ้


« เมื่อ: ธันวาคม 18, 2012, 12:19:15 PM »



ประวัติ ซินแสภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล

ครอบครัว

- สมรสกับ คุณสุวิมล พันธุ์วิชาติกุล วันที่ 22 พฤษภาคม 2520
- มีบุตรชาย 3 คน, ธิดา 1 คน

ธุรกิจ

- ประธานกรรมการ บริษัท โปรเกรสซิ่ง มีเดีย โปรดักชั่น จำกัด
- ประธานกรรมการ บริษัท ศาสตร์แห่งชีวิต จำกัด
- ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิต แห่งประเทศไทย

งานสังคม

- สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี ปี 2537 - 2538
- อดีตผู้ว่าการไลออนส์สากล ภาค 310 B ปี 2537 - 2538
- กรรมการหอการค้า จังหวัดสุราษฎร์ธานี 4 สมัย
- กรรมการสมาคมครู และผู้ปกครองโรงเรียนสุราษฎร์ธานี 3 สมัย
- ประธานชมรมพัฒนาบุคลิกภาพ สุราษฎร์ธานี 3 สมัย

กิจกรรมพิเศษ เป็นอาจารย์พิเศษ และวิทยากรพิเศษให้แก่

- ชมรมพัฒนาบุคลิกภาพสุราษฎร์ธานี
- สโมสรไลออนส์และโรตารี่
- สมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ
- บริษัท บ้านโหร จำกัด ( บ้านเลขที่ 5 )
- บริษัท สามารถ อินโฟ มีเดีย จำกัด
- บริษัท ซี พี จำกัด
- บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด
http://www.108yim.com/?p=1883


บันทึกการเข้า

sunshine music
สนับสนุนLSV-server
member
***

คะแนน199
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 224

จริงใจไม่จิงโจ้


« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2012, 12:20:12 PM »

ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ชอบกฎหมาย…แต่ลงท้ายที่ ฮวงจุ้ย

“ผมเคยฝันอยากจะเป็นนักกฎหมาย เหตุนี้ผมจึงเรียนนิติศาสตร์ แต่พอได้รู้จักศาสตร์ฮวงจุ้ย ความสงสัยของผมก็ทวีคูณมากขึ้น เพราะความอยากรู้ อีกอย่างคิดว่าคนเราถ้าจะเดินก็
ควรเดินไปทางใดทางหนึ่ง จุดพลิกผันผมมันอยู่ตรงนี้”…เป็นคำบอกเล่าของ ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสฮวงจุ้ย-โหงวเฮ้ง ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตแห่งประเทศไทย วันนี้ลองมาดูชีวิตของซินแสคนนี้…

ซินแสภาณุวัฒน์ สมรสกับ สุวิมล พันธุ์วิชาติกุล มีบุตร-ธิดาด้วยกัน 4 คน คนโตชื่อ คมสัน คนรองเป็นผู้หญิงชื่อ ศุภางค์ คนที่สามชื่อ อัษฎา และคนสุดท้องชื่อ เตชินท์ ก่อนหน้านี้ซินแสดังคนนี้เคยลงสู่สนามการเมืองท้องถิ่น โดยเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาเทศบาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเคยเป็นอดีตผู้ว่าการสโมสรไลออนส์สากล ภาค 310 รวมถึงเคยดำรงตำแหน่งกรรมการหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานีด้วย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล คนนี้ ยึดเส้นทางการเป็นซินแส และรับเป็นอาจารย์ เป็นวิทยากรพิเศษ บรรยายให้ความรู้เรื่องศาสตร์ฮวงจุ้ยและโหงวเฮ้ง ให้กับมหาวิทยาลัยและองค์กรต่าง ๆ นอกจากนี้ก็ยังมีงานเขียนทางด้านนี้มากมาย อาทิ เข็มทิศชีวิต, โหงวเฮ้ง, ฤกษ์ดีมีบุตร, คู่มือชีวิต, 12 นักษัตรจีน เป็นต้น ซึ่งกับชีวิตที่เข้าสู้ถนนแห่งการพยากรณ์ เขาบอกว่า เริ่มต้นในสมัยเด็ก โดยมีโอกาสติดตามมารดา คือ เซี้ยม แซ่หลี ไปพยากรณ์ตามที่ต่าง ๆ โดยศาสตร์ฮวงจุ้ยนี้มารดาเขาสืบทอดมาจากคุณยาย

ต้นตระกูลเขาเป็นคนจีนอพยพมาจากเมืองซัวเถา ส่วนตัวเขา เองจากการที่ติดตามมารดาเสมอ ๆ ทำให้ความสงสัยในศาสตร์ด้านนี้มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้สนใจอยากเรียนรู้ จนต่อมามีโอกาสรู้จักกับ อาจารย์ตังซิวเง็ก จากการที่คุณแม่ได้เชิญอาจารย์มาช่วยตรวจสอบฮวงจุ้ยสุสานตระกูล เพราะมีเหตุบุคคลในครอบครัวเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ตั้งแต่คุณทวด คุณปู่ คุณย่า คุณอาคนที่สอง และบิดา ซึ่งทุกคนฝังอยู่ในสุสานเดียวกัน

“อาจารย์ตังซิวเง็กปกติจะอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ท่านก็นั่งเครื่องบินมาลงที่สุราษฎร์ธานี เพื่อมาดูฮวงจุ้ยตามคำเชิญของคุณแม่ หลังตรวจสอบก็แนะนำให้ขุดสุสานบรรพบุรุษ เพราะที่ดินตรงนั้นไม่ดี เป็นที่ผีดิบ คือทำให้ร่างไม่เน่าเปื่อย และจะดึงลูกหลานไปเลี้ยงตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังไม่เชื่อ จึงไปไต้หวันเพื่อพบกับอาจารย์ปู่ คือ ซินแสจังจื๋อหน่ำ ซึ่งเป็นอาจารย์ของอาจารย์ตังซิวเง็ก หลังเดินทาง กลับมาคุณแม่จึงขุดหลุมศพ พบว่าหลายร่างที่ตายมานับสิบปีกลับมีสภาพไม่เน่าไม่เปื่อย แค่ร่างแห้งไป ในที่สุดก็ตัดสินใจนำไปเผาแล้วเก็บเถ้ากระดูกแทน เพราะไม่มีที่ดินที่เหมาะสมจะฝัง จากนั้นอาคนที่สี่ที่กำลังป่วยหนักก็หาย จากจุดนั้นผมจึงเพิ่มความสนใจในศาสตร์ฮวงจุ้ยมากขึ้น”

ซินแสชื่อดังเล่าต่อว่า อาจารย์ตังซิวเง็กเป็นซินแสที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง ซึ่งความเชื่อมั่นที่เขามีต่ออาจารย์อีกครั้งคือ อาจารย์ได้ทำนายโรงงานแห่งหนึ่งว่า…ให้ระวังเรื่องไฟ โดยแนะให้แก้ประตูใหม่ถึง 3 ครั้ง แต่เจ้าของไม่ทำตาม แล้วก็เกิดไฟไหม้โรงงานขึ้นจริง ๆ จุดนี้ทำให้ความพิศวงต่อศาสตร์ฮวงจุ้ยยิ่งเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจหิ้วกระเป๋าติดตามอาจารย์ท่านนี้อยู่นาน พยายามแอบฝึกเรียน แต่ก็ไม่เข้าใจ จนได้กราบอาจารย์ เป็นพ่อบุญธรรมจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาให้ จนได้รู้ลึก-รู้จริงในศาสตร์นี้

“สิ่งที่อาจารย์สอนเสมอ และทำให้ผมยืนอยู่ได้จนถึงวันนี้ คือความมีคุณธรรม ตอนฝากตัวเพื่อขอเรียน อาจารย์ให้ปฏิญาณจุดธูปสาบานตัว สั่งเลยว่าห้ามไปดูให้คนเลว โหงวเฮ้งเลว จมูกเหยี่ยว ตาเหยี่ยว ประเภทไม่มีน้ำใจ และอาชีพบางอาชีพที่ห้ามไม่ให้ดู เช่น เจ้าของบ่อน ซ่อง โรงฆ่าสัตว์ และสั่งว่าวิชานี้ถ่ายทอดได้เฉพาะลูกชาย ห้ามถ่ายทอดให้ลูกสาวและภรรยา ไม่ให้ถ่ายทอดให้คนนอกตระกูล คนในครอบครัวที่ผมถ่ายทอดได้ก็มีคมสัน คนที่สองเรียนไม่ได้ ลูกชายคนที่สามไม่สนใจจึงไม่ได้เรียน ส่วนคนสุดท้องลูกหลง ค่อนข้างจะสนใจ ส่วนคนที่มาเรียนที่สถาบันจะเป็นอีกแบบ คือถ้าต้องการความรู้ เราก็ถ่ายทอดให้ตามหลักวิชา จะมีระดับต้นกับระดับสูง แต่ระดับสูงต้องปฏิญาณตนว่าห้ามหลอกลวง ห้ามเอาไปให้ร้ายคน หากผิดคำพูดจะมีอันเป็นไป อีกประเภทคือเรียนเพื่อจะเป็นหมอดู ประเภทนี้เราต้องดูโหงวเฮ้งที่ดี ต้องคัดคนดี มีความซื่อสัตย์”

ซินแสภาณุวัฒน์บอกอีกว่า การถ่ายทอดศาสตร์ด้านนี้โดยทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะสอนกันเพียง 80- 90% เผื่อลูกศิษย์คิดล้างครู ดังนั้น เมื่อถ่ายทอดต่อ ๆ ไปกันก็ยิ่งเหลือน้อยลงไปเรื่อย ๆ วิชาบางวิชาจึงค่อย ๆ หายไป หัวใจมันหายไป บางคนถึงต้องเรียน 2-3 ศาสตร์ เพื่อนำมาประยุกต์รวมกัน เพื่อหาแก่นแท้ของวิชา

สำหรับ ฮวงจุ้ย คือศาสตร์แห่งการช่วยคน บางคนมาให้ตนเองดูดวงก่อน เห็นเลยว่าชะตาเขาลำบากมาก ก็จะบอกว่าไม่คิดเงินแล้วกัน และก็ชี้แนะให้เขาไปปรับปรุงฮวงจุ้ย ถือว่าช่วยกัน

ทั้งนี้ วิชาฮวงจุ้ยในอดีตมี 2 สาย คือ ซินแส เอี๊ยะกง กับ ซินแสอิ๊กหัง หลังจากเกิดการปฏิวัติวัฒนธรรม มีการจับกุมซินแสหมอดู โดยซินแสเอี๊ยะกงหนีไปได้ ส่วนซินแสอิ๊กหังถูกจับ ทางการบีบบังคับให้ถ่ายทอดหัวใจวิชาฮวงจุ้ย ถ้าไม่ถ่ายทอดจะถูกฆ่า แต่ท่านคิดว่าถ้าต่อไปมีการนำเอาวิชาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องจะเป็นการส่ง เสริมคนร้ายคนเลว จึงถ่ายทอดวิชาที่สัมผัสได้ด้วยประสาททั้ง 5 คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย แต่เรื่องการเดินของดวงดาวซึ่งเป็นหัวใจ กลับสอนตรงข้าม ดีเป็นเสีย เสียเป็นดี เพื่อไม่ให้คนเลวนำไปใช้ในทางไม่ดี

“ในเมืองไทยปัจจุบันมีคนรู้ลึก ๆ รู้   จริง ๆ เรื่องฮวงจุ้ย ไม่เกิน 8 คน นอกนั้นเป็นหลักที่นำมาผสมผสานเสียมากกว่า” ซินแสภาณุวัฒน์ระบุ

ส่วนเรื่องการบ้านการเมืองที่ทีม “วิถีชีวิต” ก็อดถามไม่ได้ ซินแสดังรายนี้บอกว่า การเมืองไทยตอนนี้นั้น รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บุคคลในคณะรัฐมนตรีช่วงนี้ดวงเริ่มเข้าเคราะห์มากกว่าดี ณ เวลานี้ดวงดีเหลือดาวเพียง 12 ดวง แต่มีดวงตก 24 ดวง ทำให้รัฐบาลอาจพังได้ เหมือนสมัยรัฐบาล สมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐบาล สมัคร สุนทรเวช และรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งตรงนี้ถ้าจะบรรเทาต้องกล้าปรับเปลี่ยนรัฐมนตรี เอาคนดวงดีเข้ามาค้ำจุน อีกอย่างทำเนียบรัฐบาลก็หมดยุคฮวงจุ้ยดีไปแล้ว ต้องปรับทางเข้าออกจึงจะฝ่าวิกฤติไปได้

“ปีเสือดุ ใครทำอะไรไม่ถูกต้องจะถูกขบกัดเอา อาจจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้ออีกครั้ง  การเมืองไทยปีหน้าจะเกิดการหักหลัง ทำให้เหตุการณ์พลิกล็อกได้ แต่ในส่วนของรัฐบาล ถ้ามีการปรับ ครม.ใช้คนดวงดี เหตุการณ์อาจจะพลิกผ่อนหนักเป็นเบาได้” ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตฯกล่าว

และทั้งหมดนี้ก็เป็นเสี้ยวชีวิตเสี้ยวหนึ่งของ ซินแสฮวงจุ้ย-โหงวเฮ้ง ที่ชื่อ ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ที่เวลานี้ขึ้นชั้นติดทำเนียบซินแสยอดนิยม ที่ชื่อคุ้นหูคนไทยเป็นอย่างมาก !!.

โหงวเฮ้ง กับ ศัลยกรรม 

นอกจากซินแสภาณุวัฒน์เองแล้ว ปัจจุบันบุตรชายคนโตของซินแสคือ คมสัน และภรรยาของซินแสคือ สุวิมล ก็เป็นอาจารย์ด้านการพยากรณ์ตามหลักโหราศาสตร์จีน  ด้วย โดย อาจารย์สุวิมล พันธุ์วิชาติกุล ให้ความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ โหงวเฮ้ง ในบางแง่บางมุม ที่เกี่ยวโยงกระแสนิยมทำ “ศัลยกรรมใบหน้า” ว่า…..

“การศัลยกรรมโหงวเฮ้ง ตกแต่งส่วนที่ด้อยเพื่อหวังจะให้ดีนั้น จริง ๆ แล้วไม่สามารทำให้ดวงชะตาเปลี่ยนได้ คิดง่าย ๆ อะไรที่ผิดธรรมชาติ มักจะไม่ดี ซึ่งนอกจากจะทำให้ไม่สามารถดูโหงวเฮ้งได้แม่นยำเพราะว่าหน้าตาเปลี่ยนไปแล้วดูดวง ดวง ที่สำคัญอาจจะทำให้ดวงยิ่งแย่ลงไปอีก

โดยเฉพาะกับจมูก ตำราโหงวเฮ้งจีนระบุว่า จมูกเป็นอวัยวะสำคัญที่ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ซึ่งเราลองสังเกตดาราที่ทำจมูกมา ส่วนใหญ่มักจะอาภัพเรื่องคู่ครอง ตามตำราโหงวเฮ้ง จมูกคือจุดอันตรายที่สุด ถ้าทำไม่ดี เรื่องคู่นั้น ไม่จากเป็น ก็จากตาย” อาจารย์สุวิมลกล่าว
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!