วิธีสังเกตว่าท่านใดเป็นพระโพธิสัตว์
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีสังเกตว่าท่านใดเป็นพระโพธิสัตว์  (อ่าน 5233 ครั้ง)
kittanan_2589
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน630
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2363


NightBaron


เว็บไซต์
« เมื่อ: มกราคม 03, 2011, 08:10:51 AM »



บันทึกการเข้า

kittanan_2589
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน630
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2363


NightBaron


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 03, 2011, 08:11:12 AM »

ที่มาจากหนังสือ รู้แจ้งโลก


พระโพธิสัตว์แปลว่าที่พึ่งของสัตว์ ตามหลักศาสนาพุทธ ยุคนี้มีท่านผุ้รู้ตนเองว่าเป็นพระโพธิสัตว์นั้นมีจำนวน
มาก ทั้งที่รุ้ได้ด้วยญาณที่เกิดจากจิตของตนเอง รู้ว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ เคยปรารถนาความเป็นพระสัมมา

สัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต เคยอธิษฐานตั้งจิตปรารถนาไว้ในอดีตชาติอันยาวนาน

วิธีสังเกตว่าท่านผู้ใดเป็นพระโพธิสัตว์นั้นไม่ยาก ส่วนมากจะเป็นผู้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตา มีจิตใจ
ปรารถนาช่วยเหลือผุ้อื่นตลอดเวลา เห็นใครมีความทุกข์ก็ปรารถนาจะฉุดช่วยให้เขาเป็นสุข ถ้าช่วยเหลือผู้อื่น
ได้ก็จะสุขใจยิ่ง ถ้าช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังมีความทุกขอยู่ไม่ได้ กำลังใจแห่งจิตก็หาความสุขไม่ได้ บางครั้งจิต
ใจก็เป็นทุกข์ไปกับผู้อื่นด้วย จนกว่าจะหาทางช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ได้นั่นแหละถึงจะพอใจ นี่คือจิตของ

ท่านที่มีชื่อว่าพระโพธิสัตว์ ถ้าบุคคลใดรู้จักจิตของตนด้วยตนเอง อย่างนี้ถือว่าบุคคลนั้นมีคุณความดีพิเศษใน
ทางจิตที่ละเอียดยิ่งขึ้น

พระโพธิสัตว์บางท่านไม่ได้รู้และเข้าใจว่าตนเองนั้นเป็นพระโพธิสัตว์ รู้แต่ว่าตนเองเป็นผู้ที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
บางครั้งก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่า ทำมมีจิตเมตตามีความรักต่อคนอื่นที่มีความทุกข์ เห็นคนหรือสัตว์ที่
ความทุกข์แล้วมีความเอ็นดูสงสารเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักหรือเกี่ยวข้องกันมาก่อน เห็นผู้อื่นมีความทุกข์
ตัวเองก็ทุกข์ไปด้วยอย่างนี้เป็นต้น กว่าจะได้รู้และเข้าใจว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ก็ต่อเมื่อ มีผู้อื่นที่มีความรู้
สูงกว่าตนมารับรอง มาแนะนำหรือบอกกล่าวว่า เธอเป็นพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ประเภทนี้ยังถือว่าไม่ดีเท่าไหร่
เพราะกำลังใจอ่อนอยู่ อาจจะหลงตนเองได้ง่ายๆ และก็ถูกหลอกใช้ จากผุ้ที่กำลังแสวงหาผลประโยชน์
จากความดีของผู้ที่มีจิตเป็นพระโพธิสัตว์ เช่นจิตของพระโพธิสัตว์นั้นชอบสั่งสมบุญ ความดี สั่งสมบารมีกำลังใจ
จึงมักถูกหลอกใช้จากเจ้าสำนักต่างๆ ให้หาเงินมาสร้างวัดสร้างสำนัก สร้างวิหาร สร้างเจดีย์ สร้างพระพุทะรูป
โดยอ้างว่าได้บุญความดีบารมีเยอะ บ้างก็หลงเชื่อตามเขา หาเงินปัจจัยมาร่วมสนับสนุนสร้างแต่วัตตถุ
แต่ละวัดแต่ละสำนักพากันสร้างสถานที่ใหญ่โตมโหฬารมากมาย เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด

ทั้งที่รู้ว่าอีก
ไม่นานโลกนี้ก็พังสลาย แต่กลับร๊บเร่งแข่งขันประชันกันสร้างความดี ด้วยการก่อสร้างเพียงอย่าง
เดียว จนขาดการสร้างความดีภายในจิตด้านสติปัญญา ทั้งๆ ที่การสร้างความดีภายในนั้น ชื่อว่าเป็น
เลิศกว่าการสร้างความดีภายนอกด้านวัตถุ

ถ้ายุคแห่งความเสื่อมโทรมบ้ามเมืองล่มสลายเช่นสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช แผ่นดินถูกทำลายจากการสู้รบ
พระภิกษุผู้ปฏิบัติดีมากแต่ขาดที่อยุ่อาศัย อย่างนี้ถือว่าควรส่งเสริม ไม่ใช่เหมือนยุคปัจจุบันนี้ วัดและสถานที่
ปฏิบัติมีมากมายจนกลายเป็นวัดร้าง ก็ยังพากันเร่งสร้างอารามจนใหญ่โต ยิ่งสร้างความเจริญทางวัตถุ
จิตใจก็ยิ่งเสื่อมลงซึ่งปัญญา เป็นเหตุปัจจัยให้ทรัพย์สิงเงินทอง จมอยุ่กับทรากอิฐหิน ปูน ทราย
บ้านเมืองเดือดร้อนวุ่นวาย ผู้คนแตกความสามัคคีและยากจนลงทุกขณะ เพราะอะไรกันเล่าลองคิดดูเถอะมนุษย์เอ๋ย..

มนุษย์ที่มีจิตเป็นพระโพธิสัตน์นั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดอยุ่ในประเทศไทย หรือประเทศที่มีพระพุทธศาสนา
เท่านั้น อาจจะเป็นใครก็ได้ นับถือหรือไม่นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งก็ได้
อาจจะเป็นคนรวยคนจนหรือเป็นสัตว์เดรัจฉานที่อาศัยอยุ่ทั่วโลกก็ได้เช่นกัน
บันทึกการเข้า
mr.ton003
Full Member
member
**

คะแนน28
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 220


ทำสิ่งใดอย่างหวังผลตอบแทน


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 03, 2011, 09:10:47 AM »

ขอบคุณครับ  Cheesy  HAPPY2!!
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: