เรื่อง..พระ...องค์ที่ ๑๐ เล่าโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่อง..พระ...องค์ที่ ๑๐ เล่าโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ  (อ่าน 1226 ครั้ง)
kittanan_2589
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน630
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2363


NightBaron


เว็บไซต์
« เมื่อ: ธันวาคม 26, 2010, 01:30:16 PM »



เรื่อง..พระ...องค์ที่ ๑๐ (สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)

เล่าโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)


(หลวงพ่อเล่าว่า วันหนึ่งเจอพระ...องค์หนึ่งมานั่งอยู่ข้างหน้า รูปร่างหน้าตาสวยแล้วท่านก็บอกต่อไปดังนี้)
รูปร่างหน้าตาสวย มีผิวพรรณสวยมาก อายุประมาณสัก ๓๐ แต่สวยจริง ๆ แล้วดูนี่ เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ นั่ง
ก็ตามปกติเจ้าคณะจังหวัดจะนั่งต้น แล้วก็ฉันนั่งรอง แต่ว่าองค์นั้นมาก่อน เขาไม่ได้นิมนต์ องค์ที่ ๑๐ นี่
พอถึงนั่งต้นเลย (หัวเราะ) นั่งหน้าแถว ติดพระพุทธรูป ผลที่สุดเจ้าของบ้านก็ต้องเอาหมอนมาต่ออีกลูกหนึ่ง
ตรง องค์ที่ ๑๐ น่ะ ใช่ไหม ทำยังไง มาถึงก็นั่ง ท่านก็นั่งเฉย เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ ก็ไม่ถาม เราก็ไม่ถาม
เวลาตอนเย็นตอนสวดมนต์ขึ้นสวดมนต์นี่เพราะจริง ๆ เสียง แหม..กังวานพราว เสียงก้องกังวานแหลมก็ไม่แหลม
เล็กก็ไม่เล็ก ใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เพราะจริง ๆ เสียงนี่กลบเสียงพวกเราหมดเลย อย่านึกว่าดังกลบ ไม่นะ
เพราะเสียงพวกเราเหมือนเสียงเป็ดน่ะ จ๊อกแจ๊ก ๆ ของท่านนี่ แหม..กังวานเพราะ
ว่าหนังสือ ฑีฆะรัสสะ ครุ ลหุ ถูกต้องหมด จังหวะจะโคนไม่เหลือ สังโยคตรงเป๊ง ถ้าเรียนบาลีแล้วรู้
ทั้งนี้อักขระไม่มีวิบัติเลย เสียงชัด เสร็จแล้วท่านก็เดินกลับ ตอนเช้ามา ตอนเช้าจะไปฉัน
ก็เลยถาม เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ บอก
“ นี่เจ้าคุณ รู้จักไหมพระองค์นั้นน่ะ ?”
ท่านบอก “ เราเป็นเจ้าคณะจังหวัดไม่เคยเห็นเลย.. ?”
ถาม “ อายุเท่าไหร่ล่ะ ?”
บอก “ หน้าตาไม่ถึง ๓๐ นะ ”
ถาม “ ทำไมนั่งหน้าเจ้าคุณ ?”
บอก “ ไม่รู้ ข้าก็ขี้เกียจถาม นั่งไหนก็ช่าง ”
ความจริงไอ้พระแก่น่ะ มันขี้เกียจนั่งหน้าอยู่แล้ว ตามปกติถ้าไปก่อนมักจะนั่งโน่น ท้ายแถว
เพราะนั่งท้ายมันสบายกว่า ว่ามั่ง ไม่ว่ามั่ง (หัวเราะ) ใช่ไหม กินเท่ากัน ดี เราเหนื่อยน้อย
ฉะมากกว่าไอ้พวกว่ามากมันกินไม่ได้หรอก ใช่ไหม เหนื่อย
ทีนี้ทำยังไง ตอนเช้าไปท่านก็นั่งอยู่
พอฉันเสร็จ เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ ก็ถาม ก็ยกมือพนมเพราะเขานั่งหน้านี่
“ ขอประทานอภัยครับ ท่านอายุเท่าไหร่แล้ว ?”
นับไป เอ๊ะ ! เท่าไรจำไม่ได้ งัดใบสุทธิมาให้ดู ดู เอ๊ะ ! ลองเอา พ.ศ. ลบตายห่าแล้วหว่า..
นี่ ๓๐๐ ปีกว่าแล้ว (หัวเราะ) ฮึ ! ใบสุทธิยังใหม่ ลองดูอายุ ๓๐๐ ปีเศษ เราก็นั่งงง !
มึงก็งง ! กูก็งง ! (หัวเราะ) เอ๊ะ ! มันยังไงกันแน่ ! ...
จะว่าสติไม่ดีก็ไม่ได้ ทุกอย่างเรียบร้อยถูกจังหวะจะโคนหมด นี่ความจริงเขียนไว้ใน
“ หนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน ” นี่ไม่ละเอียดหรอก ถ้าเขียนละเอียดมากเกินไป
บางทีคนเขาก็สงสัยใช่ไหม คนเขาสงสัยอาจจะไม่จริง โม้เกินไปเมื่อก่อน นี่เราคุยกันได้
ท่านบอก “ สงสัยหรือ... ?”
บอก “ สงสัย ? มันตั้ง ๓๐๐ ปี ”
ท่านบอก “ นี่ความจริงนี่ไอ้ใบสุทธิเนี่ย เขาเขียนใหม่นะ ถ้าใบเก่าน่ะมากกว่านี้อีก ” (หัวเราะ)
ถาม “ ใบเก่าเท่าไหร่ ?”
เลขขึ้นมา ๒,๐๐๐ กว่า ๒,๔๐๐ ปีกว่า เอ.ชักไม่เป็นเรื่องเสียแล้ว นี่ไม่เป็นเรื่องเสียแล้วซิ !
ไอ้เลขนั่นมันขยายได้ นี่มันใบใหม่
“ ใบเก่าเอามาให้ดูหรือเปล่าคะ ?”
ไม่ได้เอามา ถามใบเก่าเท่าไหร่ มันก็เลยขึ้นใบใหม่นี่น่ะ ๒,๔๐๐ ปีกว่า เราเอ๊ะ ! ก็ชักยุ่งล่ะซิ !
พอชักยุ่ง พอจะดูว่า เอ๊ะ ! ท่านเป็นอะไรแน่ มันดำมืด จิตดำมืด เสร็จ !
เลยบอก เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ว่า “ เราถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าดีกว่า ”
(หัวเราะ) ท่านหันมาหัวเราะ ถามว่า
“ แกจะไปที่ไหนล่ะ ?”
บอก “ ที่นี่แหละครับ ”
ก็เลยลุกกราบ ๆ ท่าน
ไอ้สองเสือข้างหลังเขาหัวเราะฮิ ๆ ๆ มานานแล้ว
บอก “ ไอ้ห่า เอ๊ย..ไม่น่าจะโง่เลย กูนี่รู้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ” (หัวเราะ)
ไอ้ผีนั่นมันไม่ได้อยู่ใกล้ มันอยู่ห่างไปก็ใช้กำลังใจได้สบาย ไอ้เราก็ไปนั่งสงสัยดูผิวพรรณ
แล้วก็ดูเสียง ฟังเสียง ลีลา ด้วยประการทั้งปวง ไม่ใช่พระอรหันต์ธรรมดาเลย
พระอรหันต์ธรรมดานี่ทำไม่ได้ แม้จะเป็นปฏิสัมภิทาญาณก็ไม่ได้ ขนาดนั้นไม่ได้
เราก็เลยกราบกัน ต่างคนต่างกราบ ก่อนกลับก็ให้โอวาทว่า
“ พวกคุณนี่ตั้งใจดีแล้ว แต่การตั้งใจของพวกคุณ ถ้าไม่ตัดขันธ์ ๕ ได้เพียงใด
การตั้งใจของคุณก็ไม่สัมฤทธิ์ผล ฉะนั้นขอทุกคนนะ พยายามอย่าสนใจขันธ์ ๕ ของเรา
อย่าสนใจขันธ์ ๕ ของคนอื่น อย่าสนใจวัตถุธาตุทั้งหมดเท่านี้พอ ”
ท่านบอกเท่านี้พอ...ก็เลยกราบเรียนถามว่า
“ แล้วพวกเกล้ากระผมจะสามารถตัดได้ไหม ?”
ท่านบอก “ มันไม่ยากหรอก..เรื่องเล็ก ๆ กำลังใจก็เข้มอยู่แล้ว แต่วันเวลาเท่านั้นนะ
นี่มันจะเร่งรัดเกินไปไม่ได้ ถ้าวันเวลายังไม่ถึง ก็ทำไปเพื่อถึงเวลานั้น
ถ้าวันเวลาถึงเมื่อไรก็สิ้นสุดกันวันนั้นแหละ
แล้วท่านก็ลา เมื่อลาเราก็ต้องกลับบ้าง แหม..พูดเพราะจริง ๆ พูดเพราะมาก
เดินลงบันไดไปหาย ! คนข้างบนเห็นลง คนข้างล่างไม่เห็น
“ พวกนั้นเขาไม่มีบุญ ”
เขามีบุญหรือไม่มีก็ไม่รู้ เราต้องมีแน่ใช่ไหม เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ นี่พอไปแล้ว
เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ ทำยังไง ลุกกราบที่ตรงนั้นอีก บอก
“ แหม..นึกไม่ถึง ๆ คนอายุ ๒,๔๐๐ ปีเศษ ”
ก็พระพุทธเจ้าน่ะซิ ! พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน แหม..สวยจริง ๆ บอกไม่ถูกเลย
เล่นเอาไอ้คนบ้านนั้นนอนไม่หลับไปหลายวันเลย อีบ้านนั้นจะพังให้ได้เลย
มึงก็ขึ้นมาไหว้ กูก็มากราบ ปิดทองกระดานตรงนั้น เสื่อรื้อไม่ได้ ไอ้เสื่อวัดผืนนั้นต้องซื้อ
เสื่อยาวของที่วัดยืมมานะ เขาซื้อเสื่อไว้เลย
นี่นะเรียกว่าของดีมีอยู่ ความจริงน่ะมีอยู่อย่างเดียวให้ใจเรารัก
ถ้าใจเรารักดีมันไม่ต้องห่วงหรอก ดีถึงเราแน่ ถ้าใจเราไม่รักดี ใจเรารักชั่ว ชั่วมันก็มาถึงเรา
ทีนี้ความจริงท่านมาทำไมนะ ความจริงท่านตั้งใจมาโปรด เจ้าคุณธรรมเสนานีย์
เพราะไอ้เบื๊อกนั่นมันดื้อแพ่ง พูดถึงเรื่องนิพพานมันก็บอกไปไม่ไหว เทศน์กันมา ๓ วัน
มันก็ไม่เลิกอยู่นั้นแหละ ก็เลยเทศน์กันไปเทศน์กันมาก็บอก
“ ไอ้นักเทศน์หมา ๆ โยมนิมนต์มาทำไมก็ไม่รู้ ”
(หัวเราะ) โยมฮาครืน..ตอนกลางคืนลงท้ายเรียกไอ้หนู แกแก่กว่าเราหลายปีในครั้งนั้นเองกลับไปบอก
“ คราวนี้อั๊วะจ้วงหนักล่ะโว้ย ”
ถาม “ ทำไม ?”
บอก “ แหม..ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบพระพุทธเจ้า ”
ทุกคนก็มีความเข้าใจ ทุกองค์มีความเข้าใจหมด อย่างนี้ทำไม่ได้คือลีลาอย่างนี้ อรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
ถ้าขืนไปทำลีลาอย่างนั้นท่านไม่ทำ เพราะทุกส่วนสัดท่านสวยหมดไม่มีตำหนิ มาดูใน “ มหาปุริสลักษณะ ”
ลักษณะของพระพุทธเจ้า อาการ ๓๒ และก็อนุพยัญชนะ ๘๐ ไม่ได้พลาดเลย แล้วก็ที่บาลีกล่าวไว้บอก
มีพระโอษฐ์แดงระเรื่อพองาม ส่วนที่จะดำก็ดำสนิท ส่วนที่จะขาวก็ขาว แขนนี้กลมบ๊อง
ริ้วรอยนี่ไม่มีเลยเรียบ หนังเป็นริ้วไม่มี นี่เป็น “ พุทธลักษณะ ” จริง ๆ ใช่ไหม
เป็นอันว่าฉันก็เลยนั่งฝันเห็นพระพุทธเจ้าท่าน แต่ว่าอีตอนเย็นฝันผิด ตอนเย็นไปสนใจแต่เพียงว่า
เอ๊ะ ! ทำไมอายุอ่อนกว่า เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ จึงนั่งหน้า แต่ก็ด้วยมารยาทแล้วเลยไม่ถาม
เสียงก็ไพเราะ พอเวลาว่านี่ก็ว่าเสียงไพเราะจับใจมาก เราก็อิ่มไปด้วย พอดีตอนเช้าซิ ! ชักสงสัยขึ้นมา
พอถึงท่านก็มาอีกล่ะ มาอีกตอนนี้ชักยุ่ง ก็ชักสงสัย ก็ถามพ่อส่งใบสุทธิให้ ๓๐๐ ปี
มันไม่ไหวแล้ว กระดูกก็ไม่เหลือ พอถึงถามว่า “ ทำไมอายุมากนักครับ ?”
ท่านบอก “ คนละใบนี่ใบใหม่ ใบเก่ามากกว่านี้อีก ”
(หัวเราะ) ถาม “ ใบเก่าเท่าไรครับ ?”
เลขขึ้นมาเลย ๒,๔๐๐ ปีเศษ โอ้โฮ้ ! พอเท่านี้แหละท่านก็ยิ้มนิดหนึ่ง ทีแรกท่านไม่ยิ้ม พูดเรื่อย ๆ หน้าเฉย ๆ
พอยิ้มนิดตกใจ นึกถึงบาลีเลย นึก เอ๊ะ ! พระองค์นี้ยังไงแน่ สงสัย ? จะดูจิต พอจะดูจิตปั๊บ !
เราก็จับภาพจิตเราก่อนเลย เราต้องจับของเราก่อนนะ จับภาพมันไม่ยากนี่ พอจับปั๊บ ๆ สว่างโพลง
พอเราจะจับจิตท่าน หนาปึ้ก ! จิตดำปื้อ...ดำปื้อ..เราเสร็จล่ะ ถ้าปฏิสัมภิทาญาณก็หนีไม่พ้น
ยังไงเราก็เอาได้ เราก็ล้วงพระพุทธเจ้ามาช่วย ทีนี้เราจะหาพระพุทธเจ้าไม่เจอเสียแล้วซิ ! พอนึกปั๊บดำปื้อ ....
ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าไม่มี หาไม่ได้ พระพุทธเจ้าหาย (หัวเราะ) ตาไม่ดี รูปพระพุทธเจ้าหาย ชักเอาแล้ว
อีตอนนี้ชักสงสัย ถ้าพระพุทธเจ้าหายนะ ถ้าอย่างนั้นต้ององค์นี้แน่ พอดูไปอีกทีปั๊บ ! แหม..แพรวสวย
แต่ว่าคล้าย ๆ จะเปล่งฉัพพรรณรังสี แต่เปล่งไม่ชัด บาง ๆ นิด ๆ แต่สวยมาก
ตามธรรมดานี่เปล่งชัดเหมือนกับ พระอาทิตย์ทรงกลด ใช่ไหม สวยบอกไม่ถูกชัดเจน
ไอ้นี่ให้พวกเราเห็นน้อย ๆ นิด ๆ เป็นละออง ๆ ก็เลยมั่นใจ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ฉันก็บ้า “ พุทธานุสสติ ” เรื่อย ใครจะไปยังไงก็ไปเหอะ ฉันเล่น “ พุทธานุสสติ ”
เดี๋ยวนี้ก็ยัง “ พุทธานุสสติ ” อยู่นั่นแหละ ใช่ไหม เอ้า ! ว่าแล้วก็กลับกันดีกว่า นี่มันจะดึกเดี๋ยวได้ ๕ ทุ่มอีกหรอก


จากหนังสือ หลวงพ่อเล่าให้ฟัง เล่ม ๒
โดย..หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
พิมพ์ สุวิภา กลิ่นสุวรรณ์

ที่มา www.kanlayanatham.c om


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: