จากน้ำท่วมโคราช..ถึงวันสิ้นโลก2012
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จากน้ำท่วมโคราช..ถึงวันสิ้นโลก2012  (อ่าน 3204 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 03:45:17 PM »



ายงานโดย :เรื่อง วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ / ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์ / โซนี่ พิคเจอร์ส:
วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ใบลานสามสีที่ตกมาถึงในวัดแห่งหนึ่งของจังหวัดอัตตะปือ (ประเทศลาว) ว่าถึงพุทธทำนายเรื่องคลื่นน้ำสูง 200 เมตรจะเข้าช่องแคบสระบุรี และโคราชตอนล่าง
อันเป็นที่มาของข่าวลือในยุคหนึ่งว่าน้ำจะท่วมโคราช จ.นครราชสีมา ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโคราช สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 187 เมตร ความคิดขณะนั้นคือเป็นไปไม่ได้ แต่ความคิดขณะนี้ อะไรก็เป็นไปได้หมด

นั่นก็เพราะภัยพิบัติทางธรรมชาติของโลกส่อเค้าความหฤโหดมากขึ้นเรื่อยๆ หลายครั้งเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้กลับกลายเป็นจริง ล่าสุดคือวันสิ้นโลก 21 ธ.ค. 2012 ที่นับจากวันนี้คือ 3 ปีสุดท้ายของโลก 3 ปีสุดท้ายก่อนอารยธรรมโลกจะสิ้นสูญ นี่จะเป็น 3 ปีที่มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือไม่!!!

21/12/12

21 ธ.ค. 2012 วันสิ้นโลกที่ทั่วทั้งโลกกำลังพูดถึง เรื่องราวและร่องรอยแห่งปมปริศนา คำพยากรณ์แห่งอนาคตที่แพร่สะพัดอยู่ในเว็บไซต์ชนิดเป็นหมื่นๆ เว็บ ภาพยนตร์ หนังสือ และงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ร้อนจัดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดสะท้อนความสนใจถึงขีดสุดต่อหายนะที่กำลังจะนำมาซึ่งวันสุดท้ายของโลก ความแตกตื่นย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นเมื่อกว่า 5,000 ปีก่อนในดินแดนเมโสอเมริกา ที่ที่ปฏิทินโบราณฉบับหนึ่งถูกเขียนขึ้น

วันแรกของปฏิทินแห่งวันสุดท้ายถูกเขียนขึ้นโดยเผ่ามายา ชนเผ่าโบราณที่ว่ากันว่ามีอารยธรรมสูงสุดในยุคแรกๆ ของโลก ร่องรอยที่ทิ้งไว้อลังการชนิดเหลือเชื่อ ตั้งแต่พีระมิด และศาสนสถานขนาดใหญ่ อารยธรรมรุ่งเรืองสูงสุดด้วยความรู้ด้านศาสนา ปรัชญา คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ การประดิษฐ์ตัวเลข ตัวอักษร ระบบดวงดาวแห่งจักรวาล รวมทั้งการจัดทำปฏิทินลองเคาต์ (Long Count) กลุ่มตัวเลขที่กำหนดผลลัพธ์หรือโชคชะตาแห่งมนุษยชาติทั้งมวล

“ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์” คอลัมนิสต์และนักเขียนอิสระ ผู้เขียนหนังสือ 21 ธันวา 2012 วันพลิกชะตาโลก ให้ความรู้เกี่ยวกับปฏิทินสะท้านโลกว่า พวกมายาได้คิดค้นปฏิทินขึ้น 3 แบบ คือ ปฏิทินที่ใช้สำหรับพิธีทางศาสนา ปฏิทินที่ใช้ทั่วไป และปฏิทินที่เรียกว่าลองเคาต์ ซึ่งไม่ได้นับช่วงเวลาแค่ปีต่อปี 365 วันแล้วตัดยอดไปปีหน้าแบบปฏิทินเกรเกอเรียนในปัจจุบัน หากปฏิทินได้คำนวณช่วงเวลาทั้งหมดนับตั้งแต่มีโลกใบนี้จนกระทั่งวันสุดท้ายของโลกเอาไว้

หน้าตาของปฏิทินโบราณมีลักษณะเหมือนวงกลม 2 วงที่ซ้อนกันอยู่ วงนอกและวงในเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันเหมือน “เฟือง” กับ “เกียร์” ต่างหมุนวนไปรอบๆ คล้ายเฟืองของเครื่องจักร ซี่เฟืองแต่ละซี่ทำงานสอดคล้องกันอย่างซับซ้อนแต่ลงตัวหมดจด ถอดรหัสออกมาเป็นตัวเลข 5 หลัก มายาแบ่งเวลาออกเป็น 5 ตะวัน เราทั้งหลายขณะนี้อยู่ในช่วงของตะวันที่ 5 หรือตะวันสุดท้าย นับหนึ่งวันแรกเมื่อวันที่ 11 ส.ค. เมื่อ 3,114 ปีก่อนคริสต์ศักราช หรือเมื่อ 5,122 ปีก่อน

มหาพายุสุริยะ

“ปฏิทินผู้นับกาลแห่งโลก ระยะเวลาอันยาวนานมาสิ้นสุดการนับลง ณ วันที่ 21 ธ.ค. 2012 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ทำให้หลายคนคาดการณ์ว่านี่อาจจะเป็นวันสุดท้ายของโลก วันสิ้นสุดอารยธรรมของมวลมนุษย์โลก” ชัชรินทร์ กล่าว

ไม่ใช่แค่กำหนดจุดจบโลกไว้ลอยๆ หากวันสุดท้ายบนปฏิทินโบราณยังสอดคล้องกับแนวคิดและข้อมูลใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์โลกปัจจุบันอย่างสุดจะเชื่อ จีนกับสหรัฐอเมริกาตรงกันในเรื่องนี้ ศูนย์โนอา หรือองค์กรสมุทรศาสตร์และบรรยากาศสหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmosphere Administration-NOAA) ระบุว่า จะเกิดพายุสุริยะครั้งรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าว เช่นเดียวกับศูนย์อุตุนิยมวิทยาดาวเทียมแห่งชาติ (NCMC) ประเทศจีน ซึ่งกล่าวไว้ตั้งแต่ 13 มี.ค. 2007 ว่า ได้ตรวจพบปรากฏการณ์พายุสุริยะครั้งใหญ่ ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนพ.ค. 2012 ก่อนจะทวีความรุนแรงสูงสุดในเดือนธ.ค. 2012

นักวิทยาศาสตร์มีแนวคิดในเรื่องนี้ค่อนข้างหลากหลาย เช่น แนวคิดเรื่องจุดสมดุลของวงโคจรดวงอาทิตย์ ปรากฏการณ์การเรียงตัวของดาวพฤหัสและดาวเสาร์ (Great Chronocrator) หรือแนวคิดเรื่องการเรียงตัวของระบบสุริยะกับจุดศูนย์กลางของกาแล็กซีทางช้างเผือก (The Galactic Alignment) รวมทั้งอีกมากมายที่มหัศจรรย์พันลึกเสียยิ่งกว่าไหน เป็นวิทยาศาสตร์ผสมจินตนาการไซ-ไฟ ที่จะนำมาซึ่งปฏิกิริยาแบบวินาศสันตะโรจริงๆ หรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องคิดและไตร่ตรองให้หนัก

เกิดดับแห่งจักรวาล
ดร.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การเกิดดับของจักรวาลเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิต จึงเป็นเรื่องที่คนสนใจ และยิ่งเร้าใจเมื่อเป็นเรื่องที่มีเงื่อนเวลา แต่ต้องระวังสำหรับคนที่ผิดปกติทางความคิด รับข้อมูลแล้วเกิดความเครียด วิตกกังวล และมีความเชื่อที่หลุดไปจากความจริง โดยเฉพาะพวก Thinking Disorder จิตเภท กลุ่มโรคหลงผิด ในต่างประเทศถึงขั้นชิงฆ่าตัวตายไปก่อนก็มี โดยต้องรับรู้ในเชิงบวก คิดวิเคราะห์ด้วยเหตุผล

พระนักคิด ว.วชิรเมธี กล่าวว่า วันสิ้นโลกใน 3 ปีหน้า จะจริงไม่จริงก็ยังไม่แน่ แต่ถ้าจะมองผ่านมุมของพุทธศาสนาก็คือ วิธีคิดและวิถีชีวิต กับอารยธรรมของโลกเวลานี้ มนุษย์เดินอยู่บนสายพานแห่งความเร่งที่รวดเร็ว เข้มข้น รุนแรง และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อโลกได้ทุกเมื่อ ปฏิทินวันสุดท้ายของโลกมองในมุมหนึ่งก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราไม่ประมาท เมื่อไม่ประมาทก็สามารถลุกขึ้นมาคิดหาวิธีรับมือกับความเสื่อม

“ถ้าโลกนี้จะวิบัติ ก็วิบัติเพราะน้ำมือมนุษย์ และก็ด้วยน้ำมือมนุษย์อีกเช่นกันที่จะทำให้โลกนี้หลุดพ้นจากความสิ้นสูญ” ว.วชิรเมธี กล่าวว่า ควรใช้ชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะสิ่งที่คาดการณ์ยังอยู่ในอนาคต อย่าเอาความกลัวในอนาคตมาทำให้วันนี้ไม่มีความสุข โลกอาจถึงกาลวิบัติ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันวิบัติในวันนี้เสียหน่อย วันนี้ยังคงอยู่ในมือเรา ลุกขึ้นมาบริหารจัดการวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ คณะทำงาน IPCC และผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร กล่าวว่า อวสานโลกจะเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่มีใครตอบได้ แต่ความจริงก็คือ ถ้าไม่รีบแก้ไข อวสานโลกจะมาถึงแน่ด้วยภัยโลกร้อน ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า 50 ปีจากนี้โลกจะประสบภัยจากภาวะโลกร้อนขั้นเลวร้าย ทั้งสึนามิ แผ่นดินไหว และภาวะน้ำแข็งละลายระดับทวีป “อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นอีก 2 องศา ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นอีก 1.6 เมตร เรียกได้ว่าขั้นหายนะ ถ้าโลกไม่วิกฤตใน 3 ปีนี้ ก็ภายในไม่เกิน 50 ปี”

ตายเสียก่อนตาย

ไม่ว่าจะอีก 3 ปี หรือ 50 ปี โลกก็แย่แน่ มุมมองต่อวันสิ้นโลกในฐานะนักคิดอิสระ ชัชรินทร์ กล่าวว่า ต้องมีสติและเตรียมใจ เตรียมความคิด เตรียมใจ คือ การเข้าใจและปลงใจต่อสิ่งที่จะเกิด เตรียมความคิด คือ การศึกษาทำความเข้าใจเหตุปัจจัย รวมทั้งศึกษาว่าเราจะเปลี่ยนแปลงมันได้อย่างไร จริงๆ แล้วก็เปลี่ยนได้ แต่ต้องหมายถึงการเปลี่ยนย้ายทั้งกระบวนทัศน์ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง

วันสุดท้ายที่จะมาถึง ควรกระตุ้นให้มนุษย์เกิดสติ เกิดการเตรียมใจ ยอมรับสภาพด้วยความเข้าใจ เกิดความคิดที่จะหมุนเปลี่ยนตัวเองไปสู่การใช้ชีวิตตามหลักศาสนา หรือดังที่ท่านพุทธทาส กล่าวว่า ตายเสียก่อนตาย เรื่องกลียุควันสิ้นโลกนัยหนึ่งแล้วก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อม ความดับ ความไม่จีรัง หรือความไม่แน่นอนของโลก เพื่อที่เราจะได้หาทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมาะสมสอดคล้องกับความไม่แน่นอนนั้น

“คนไทยใกล้กับศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาที่เป็นวิทยาศาสตร์ ก็ควรหันมาสนใจอย่างจริงจัง แล้วเราจะพบคำตอบของการดำรงชีวิตอยู่ในโลกที่กำลังใกล้จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์” ชัชรินทร์ กล่าว

ขอบคุณข้อมูล - ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ หนังสือ “21 ธันวา 2012 วันพลิกชะตาโลก” สำนัก

http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=76202


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1883
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13229


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 04:28:24 PM »

 

http://www.youtube.com/v/R6-zBWDtZvM&hl=en_US&fs=1&

- ชาติปิ ทุกขา
ความเกิดก็เป็นทุกข์


- มะระณัมปิ ทุกขัง
เมื่อความตายเข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์

- สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ
กล่าวโดยย่อแล้วก็คือ การหลงคิดว่าร่างกายเป็นของเราของเขานั่นแลเป็นตัวทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง ฯ
บันทึกการเข้า
Nattawut-LSV Team
E23IUY
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน808
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3581


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2009, 04:41:28 PM »

พระนักคิด ว.วชิรเมธี กล่าวว่า วันสิ้นโลกใน 3 ปีหน้า จะจริงไม่จริงก็ยังไม่แน่ แต่ถ้าจะมองผ่านมุมของพุทธศาสนาก็คือ วิธีคิดและวิถีชีวิต กับอารยธรรมของโลกเวลานี้ มนุษย์เดินอยู่บนสายพานแห่งความเร่งที่รวดเร็ว เข้มข้น รุนแรง และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อโลกได้ทุกเมื่อ ปฏิทินวันสุดท้ายของโลกมองในมุมหนึ่งก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราไม่ประมาท เมื่อไม่ประมาทก็สามารถลุกขึ้นมาคิดหาวิธีรับมือกับความเสื่อม

   HAPPY2!!  ขอบคุณ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: