สรุปรวม-รถใหม่ที่จะเปิดตัวในไทยปี 2009 - 2012
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
มีนาคม 28, 2024, 08:17:47 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปรวม-รถใหม่ที่จะเปิดตัวในไทยปี 2009 - 2012  (อ่าน 147819 ครั้ง)
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« เมื่อ: มิถุนายน 11, 2009, 08:54:03 PM »



CHEVROLET

พ.ย. 2009 : CRUZE (PROJECT J300)

มิ.ย. 2010 : NEW AVEO (PROJECT T300)

พ.ย. 2010 : NEW COLORADO (PROJECT GMI700)

2011 : CAPTIVA (PROJECT C140)

ECO CAR : JOINT WITH SUZUKI ??

ทุกโปรเจ๊กต์ สั่ง DELAY หมด!!!!!

การ ฉลองครบรอบ 100 ปีของจีเอ็ม ในปีนี้ กลับต้องตามมาด้วยฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ยักษ์อันดับหนึ่งของโลก ต้องประสบกับภาวะขาดทุนมหาศาลและเหลือเงินสดหมุนเวียน ไว้ทำธุรกิจได้ยาวนานสุด ไม่เกินกลางปีหน้า นี่คือวิกฤติการณ์
ที่เลว ร้ายที่สุด เท่าที่จีเอ็มเคยประสบมา และนั่นส่งผลกระทบถึงคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คิด ข้อเท็จจริงก็คือ โรงงาน จีเอ็มที่ระยอง ประกาศ พักสายการผลิต นานถึง 2 เดือน สำหรับเพื่อระบายสต็อกที่เหลืออยู่
ให้หมด มีลูกจ้างชั่วคราวในไลน์ผลิตที่ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ต้องออกจากงาน ตามโปรแกรมการจ้างออก ราวๆ 258 คน แต่ลูกจ้างประจำ ยังคงรับเงินเดือน 75% ไปนอนผึ่งพุงตากพัดลมอยู่บ้านสบายๆ 2 เดือน โดยสวัสดิการที่จำเป็นยังไม่ถูกตัดลง
แต่อย่างใด เป็นความจริงที่ไม่เลวร้ายเท่ากับที่ข่าวเศรษฐกิจทางทีวี เอาไปพูดออกอากาศ

ปี ที่ผ่านมา จีเอ็ม มีเพียงการกระตุ้นตลาดด้วย โคโลราโด ไมเนอร์เชนจ์ ช่วง มอเตอร์เอ็กซ์โป 2007 ตามติดต่อเนื่องในช่วงมอเตอร์โชว์ เดือนมีนาคม ด้วย โคโรลราโด CNG จากนั้นในช่วงส่งท้ายปี มีทั้ง แค็พติวา รุ่นปี 2009 เพิ่มสีขาว
และปรับโทนสีภายใน เพิ่มสีเบจให้เลือก และ เอวิโอ ที่ปรับปรุงให้ใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ อี 20 ได้ แต่ ด้วยสถานการณ์อันยากลำบาก ทำให้ จีเอ็ม ตัดสินใจ เลื่อนโครงการรถยนต์รุ่นใหม่ต่างๆ ออกไปจนกว่า หนทางข้างหน้าจะชัดเจนขึ้น
การอัพเดทความเคลื่อนไหวล่าสุด จึงเกิดขึ้น และต่อไปนี้คือ โครงการที่ จีเอ็ม เตรียมไว้เปิดตัวในเมืองไทย

เริ่ม จาก เชฟโรเลต ครูซ ใหม่ รหัสโครงการ J300 ซึ่งเป็นรุ่นเปลี่ยนโฉม โมเดลเชนจ์ ของรถยนต์คอมแพกต์ซีดานคันใหม่ ที่จะทำตลาดแทน ออพตร้า มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวขึ้น มุ่งเน้นเอาใจลูกค้าวัยรุ่นมากขึ้น แต่ยังต้องรักษากลุ่มลูกค้าหนุ่มสาว
วัยทำงาน และครอบครัว ที่มองหารถยนต์นั่งที่เน้นความนุ่มสบายไว้ใช้งาน รูปลักษณ์ภายนอก คล้ายคลึงกับรถยนต์หลายๆรุ่นของหลายค่ายที่ทำตลาดอยู่ตอนนี้ ส่วนห้องโดยสาร อย่าคาดหวังว่าจะล้ำยุคอะไรมากนัก เพราะจะยังคงกลิ่นอาย
ของ รถยนต์แดวู และเชฟโรเลตในยุคปัจจุบันไว้อยู่ไม่น้อย ทางเลือกเครื่องยนต์ในตลาดโลกยืนพื้นอยู่กับบล็อก 4 สูบ 1,600 ซีซี และ 1,800 ซีซี แน่นอน ส่วนเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี ทั้งเบนซิน และดีเซล จะมีในเวอร์ชันไทยหรือไม่นั้น ยังไม่ชัดเจน
หลังการเปิดตัวในเกาหลีใต้ไป แล้ว ด้วยชื่อ แดวู ลาเซ็ตติ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ล่าสุด ต่อให้สถานการณ์ด้านการเงินของจีเอ็มดีขึ้น แต่กำหนดการเปิดตัวในเมืองไทย ที่เคยพยายามจะเลื่อนขึ้นมาให้เร็วขึ้นเป็นเดือน พฤศจิกายน 2009
ก็ยาก จะเป็นไปได้ และอาจจะยังคงต้องเปิดตัวในช่วงต้นปี 2010 เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ แน่นอนแล้วว่าจะขึ้นสายการผลิตที่โรงงานระยอง ไม่ใช่มาเลเซียอย่างที่เคย ร่ำลือกันมาก่อนหน้านี้

จากนั้น จะตามติดด้วย เอวิโอ ใหม่ รหัสโครงการ T300 ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนโฉมโมเดลเชนจ์ ครั้งใหญ่ รายละเอียดด้านวิศวกรรม จะยังคงสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง GAMMA สำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก ของทั้งกลุ่มจีเอ็มและเฟียต และคราวนี้คาดว่า
จะต้องยกระดับเครื่องยนต์ จาก 1,400 ซีซี ในตลาดยุโรป มาเป็น 1,500 ซีซี รุ่นใหม่ ที่มีพละกำลังดีกว่าเก่า รวมทั้งการออกแบบห้องโดยสาร ที่จะเอาใจกลุ่มลูกค้า ผู้ซื้อรถคันแรกในชีวิตมากยิ่งกว่ารุ่นปัจจุบัน กำหนดเปิดตัว จากเดิม ในช่วงเดือน
มิถุนายน 2010 อาจจะต้องเลื่อนออกไป อีก 9 เดือน

ปิด ท้ายกันด้วย ความคืบหน้าของโครงการ GMI 700 หรือรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน ของรถกระบะ เชฟโรเลต โคโลราโด โดยประเทศที่จะเป็นฐานหลักในการพัฒนารถกระบะรุ่นใหม่นี้ จะย้ายไปอยู่ที่ ประเทศบราซิล โดยมีญี่ปุ่น กับ ไทย ยังเป็น
ประเทศพี่เลี้ยง อยู่ รายละเอียดของคันจริง ตอนนี้คืบหน้าไปในระดับหนึ่ง ว่าจะใช้โครงสร้างตัวถังหลักร่วมกับ อีซูซุ ดีแมกซ์ เจเนอเรชันต่อไป (รหัส RT-50) อยู่ แต่ชิ้นส่วนเปลือกตัวถังภายนอก จะปรับปรุงให้แตกต่างจากอีซูซุมากขึ้น ส่วนเครื่องยนต์
จะสร้างขึ้น ณ ส่วนต่อขยายของโรงงาน จีเอ็มระยอง เป็นการร่วมทุนกันระหว่างจีเอ็ม และ VM.MOTORI แห่งอิตาลี ซึ่งจีเอ็มเข้าไปซื้อหุ้นใหญ่มาเมื่อปี 2007 ยืนยันแล้วว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ดีเซล ขนาด 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว คอมมอนเรล ซูเปอร์ชาร์จ
2,500 ซีซี และ 2,800 ซีซี โดยไม่จำเป็นต้องขยับไปถึง 3,000 ซีซี แต่อย่างใด การใช้เครื่องยนต์ใหม่นี้ จะทำให้รถกระบะใหม่ของเชฟวี แตกต่างจาก ฝาแฝดร่วมโครงการอย่างอีซูซุ ซึ่งจะยืนหยัดกับเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี และ 3,000 ซีซี ตามเดิม

แต่ ที่แน่ๆ แม้จะใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกัน แต่ตัวรถของฝ่ายเชฟโรเลต จะมีความแตกต่างจากเวอร์ชันอีซูซุ มากกว่าปัจจุบัน ที่ดีแมกซ์ และโคโลราโด เป็นอยู่ เพราะการถอนหุ้นของจีเอ็มในส่วนที่ถือครองอยู่ในอีซูซุออกไปจนเกือบจะหมด
ทำ ให้มีความเป็นไปได้สูงที่อนาคต ทั้งคู่อาจต้องแยกกันพัฒนารถกระบะของตนตามลำพัง ถึงกระนั้น จีเอ็มก็รู้ดีว่า การปล่อยให้อีซูซุ ช่วยพัฒนาเครื่องยนต์และงานวิศวกรรมอื่นๆนั้น จะช่วยให้จีเอ็มลดต้นทุนในการพัฒนาลงไปได้มาก
ซึ่งในรุ่นปัจจุบันนั้น มีชิ้นส่วนที่แตกต่างกันเพียง 300 ชิ้นเท่านั้น

แต่ ด้วยปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้การก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ ร่วมทุนกับ V.M. MOTORI จากอิตาลี ที่เพิ่งวางศิลาฤกษ์กันไปเมื่อเดือนกันยายน 2008 ต้องเลื่อนออกไปอีก 1 ปี นั่นทำให้โครงการ GMI 700 จะถูกเลื่อนออกไปอีก 1 ปี
เพื่อไปเริ่มต้นขึ้น สายการผลิตจริง เดือนกรกฎาคม 2011 เป็นอย่างเร็วที่สุด และนอกจากนี้ จะมีเวอร์ชัน เอสยูวี ตามออกมาอีกด้วย โดยมีกำหนด ขึ้นสายการผลิต เดือนกุมภาพันธ์ 2012

ด้านเอสยูวี รุ่น แค็พติวา นั้น ก็เป็นอีกโครงการที่ได้รับผลกระทบ เพราะมีแผนจะปรับโฉมใหม่ บิ๊กไมเนอร์เชนจ์ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ภายใต้รหัสโครงการ C140 แต่เดิม มีกำหนดเปิดตัวราวๆ ปี 2010 ทว่าตอนนี้ เจอโรคเลื่อนไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ ยังไม่แน่ชัดว่า จะย้ายไปเปิดตัวเมื่อใด ส่วนโครงการ อีโคคาร์ ของ จีเอ็มนั้น ยังคลุมเครือ และเงียบกริบจนน่าประหลาด ทำให้ยังต้องจับตาดูโครงการความร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ขนาดเล็กจากแดนปลา ดิบอย่างซูซูกิ กันต่อไป ว่าความคืบหน้า
ไปถึงไหนแล้ว

ทั้งหมด นี้ คือสิ่งที่คนไทยจะได้สัมผัส ถ้า จีเอ็ม ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากสภาครองเกรส จนมีเงินสดหมุนเวียนมากพอที่จะเดินหน้าโครงการต่างๆไปได้




บันทึกการเข้า

แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2009, 08:55:19 PM »



FORD

2009 RANGER MINOR CHANGE & The All New FIESTA B299 PROJECT

2010 MODEL CHANGE กระบะใหม่ T6 PROJECT?

2011 MODEL CHANGE EVEREST รอบใหม่?

2012 ESCAPE FADE-OUT?

ตลอด ปี 2008 ชาวฟอร์ด ที่ตึกเลครัชดา ถึงขั้นเหนื่อยหนักและหายใจไม่ทั่วท้อง บางรายถึงขั้นล้มป่วยกันเลยทีเดียว ทั้งจากการไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เปิดตัว อีกทั้งสถานการณ์ยอดขาย ยังย่ำแย่ รถกระบะเรนเจอร์ ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน
ดีเซลในช่วงกลางปีไปเต็มๆ จนยอดขายตกต่ำ ความมั่นใจของลูกค้าเริ่มหดหาย อีกทั้งสถานการณ์ของบริษัทแม่เอง ก็ยังต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจากวิกฤติการแฮมเบอร์เกอร์ ในสหรัฐฯ ถึงขั้นต้องขายหุ้นในมาสด้าเกือบทั้งหมด ออกไป เหลือไว้เพียง
17% เท่านั้น เพื่อเอาเงินสดมาหมุนเวียนในธุรกิจทั่วโลก แต่การเดินหน้าปรับปรุงความเชื่อมั่นในบริการหลังการขาย ไปจนถึงเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ รวมทั้งกระตุ้นยอดขาย ด้วยแคมเปญพิเศษต่างๆ ทั้ง 3 แนวทางนี้ ยังคงต้อง
ทำต่อไป ส่วนรถใหม่ในปีที่ผ่านมา ก็มีทั้ง เอสเคป ไมเนอร์เชนจ์ รอบใหม่ หน้าตาเหมือนเวอร์ชันญี่ปุ่น เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน ตามติดด้วย โฟกัส ไมเนอร์เชนจ์ TDCi 136 แรงม้า ที่คราวนี้ มีเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ทวินคลัชต์ มาให้เลือกกันเสียที
อีกทั้งยังส่งรถต้นแบบ เรนเจอร์ แม็กซ์ อวดโฉมในมอเตอร์เอ็กซ์โป อีกด้วย

และ เรนเจอร์ แม็กซ์ นี่เอง คือต้นแบบที่ฟอร์ดต้องการจะเผยให้เห็นรูปโฉม ของรถกระบะ เรนเจอร์ ไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งแต่เดิม เคยมีแผนจะต้องเปิดตัวพร้อมกับ BT-50 ไมเนอร์เชนจ์ เมื่อเดือนมีนาคม 2008 แต่ด้วยสถานการณ์ที่ไม่ดีเลยของฟอร์ด
ทำให้ ผู้บริหารตัดสินใจยอมเลื่อนมาเป็นช่วงปลายปี ทว่า เมื่อสต็อกยังค้างอยู่ จึงเลือกจะลากยาวออกไป เพื่อเตรียมเปิดตัวราวๆ ต้นปี 2009 และคาดกันว่าจะทำตลาดต่อไปอีก เพียง 1 ปี ก่อนที่ รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน โมเดลเชนจ์ รหัสโครงการ
T6 จะพร้อมออกสู่ตลาด งานพัฒนาของ T6 จะเป็นหน้าที่ของ ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ครบวงจรของ ฟอร์ด ที่ ออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของรถกระบะของทั้ง 2 ค่ายในปัจจุบัน โดยตัวรถจะมีโครงสร้างตัวถังใหญ่โตขึ้น
ในระดับเดียวกันกับ โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ อีกทั้งยังมีบานแค็บเปิดได้ อันกลายเป็นเอกลักษณ์จากสองค่ายนี้ มาให้ได้ใช้กันแน่นอน รวมทั้งยังใช้เครื่องยนต์จากรุ่นเดิม แต่พัฒนาให้แรงยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น แต่ปล่อยมลพิษน้อยลง ตามมาตรฐาน
EURO-IV กว่าจะพร้อมเปิดตัว ต้องรอถึงปี 2010 และถึงตอนนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่า จะไม่ใช้ชื่อรุ่นว่าเรนเจอร์อีกต่อไป

และ หลังจากนั้น รุ่นเปลี่ยนโฉมของ เอเวอร์เรสต์ใหม่ ก็จะเสริมทัพตามมาอีกระลอก และคราวนี้ ภาระกิจสำคัญของฟอร์ดก็คือ ทำอย่างไร ให้ เอเวอร์เรสต์ สามารถปรับภาพลักษณ์ขึ้นมา ท้าชนกับทั้ง ฟอร์จูเนอร์ และปาเจโร สปอร์ต อย่างสมศักดิ์ศรี
กว่าที่เป็นอยู่ โดยใช้โครงสร้างวิศวกรรมพื้นฐานต่างๆ ร่วมกับ เรนเจอร์ T6 นั่นเอง กำหนดเปิดตัวเดิม ยังอยู่ในปี 2011

ขณะ ที่ เอสเคปใหม่ ยังคงจะทำตลาดด้วยโฉมนี้ต่อไปเรื่อยๆอีก 2 ปี ก่อนจะปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์อีกครั้งสุดท้าย ราวๆ ปี 2011 ก่อนจะลดบทบาทออกไปจากตลาดในปี 2012 โดยยังไม่แน่ชัดว่า จะมีตัวตายตัวแทนมาทำตลาดต่อหรือไม่

แต่เหนือสิ่งอื่นใด ในช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2009 เราจะได้พบกับ ผลผลิตจากการลงทุนร่วมกันระหว่าง ฟอร์ด และมาสด้า ในโรงงาน AAT ระยอง นั่นคือ การขึ้นไลน์ผลิตรถยนต์นั่งระดับ ซับ-คอมแพกต์รุ่นใหม่ โดยใช้ที่ดินในส่วนต่อขยาย
จากโรงงานเดิม จะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในช่วงปลายปี ถูกแล้ว! เรากำลังพูดถึง รุ่นเปลี่ยนโฉมของ ซับ-คอมแพกต์ รุ่น ฟิเอสตา รหัสโครงการ B299 ฝาแฝดร่วมแพล็ตฟอร์มของ มาสด้า 2 (เดมิโอ ในญี่ปุ่น) ซึ่งจะเปิดตัวด้วยรุ่น แฮตช์แบ็ก 5 ประตูก่อน
ในช่วงมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 เป็นอย่างช้า จากนั้น รุ่นซีดาน 4 ประตู (แบบมีกระจกโอเปราด้านหลัง คล้ายกับ เชฟโรเลต ออพตร้า) จะตามออกมาในเดือนมีนาคม 2010 ช่วง บางกอกมอเตอร์โชว์ รายละเอียดทางวิศวกรรมนั้น ค่อนข้างแน่นอนว่า
จะใช้ เครื่องยนต์ 4 สูบ 1,400 และ 1,600 ซีซี แม้ว่าตัวรถจะมีพิกัดขนาดอยู่ในกลุ่ม B-SEGMENT แต่ด้วยการวางเครื่องยนต์ ทั้ง 2 ขนาดนี้ จะช่วยให้ ตำแหน่งการตลาดของ ฟิเอสตา ใหม่ จะต้องเจาะรวดเดียวทั้งกลุ่มตลาด รถยนต์ ECO CAR
และกลุ่ม B-SEGMENT ไปด้วยในตัว

สำหรับ อีโคคาร์นั้น นโยบายยังเหมือนเดิม ทางฟอร์ดและมาสด้า มองแล้วว่า เป็นโครงการที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ตั้งเป้ายอดผลิตปีละ 1 แสนคัน จะขายให้ใครที่ไหนกัน? ไม่เหมือนกับ กลุ่มซับ-คอมแพกต์ ที่นอกจากจะโดนใจลูกค้าชาวไทย
มากกว่าแล้ว ยังสามารถส่งขายในตลาดต่างประเทศได้ง่ายกว่า นั่นคือเหตุผลที่ ฟอร์ดและมาสด้า ไม่เล่นด้วยกับโครงการอีโคคาร์แล้วแน่นอน อย่างน้อยก็ในช่วง 3-4 ปีข้างหน้านี้
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2009, 08:56:34 PM »



ISUZU

2009 : GOLD, PLATINUM & THEN...WHAT??

2010 : THE NEXT D-MAX "RT50 PROJECT" ?

2011 : ALL NEW RT50 SUV ( MU-7 REPLACEMENT)?

แม้ จะเสียแชมป์ตลาดรถกระบะให้กับโตโยต้าไปแล้ว แต่ปีนี้ ด้วยเหตุที่ผู้บริโภคพากันผิดหวังว่า โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ไมเนอร์เชนจ์ ปรับเปลี่ยนไม่เยอะ เลยหันกลับมาหา ดีแมกซ์รุ่น แพล็ตตินัม (เพิ่มอุปกรณ์พิเศษเล็กน้อย) ทำให้ยอดขายของ
รถกระบะอีซูซุ พุ่งขึ้นมาในช่วง 4 เดือนหลังของปีนี้ หลังจากที่ซบเซาอย่างหนักในช่วงที่ราคาน้ำมันดีเซล แพงเกินจริง อีกทั้งการกระตุ้นยอดขายด้วย รุ่น GOLD-SERIES ในช่วงต้นปี ตามด้วยรุ่น PLATINUM-SERIES ในช่วงเดือนกันยายน
ก็ช่วยให้โชว์รูมของอีซูซุยังพอมี ลูกค้าเดินแวะเวียนเข้าไปใช้บริการกันบ้าง แม้ว่าลูกค้าจะหายในช่วง ราคาน้ำมันดีเซลแพงกระหน่ำ ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ไปหลายเดือนก็ตาม

แต่ ปี 2009 คาดว่า อีซูซุ อาจจะต้องประคองตลาดของตน ด้วยรุ่นกระตุ้นตลาด อีกสักครั้งหนึ่ง ก่อนการมาถึงของ รุ่นเปลี่ยนโฉมโมเดลเชนจ์ สำหรับ ดีแมกซ์ รหัสโครงการ RT50 เพราะมิเช่นนั้น การลากทำตลาดดีแมกซ์รุ่นปัจจุบัน
โดยไม่มีการปรับโฉมอะไรเลย ในปีนี้ อาจจะถึงขั้นทรุดจนเข่าอ่อนได้ง่ายๆ แต่จะใช้ชื่ออะไรนั้น คงต้องดูกันต่อไป แต่คาดว่า ไม่พ้น ชื่อบัตรเครดิตอะไรสักอย่างอีกเป็นแน่...

ด้านโครงการ RT-50 ยังคงปิดเป็นความลับ และดูจะไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมใดๆมากไปกว่าการที่อีซูซุ จะยังพัฒนารถกระบะรุ่นใหม่นี้ต่อไป โดยอาศัยความร่วมมือจากจีเอ็มเช่นเคย แต่คงจะลดการพึ่งพากันให้น้อยลง หลังจากที่ จีเอ็ม ถอนหุ้น
ออกจากอีซซุ ไปมากแล้ว ดังนั้น ฐานการพัฒนาหลัก จึงยังคงอยู่ในประเทศญี่ปุ่น และไทย เบื้องต้นนั้น RT50 จะใช้โครงสร้างวิศวกรรมร่วมกับ รถกระบะรุ่นใหม่ของเชฟโรเลต จากโครงการ GMI700 แต่ปรับปรุงจุดด้อยต่างๆ ให้มากที่สุด
เท่าที่จะทำได้ อีกทั้งยังต้องเพิ่ม บานแค็บเปิดได้ ตามเสียงเรียกร้องของลูกค้า ขณะที่เครื่องยนต์ จะถูกปรับปรุงใหม่ บนพื้นฐานของเครื่องยนต์เดิมที่ออกขายกันอยู่แล้ว ทั้ง 2,500 และ 3,000 ซีซี

กำหนดคลอดอย่างเป็นทางการนั้น เดิมที จะเริ่มขึ้นสายการผลิตจริง SOP (START ON PRODUCTION) ในเดือนมกราคม 2010 แต่ด้วยเหตุที่กระแสข่าวว่ามีซัพพลายเออร์บางราย รับแจ้งการเลื่อนคำสั่งซื้อ อย่างไม่มีกำหนด ทำให้เราต้อง
จับตาดูว่า โครงการนี้จะถูกเลื่อนออกไปอีกนานแค่ไหน หรือว่าจะยังเดินหน้ากันต่อไปตามแผนเดิม ซึ่งความเป็นไปได้ น่าจะเป็นประการหลังมากกว่า แต่ที่แน่ๆ อีซูซุ จะเปิดตัวก่อนหน้าเวอร์ชันของ เชฟโรเลต โคโลราโด GMI 700 แน่นอน

ส่วน เวอร์ชันเอสยูวี หรือรุ่นเปลี่ยนโฉมของ มิว-7 นั้น จะถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานของ ดีแมกซ์ใหม่ RT-50 ตามกำหนดการเดิม ถูกวางไว้ให้ขึ้นสายการผลิตจริง ในเดือนมกราคม 2011
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2009, 08:57:34 PM »



MAZDA
2009 MX-5 MINORCHANGE + 2 / DEMIO
2010 เปลี่ยนโฉมใหม่ กระบะ T6 PROJECT
2010 มาสด้า 3 ใหม่ เปิดตัวเมืองไทย ไตรมาสสุดท้าย

มอง ย้อนกลับไป ปี 2008 มาสด้า ตะลุยเปิดแคมเปญตั้งแต่ต้นปีในทันที ตามมาด้วยการกระตุ้นตลาดด้วย เวอร์ชันไมเนอร์เชนจ์ของ BT-50 ในเดือนมีนาคม แม้ว่าจะประคองยอดขายไปได้ในระดับ 1,000 คัน/เดือน แต่เมื่อเจอวิกฤติราคาน้ำมัน
ช่วงกลางปี มาสด้าก็แทบสะอึ้น เพราะยอดขายรถกระบะทั้งตลาด ร่วงลงต่ำอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว และแม้จะล่วงเข้าสู่ปลายปี อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ระหว่างนี้ มาสด้าจึงใช้เวลาที่ผ่านไป จัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งใน และนอกองค์กรมากมาย
และพยายามจะเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดใน 2 ปีข้างหน้า

และ เมื่อปี 2009 มาถึง มาสด้าก็จะเริ่มเปิดแคมเปญกระตุ้นตลาดกันทันทีเช่นเคย ตามติดด้วยการเปิดตัว MX-5 ไมเนอร์เชนจ์ ฉับไวจากตลาดญี่ปุ่นและทั่วโลก ในเดือนกุมภาพันธ์ พร้อมกันนี้ มาสด้าเตรียมวางแผนสารพัดเพื่อเปิดตัว มาสด้า 2
ซับ-คอมแพกต์ แฮตช์แบ็ก ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะเข้าร่วมชิงก้อนเค้ก ตลาดกลุ่ม 1,500 ซีซี กับเขาด้วย โดยจะขึ้นสายการผลิตที่โรงงาน AAT ระยอง ไลน์เดียวกับ ฟอร์ด ฟิเอสตา ซึ่งช่วงเวลาเปิดตัวนั้น จะชนกันกับนิสสัน มาร์ชใหม่พอดี

พอ ล่วงเข้าปี 2010 เวอร์ชันซีดาน 4 ประตู ของมาสด้า 2 ก็จะคลอดตามออกมา ในบางกอกมอเตอร์โชว์ มีนาคม นอกจากนั้น ยังจะเปิดตัว รุ่นเปลี่ยนโฉม โมเดลเชนจ์ ของรถกระบะรุ่นใหม่ รหัสโครงการ T6 ซึ่งน่าจับตามองว่า จะผิดแผก
ไปจากเวอร์ชันของฟอร์ดมากน้อยเพียงใด
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2009, 08:58:50 PM »



MITSUBISHI

2009 All New LANCER GS41 ถึงเวลามาซะที

2010 SUB-COMPACT B-Segment รถ Based on COLT but not COLT จะมาเหรอ?

2011 ECO-CAR?

2008 กลายเป็นปีที่ งูเหลือมเขมือบวัวอย่าง มิตซูบิชิ ต้องเจ็บหนักไปพอสมควร เพราะยอดขายของไทรทัน ไม่เป็นไปตามคาดหวัง ทั้งจากปัญหาราคาน้ำมันดีเซลพุ่งพรวดพราดในช่วงกลางปี อีกทั้งยังมีปัญหาสต็อกค้างเติ่ง จนทำให้แผนการ
ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ต้องเลื่อนออกไป อีกทั้ง ปาเจโร ใหม่ วี6 3,800 ซีซี คันละ 3.8 ล้านบาท ก็ยังคงเป็นได้เพียงไม้ประดับในตลาดเอสยูวีระดับหรู ที่นับวันมีแต่จะเข้าสู่ช่วงขาลง กระนั้น การเปิดตัว ปาเจโร สปอร์ต (CR45) ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม
ต้นเดือนกันยายน ก็ช่วยให้มิตซูบิชิ มีหมากตัวเด็ด เอาไว้ประกบกับ โตโยต้า ฟอร์จูเนอร์ ได้สมน้ำสมเนื้อสมใจเสียที อีกทั้ง การเปิดตัว แลนเซอร์ CNG ช่วงเดือนสิงหาคม ช่วยกระตุ้นยอดขาย ของมิตซูบิชิ ขึ้นได้พอควร และปิดท้ายด้วยการ
เร่งปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ให้กับ ไทรทัน พลัส ด้วยกระจังหน้า กับเปลือกกันชนหน้าชุดใหม่ พร้อมกระบะท้าย สูงขึ้น 45 มิลลิเมตร และ เพิ่มเครื่องยนต์เบนซิน สำหรับรองรับลูกค้าที่อยากนำไปติดก๊าซ CNG (แต่ไม่มีการติดตั้งมาให้จากโรงงาน)
ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ซึ่งถือเป็นการปรับแผนจากเดิม ที่ต้องปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ไทรทันทุกรุ่นในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา และสร้างความสับสนให้กับลูกค้าอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในเมืองไทย จนหลายฝ่าย
ตั้งคำถามกันอย่างไม่เกรงใจว่า "คนคิดแผนนี้ เขาคิดได้ยังไงเนี่ย?"

ดัง นั้น ไทรทัน ไมเนอร์เชนจ์ ทั้งไลน์อัพ จะเลื่อนไปเปิดตัวจนครบสายพันธุ์ ก่อนงาน บางกอกมอเตอร์โชว์จะเริ่มขึ้น ในเดือนมีนาคมนี้ จากนั้น ก็คงต้องกลับไปตั้งสติจดจ่อเฝ้ารออยู่กับการมาถึงของ แลนเซอร์โฉมใหม่ รหัส GS41 หรือที่ประชาคมชาวเน็ต
ตั้งฉายาให้แล้วว่า รุ่นหน้าฉลาม ซึ่งเลื่อนแล้วเลื่อนเล่าเฝ้าแต่เลื่อนเปิดตัว เพราะยังไม่พร้อมเสียที ขึ้นอยู่กับว่า ชาวโรงงานที่แหลมฉบัง จะเร่งทำงานกันหามรุ่งหามค่ำมากกว่านี้ได้หรือไม่ (พนันกันเลยว่ายาก!) เพราะถ้าไม่เปิดตัว ก่อนงาน
มอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 แล้ว ก็เลิกคิดจะกลับมาฟื้นตัวในตลาดรถยนต์นั่งในระยะยาวกันอีกเลย สเป็กคร่าวๆ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือจะมีให้เลือกทั้งรุ่น 1,800 และ 2,000 ซีซี ส่วนรุ่น 1,600 ซีซีนั้น มิตซูบิชิจะยังยืนหยัด ผลิต แลนเซอร์
โฉมปัจจุบัน ติดก๊าซ CNG ลากขายกันต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีกำหนดหยุดไลน์

หลัง เปิดตัวแลนเซอร์ วันเวลาก็จะเว้นช่องว่างให้พักใหญ่ ก่อนจะพบกับโครงการต่อไป นั่นคือ ซับ-คอมแพกต์ รุ่นใหม่ ถือเป็นทีเด็ดใหม่ไว้รับมือกับการเติบโตของตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก จากเดิมที่เคยระบุว่า จะมาถึงเมืองไทย ปี 2008 แต่น่าแปลกว่า
จนป่านนี้ แล้ว ภาพจิ๊กซอร์ก็ยังต่อไม่ลงตัว ยังมีคำถามอยู่ว่า มิตซูบิชิ จะเลือกนำรถยนต์รุ่นใดมาผลิตขาย จะเป็น โคลต์รุ่นต่อไป หรือว่าสร้างรถยนต์รุ่นใหม่ ทำตลาดเฉพาะภูมิภาคเอเซีย ซึ่งทางเลือกหลังนั้น มิตซูบิชิ กลับมองว่า มีต้นทุนถูกกว่า
รายการแรก อย่างน่าฉงนสนเท่ห์เป็นอย่างยิ่ง

ส่วน รถยนต์รุ่นใหม่ ที่เข้าข่ายตามข้อกำหนด ECO CAR ของรัฐบาลนั้น อย่างที่เคยเขียนเอาไว้เมื่อต้นปีที่แล้วว่า "ใช้เวลานานพอๆกับรอให้เต่าเริ่มคลาน" มันก็ยังคงเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะจนป่านนี้ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นใดหลุดรอดออกมา
เพิ่มเติมเลย นับเป็นเรื่องน่าแปลก เลยน่าสงสัยว่า จากเดิมที่ประกาศไว้ว่า พร้อมจะส่ง อีโคคาร์ของตน ลงสู่ตลาดในปี 2010-2011 นั้น จะยังทันอยู่แน่หรือ?
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2009, 09:00:02 PM »



NISSAN

2009 : New TEANA ,370Z, GT-R และ MARCH ใหม่ ครั้งแรกในโลก

2010 : MARCH BASED SEDAN และ NAVARA MINORCHANGE

2011 : THE NEXT TIIDA X12C มาครบทั้ง 2 ตัวถัง

การ เปิดตัวครั้งแรกในโลกของ นาวารา ซิงเกิลแค็บ กระบะตอนเดียว ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ นำเครื่องยนต์ YD25DDTi เวอร์ชัน 144 แรงม้า (PS) มาหั่นแรงบิดจนกลายเป็นเวอร์ชัน T.Cut การจับแยกตำแหน่งการตลาดของทีด้า ซีดาน
และเปลี่ยนชื่อเป็น ทีด้า ลาติโอ เหมือนเวอร์ชันญี่ปุ่น เพื่อกลับมาเน้นแนวครอบครัวที่มองหาความคุ้มค่า อันเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของนิสสันมาโดยตลอด และเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์หลักของทีด้า จาก ม.ล. ณัฐกรณ์ เทวกุล มาเป็น 3 พี่น้องศิลปินเพลง
วี ทรีโอ ไปจนถึงการนำ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ นาวารา คาลิเบอร์ เวอร์ชันขับสองยกสูง คือ 4 ความเคลื่อนไหวหลักๆ ของนิสสัน ตลอดปี 2008 ซึ่งช่วยสร้างยอดขายในระดับประคองตัว ให้ผ่านพ้นภาวะอันยากลำบากมาได้

และ ในปี 2009 วันเวลาฟ้าใหม่ที่นิสสันรอคอย ก็มาถึง เพราะจะเป็นปีที่ยักษ์ญี่ปุ่น หมายเลข 3 ในตลาดรถบ้านเรา จะกลับมาท็อปฟอร์มพร้อมรบ บุกตลาดรถยนต์รุ่นใหม่ รวดเดียวถึง 3 รุ่นรวดในปีเดียว!! ถือว่า เป็นการทุ่มเปิดตัวรถยนต์
รุ่นใหม่พร้อมกันมากที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา

รายการ แรก ที่หลายคนรอคอย คือ เทียนา โมเดลเชนจ์ รหัสโครงการ L42F รหัสรุ่น J32 ซึ่งนิสสันเลือกที่จะยังยืนหยัดแนวทางการออกแบบภายนอกและภายในห้องโดยสาร ให้หรูล้ำสมัย สไตล์ JAPANESSE MODERN ของรุ่นปัจจุนเอาไว้
แต่ปรับ เปลี่ยนงานออกแบบแผงหน้าปัดใหม่ และเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหลังมากขึ้น เพื่อลบจุดด้อยสำคัญ สร้างความสบายยิ่งขึ้นในการโดยสารที่เบาะหลัง และอาจมีระบบนำร่องผ่านดาวเทียม GPS NAVIGATION SYSTEM
มาให้ ขุมพลังยังคงเป็นตระกูล VQ แต่จะถูกปรับสมรรถนะให้ร้อนแรงยิ่งขึ้นจัดจ้านขึ้น แต่ยังคงความนุ่มนวล และลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลงจากเดิมเล็กน้อย ส่วนเกียร์อัตโนมัติเป็นแบบ อัตราทดแปรผัน CVT ลูกเดียวกันกับเวอร์ชันญี่ปุ่น
และเวอร์ชันอเมริกาเหนือของรุ่น อัลติมา กำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้น ก่อนเดือนมีนาคม 2009 ด้วยราคาที่คาดว่าแพงกว่าเดิมนิดหน่อย

และในเวลาไล่เลี่ยกันหลังจาก นั้น นิสสันจะเปิดตัว รถสปอร์ต 370Z ใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับเครื่องยนต์ VQ37HR 333 แรงม้า (PS) นำเข้าสำเร็จรูปทั้งคันจากญี่ปุ่น มาอวดโฉมในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ และจะเริ่มรับออร์เดอร์ลูกค้า ก่อน
จะปล่อยรถคันแรกได้ราวๆเดือนมิถุนายน

แต่ นั่นก็ยังไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับ การที่นิสสัน จะนำมาร์ช หรือ ไมครา รถยนต์ ซับ-คอมแพกต์ รุ่นดังในญี่ปุ่น และยุโรป กลับมาทำตลาดในบ้านเราอีกครั้ง นับตั้งแต่ปี 1986-1987 แถมคราวนี้ ไทยยังได้รับเกียรติ ให้เป็นประเทศแรกในโลก ที่จะได้
เปิดตัวมาร์ช เจเนอเรชันที่ 4 รุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในโลกพร้อมกับญี่ปุ่น และเมื่อถึงวันนี้ หลายฝ่ายที่เคยสับสน ว่า นี่คือการจับมาร์ช รุ่นปัจจุบัน มาย่อร่างให้เล็กลง หรือ DOWN-SIZING หรือเปล่านั้น บัดนี้ ถึงเวลาตาสว่างได้แล้ว เพราะเรื่อง
ที่น่าจับตามองก็คือ งานนี้ นิสสันเลือกจะใช้วิธี ตีตั๋วเด็ก ด้วยการ พัฒนามาร์ชใหม่ภายใต้รหัสโครงการ X02A ให้เข้ากับพิกัด อีโคคาร์ โดยสร้างตัวถังให้มีขนาดใหญ่กว่า มาร์ชรุ่นปัจจุบัน ซึ่งทำตลาดในญี่ปุ่น เล็กน้อย และมีการดัดแปลงเส้นสายตัวถัง
ให้ดูกลมกลืนและร่วมสมัย เน้นเอาใจลูกค้าสุภาพสตรีมากยิ่งขึ้นกว่ารถยนต์ขนาดเล็กรุ่นอื่นใดของนิสสัน ช่วงก่อนหน้านี้ แต่ในด้านขุมพลังจะถูกวางเครื่องยนต์ XH5 บล็อก 3 สูบ 1,200 และ 1,300 ซีซี กับรหัส XH2 ดีเซล บล็อก 4 สูบ 1,500 ซีซี
อัน เป็น ขุมพลังที่พัฒนาโดย เรโนลต์ (ซึ่งจะไม่มีขายในเวอร์ชันไทย) มาวางลงในมาร์ชใหม่ แถมเวอร์ชันญี่ปุ่น จะยังโชคดี ได้ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,400 ซีซี เทอร์โบ กันอีกด้วย

การกลับมา คราวนี้ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่นิสสันตั้งใจจะแก้ปัญหาที่มีอยู่ใน ตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก ด้วยการผลักดันให้ มาร์ช กลายเป็น GLOBAL PRODUCT อย่างแท้จริง ในทั่วโลก โดยไทยจะถูกยกระดับความสำคัญในฐานะ
เป็นโรงงาน หลัก MOTHER PLANT สำหรับการผลิตรถเล็กรุ่นใหม่นี้ ไปยังตลาดอื่นๆทั่วโลก ถือเป็นแผนของนิสสัน ที่หวังจะปูทางตลาดรถยนต์ ECO CAR ในไทย โดยให้ มาร์ช ซึ่งเป็นรถยนต์ B-SEGMENT สวมเครื่องยนต์ที่เน้นความประหยัด
ออกขาย ในฐานะ ECO CAR ไปก่อน

ส่วน กำหนดขึ้นสายการผลิตและเปิดตัวในเมืองไทย อยู่ในช่วงเดือนกันยายน 2009 หรือนับจากนี้อีก 2 ปีเต็มๆ หากเป็นไปได้ตามกำหนดนี้จริง นั่นหมายความว่า จะเป็นการเปิดศึกท้าชน ฮอนด้า อีโคคาร์ อย่างเต็มตัว และจะเปิดตัวชนกับ
มาสด้า 2 และ ฟอร์ด ฟิเอสตา แฮตช์แบ็ก ซึ่งมีขนาดตัวถังพอกัน แต่เครื่องยนต์แรงกว่า มีความจุมากกว่า และราคาแพงกว่า

จาก นั้น เว้นช่วงไป 6 เดือน ราวๆ มีนาคม 2010 เวอร์ชันซีดาน 4 ประตู ของ มาร์ช รหัสโครงการ L02B จะคลอดตามออกมา โดยใช้เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า และมันควรจะเป็นขนาด 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,500 ซีซี มากกว่า นั่นเท่ากับว่า มาร์ช
ซีดานนั้น จะต้องออกมาประกบทั้ง มาสด้า 2 ซีดาน และ ฟอร์ด ฟิเอสตา ซีดาน แล้วไหนยังจะต้องประกบกับโต้โผหลักในตลาด ทั้ง โตโยต้า วีออส ฮอนด้า ซิตี้ ไปจนถึง เชฟโรเลต เอวิโอ ซีดาน ที่มีคิวจะเปลี่ยนโฉมในช่วงปลายปี 2010 ต้นปี 2011
อีกด้วย นับว่าเป็นศึกหนักไม่น้อยเลย

ปิด ท้ายกันที่การปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ครั้งใหญ่ ให้กับ รถกระบะ นาวารา งานนี้ ไม่เพียงแต่จะปรับกระจังหน้า ให้คล้ายคลึงกับ กระจังหน้าของเอสยูวีรุ่น แพธไฟน์เดอร์ ไมเนอร์เชนจ์ ปี 2008 แล้ว ยังจะมีการอัพเกรดสมรรถนะของเครื่องยนต์
YD25DDTi รุ่นท็อป 174 แรงม้าให้มีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นอีกหลายม้า รวมทั้งปรับปรุงสมรรถนะในช่วงการออกตัวให้ดีขึ้นอีกด้วย แต่ช้าก่อน ทั้งหมดที่พูดมานี้ จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2010
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2009, 09:02:06 PM »



TOYOTA / LEXUS

2009 : YARIS & VIOS MINOR CHANGE, CAMRY HYBRID, LEXUS RX ,PRIUS

2010 : WISH MODEL CHANGE, ALTIS & VIOS MINOR CHANGE

2011 : ALL NEW HILUX (PROJECT IMV2)

2012 : ECO CAR ?

2008 ถือเป็นปีที่ เริ่มมีสถานการณ์ไม่เป็นดังใจคิด สำหรับยักษ์อันดับหนึ่งอย่างโตโยต้า เพราะสถานการณ์ต่างๆรุมเร้ามากเกินกว่าทุกปีที่ผ่านมา ไฮไลต์สำคัญของโตโยต้า ในปีที่แล้ว มีทั้งการเปิดตัวโคโรลล่า อัลติส ใหม่ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์
แต่ยอดขายก็ไม่เป็นดังใจนัก ส่วนใหญ่ยังยืนอยู่ได้ด้วยยอดขายจากกลุ่มผู้ประกอบการแท็กซี่เป็นหลัก ซึ่งไม่รอรุ่น LIMO พร้อมระบบ CNG จากโรงงาน ที่เปิดตัวในเดือนตุลาคม แล้ว เพราะพวกเขาพากันคิดในตอนนั้นว่า นั่นมันนานเกินไป ส่วนใหญ่
เลยพากันถอยรุ่น J เกียร์อัตโนมัติ ออกมาทำแท็กซี่กัน ไปก่อน และทำให้ยอดขายของรุ่น LIMO ยังดูไม่กระเตื้องขึ้นเท่าที่ควร

ขณะ ที่ตลาด ซับ*คอมแพกต์ B-SEGMENT ยอดขายของ วีออส และยาริส ได้รับผลกระทบจาก การเปิดตัว ฮอนด้า แจ้ส และซิตี้ อย่างหนัก และทำให้ยอดขายของยาริสในปัจจุบันเหลือเพียงเดือนละ 950 คันเศษเท่านั้น จนโตโยต้าต้อง

กระตุ้นทตลาด ทั้งการออกวีออส สีขาว ในเดือนกันยายน ตามด้วยการทุ่มแคมเปญ ต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ตลาดรถกระบะเอง ไฮลักซ์ วีโก้ ไมเนอร์เชนจ์ ที่เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม ก็ไม่ดังเปรี้ยงปร้างอย่างที่หวัง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีกระแสข่าวลือว่า โตโยต้าจะปรับปรุงเครื่องยนต์ ให้ร้อนแรงถึง 180 แรงม้า แต่เอาเข้าจริงกลับไม่ได้
ทำอะไรมากมายไปกว่า เปลี่ยนลายกระจังหน้า ลายเปลือกกันชนหน้า เพิ่มบานแค็บเปิดได้ และสุดท้ายยอดขาย ก็ไม่ร้อนแรงดังหวัง นอกจากจะมาจากปัจจัยปัยหาการเมือง เศรษฐกิจ และราคาน้ำมันด้วยแล้ว ยังเป็นเพราะลูกค้าส่วนใหญ่
อยากเห็นการเปลี่ยน แปลงให้เกิดขึ้น มากกว่าที่เป็นอยู่ และเพียงแค่บานแค็บเปิดได้ที่ติดตั้งมาให้เป็นครั้งแรกนั้น ยังไม่เพียงพอ ส่วน อินโนวา ก็ยังคงปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อรักษายอดขายเอาไว้ให้คงที่ได้มากที่สุดเท่าที่
พอเป็นไปได้ ไม่เว้นแม้แต่ฟอร์จูเนอร์ ไมเนอร์เชนจ์ ที่เพิ่งเปิดตัวช่วงเดือนสิงหาคม ที่ยังพอมียอดขายเข้ามาเรื่อยๆ จากผลของราคาน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้น รวมทั้งการเปิดตัว มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ที่ไล่หลังตามมาติดๆหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์
ส่งผลกระทบต่อยอดขายบ้าง เล็กน้อย ยังไม่นับกับการสั่งนำเข้ารถตู้อัลฟาร์ด เข้ามาทำตลาดแทนเกรย์มาร์เก็ตเสียเอง แต่ตังราคาไว้ดุเดือดไปหน่อย 3.39 - 4 ล้านบาทต้นๆ เพราะใช้เครื่องยนต์ วี6 3,500 ซีซี บล็อกเดียวกับคัมรี วี6 แต่ปรับ
ตัวเลขแรงม้าให้ลดลงมา

ช่วงครึ่งแรกของปีใหม่นี้ แต่เดิม โตโยต้าตั้งใจจะเปิดตัว ยาริส ไมเนอร์เชนจ์ ช่วงเดือนมีนาคม แต่เอาเข้าจริง ก็เลื่อนออกไปเป็นเดือนมีนาคม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ยอดขายเป็นสำคัญ การปรับโฉมนั้น ไม่มากมาย และไม่ต่างจากเวอร์ชันญี่ปุ่นมากนัก
แต่ ทีเด็ดสำคัญ อยู่ที่ การปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ให้กับ ซีดานขนาดกลางรุ่น คัมรี ซึ่ง คราวนี้จะมาพร้อมกับการขึ้นสายการผลิตในเมืองไทยเป็นครั้งแรกของ คัมรี ไฮบริด THS-II อย่างไรก็ตาม ปัญหาของคัมรี ไฮบริด ยังอยู่ที่ ชิ้นส่วนด้านอีเล็กโทรนิคส์
หลายชิ้น ต้องพัฒนาขึ้นใหม่ และไม่สามารถใช้ร่วมกับเวอร์ชันอเมริกาเหนือได้ และกว่าจะผ่านการทดสอบในสภาพการใช้งานต่างๆอย่างยาวนานนั้น ต้องใช้เวลาหลายเดือน ดังนั้น ตามกำหนดเปิดตัวแล้ว จะเกิดขึ้นในเดือน สิงหาคม 2009
ด้วยราคาที่โตโยต้าตั้งใจจะให้ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ให้ได้

นอก จากนี้ โตโยต้า ยังคิดจะสั่งนำเข้า รุ่นใหม่ล่าสุดของ รถยนต์ไฮบริดสุดฮิต โตโยต้า พรีอุส ซึ่งจะเปิดตัวเจเนอเรชัน 3 อย่างเป็นทางการ ในดีทรอยต์ ออโตโชว์ ต้นเดือนมกราคมนี้ และคาดว่า จะเป็นรถยนต์นำเข้าสำเร็จรูปทั้งคันอีกรุ่น ที่โตโยต้า
จะนำเข้ามาบุกตลาดอย่างจริงจัง ในปี 2009 ด้วยราคาที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 2 ล้านบาทเศษ

ส่วน วีออสนั้น หากสถานการณ์ยอดขาย ตกเป็นรอง ซิตี้มากเข้า เราอาจจะได้เห็นการเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ในช่วงปลายปีนี้ ก่อนงาน มอเตอร์เอ็กซ์โปจะเริ่มขึ้น โดยการปรับโฉม จะอิงกับ โตโยต้า เบลต้า เวอร์ชันญี่ปุ่น ตามฟอร์ม นั่นหมายความว่า
ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากไปกว่าชุดกระจังหน้า และการปรับแต่งรายละเอียดเล็กๆน้อยภายใน

หลัง จากนั้น จะเป็นคิวของ มินิแวนรุ่นยอดฮิต โตโยต้า วิช ขณะที่เวอร์ชันญี่ปุ่นกำลังซุ่มพัฒนา เพื่อให้เตรียมเปิดตัวสู่ตลาดญี่ปุ่นกันได้ภายในเดือนเมษายน 2009 แต่ทางเมืองไทยเองกำลังลุ้นถึงความเป็นไปได้ในการนำเจเนอเรชันใหม่ของวิช
มา ขึ้นสายการผลิตในไทย อีกครั้ง คาดว่าเราจะได้เห็นผลของความพยายามดังกล่าวในช่วงปลายปีนี้ หรืออย่างช้าที่สุด ไม่เกินปี 2010 เพราะสถานการณ์ของวิชในปัจจุบันนั้น ยอดผลิตสำหรับป้อนตลาดในเมืองไทย และต่างประเทศ รวมแล้ว
มีเพียงระดับ 100 คัน บวกลบ ต่อเดือนเท่านั้นเอง

ส่วน การเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน ของ รถกระบะ ไฮลักซ์ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นในปี 2011 นั้น ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของโครงการ โดยใข้นิคเนมเรียกกันเล่นๆเป็นการภายในว่า IMV2 และในเมื่อยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นโครงการ ดังนั้น ความเคลื่อนไหวต่างๆ
จึง ยังไม่มีออกมาในตอนนี้ คาดว่าเราจะเริ่มได้รับรู้ข้อมูลคร่าวๆ กันตั้งแต่ราวๆ ต้นปี 2010 แต่ที่แน่ๆ เครื่องยนต์จะยังอยูในพิกัด ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,500 และ 3,000 ซีซี เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ รวมทั้งมีบานแค็บเปิดได้
แต่จะแก้ไขปรับปรุงสมรรถนะและการทรงตัวให้ดี ขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุป แต่ที่แน่ๆ มีความเป็นไปได้ว่า จะไม่ใช้ชื่อ วีโก้ต่อไป ซึ่งดูจะเป็นธรรมเนียมของค่ายนี้ ทุกครั้งที่เปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันให้กับรถกระบะของตนอยู่แล้ว

ด้าน โครงการอีโคคาร์ ผู้บริหารของโตโยต้า ออกมาประกาศเลื่อนการลงทุนออกไปเป็นปี 2012 นั้น ความจริงแล้ว ก็มิใช่เรื่องแปลกใจแต่อย่างใ เพราะแผนดั้งเดิมนั้น โตโยต้า วางกำหนดเปิดตัวเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า น่าจะอยู่ที่ปี 2012
อย่างไร ก็ตาม โตโยต้ายังคงต้องพึ่งพาการทำงานร่วมกับ บริษัทลูกในเครืออย่างไดฮัทสุ ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่นี้ร่วมกันอยู่ดี ส่วนคำถามที่ว่า เป็นไปได้ไหมหากจะมีการพัฒนา ไอโก้รุ่นใหม่ ให้กลายเป็นอีโคคาร์ สำหรับเมืองไทยไปด้วยเลยนั้น
คำตอบก็คือ ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนหลุดรอดออกมา ในช่วงนี้

ส่วน แบรนด์รถยนต์หรู เล็กซัส นั้น ปีที่ผ่านมา เพิ่งเปิดตัว IS250 ไมเนอร์เชนจ์ เมื่อปลายเดือนตุลาคม และพอจะได้รับความสนใจจากลูกค้าระดับบนอยู่ตามปกติ จับตาดูการเปิดตัว RX ใหม่ ไว้ให้ดี เพราะทันทีที่เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อใด
เวอร์ชันไทยอาจจะได้จับจองเป็นเจ้าของกันโดยเร็ว


ที่มา...http://www.nissanfriendclub.com/forum/archive/index.php/thread-3711.html
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!