หงส์ควงสิงห์เข้ารอบ เสือใต้ดุยำ7-1ศึกชปล.
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 24, 2024, 07:57:19 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หงส์ควงสิงห์เข้ารอบ เสือใต้ดุยำ7-1ศึกชปล.  (อ่าน 1192 ครั้ง)
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« เมื่อ: มีนาคม 11, 2009, 05:44:20 AM »





การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนลีกส์ รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 คู่เอก เป็นการพบกันระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด  ซึ่งนัดแรก ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ เรอัล มาดริด มาก่อน 1-0

เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล มาในแผน 4-2-3-1  โดย 11 ตัวจริงของเจ้าบ้านมีดังนี้  โฆเซ เรนา ลงเฝ้าเสา กองหลังประกอบด้วย อัลบาโร อาร์เบลัว, เจมี คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล และ ฟาบิโอ ออเรลิโอ โดยมี ฮาเวียร์ มาสเคราโน กับ ชาบี อลอนโซ คอยคุมเกมหน้าแนวรับ  ส่วนเกมรุกเลือกสามประสาน เดิร์ค เค้าท์,สตีเวน เจอร์ราร์ด และ ไรอัน บาเบิล โดยมี เฟอร์นานโด ตอร์เรส รับบทกองหน้าตัวเป้า

ด้านทีมเยือน เรอัล มาดริด วันนี้มาในแผน 4-4-2  โดยมี อีเกร์ กาซียาส เป็นผู้รักษาประตู  กองหลังมี เซร์คิโอ รามอส, เปเป, ฟาบิโอ คันนาวาโร กับ กาเบรียล ไฮน์เซ ส่วนแดนกลางใช้ ลารซานา ดิยาร์รา คู่กับ เฟอร์นานโด กาโก เป็นตัวคุมเกม ส่วนริมเส้น 2 ฝั่งใช้ อาร์เยน ร็อบเบน กับ เวสลีย์ ชไนเดอร์ คอยโจมตี ส่วนคู่หน้าเป็นการจับคู่กันระหว่าง กอนซาโล อิกัวอิน กับ ราอูล กอนซาเลซ

เริ่มเกมมาเพียง 4 นาทีเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตุขึ้นนำ จากจังหวะพลิกบอลสุดสวย ของ ตอร์เรส ก่อนหลุดเข้ามายิงแต่ไม่ผ่านการเซฟด้วยเท้า ของ อิเก กาซียาส หลังจากนั้นไม่ถึงนาที ฮาเวียร์ มาสเคราโน มีโอกาสเก็บตกหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนตัดสินใจยิง บอลกำลังจะฮุกเข้าประตู แต่เป็น กาซียาส คนเดิมที่ปัดบอลเหินข้ามคานออกไป

หลังผ่านไป 10 นาที เจ้าถิ่นก็ยังเป็นฝ่ายเปิดเกมบุกใส่ทีมเยือน และก็มาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 16 จากจังหวะโหม่งบอลพลาดของ คันนาวาโร มาเข้าทาง เดิร์ค เค้าท์ ก่อนที่จะตบเข้ากลางมาให้ ตอร์เรส ที่วิ่งเข้ามาชาร์จ เข้าไปง่ายๆ ทำให้เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0

หลังจากได้ประตูชึ้นนำเจ้าบ้านก็ยังไม่ผ่อนเกม และมีโอกาสทำประตูเพิ่ม จากการชิพบอลในกรอบเขตโทษ ของ ตอร์เรส มาให้ สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่ล้มตัวยิง แต่ก็ยังติดมือของ กาซียาส และในนาที่ที่ 28 เรอัล มาดริด ต้องมาเสียจุดโทษจากการเสีย แฮนด์บอล ของ ไฮน์เซ และเป็น สตีเวน เจอร์ราร์ด รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-0

หลังจากเสียไป 2 ประตู ทีมเยือนพึ่งจะมาได้โอกาสลุ้นบาง จากลูกยิงฟรีคิกของ เวสลีย์ ชไนเดอร์ แต่ไม่ผ่านมือ เรนา ที่ปัดออกไปได้  นาที 40 เป็น ชไนเดอร์ ที่มีโอกาสอีกครั้ง จากการยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษ แต่ก็ยังไม่ผ่านมือของ เรนา ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ 2-0

กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลังเพียง 2 นาที เจ้าถิ่นก็ทำประตูทิ้งห่าง 3-0 จากจังหวะที่ ไรอัน บาเบิล ที่ลุยขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนเปิดเข้ากลางมาให้ เจอร์ราร์ด ที่วิ่งเข้ามาซัดเข้าไปตุงตาข่าย

หลังจากเสียประตูที่ 3 ทีมเยือนไม่มีอะไรจะเสีย พยายามเดินหน้าเปิดเกมบุกเต็มตัว และมีโอกาสได้ลุ้นจากจังหวะการยิงของ ราอูล แต่บอลก็เหินข้ามคาน หลังจากนั้นก็เป็นการยิงของ เฟอร์นานโด กาโก แต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ

นาที 79 เรอัล มาดริด มีโอกาสที่จะทำประตูอีกครั้ง จากลูกโหม่งโล่งๆ ของ ราอูล กอนซาเลซ แต่ก็ยังไม่เข้ากรอบอยู่ดี หลังจากนั้นเพียง 1 นาที กลายเป็นลิเวอร์พูล มีโอกาสทำประตูเพิ่ม จากการยิงปั่นไซด์โป้ง ของ ตอร์เรส แต่ กาซียาส ไม่ยอมเสียเพิ่ม ปัดทิ้งออกหลังไปได้

ก่อนหมดเวลา 2 นาที ลิเวอร์พูลก็มาได้ประตูเพิ่มอีก จากจังหวะที่ มาสเคราโน เปิดบอลเข้าเขตโทษ และเป็น อันเดรียส ดอสเซนา ที่เติมขึ้นมายิง ทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำสุดกู่ 4-0  ก่อนที่ทั้งสองทีมจะทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกมลิเวอร์พูลถล่ม เรอัล มาดริด 4-0 รวมสองนัด ลิเวอร์พูล ชนะ 5-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย

ส่วนอีกคู่หนึ่งเป็นการพบกันระหว่าง”ม้าลาย”ยูเวนตุส เปิดสนามโอลิมปิก เมืองตูริน รับการมาเยือนของ “สิงห์บลู”เชลซี โดยนักแรกเชลซีเป็นฝ่ายเอาชนะมาก่อน 1-0 นัดนี้เชลซีขอแค่ชนะก็จะผ่านเข้ารอบต่อไปทันที

เจ้าถิ่นยูเวนตุส มาในแผน 4-4-2 มี จานลุยจิ บุฟฟอน เป็นผู้รักษาประตู  กองหลังมี ซเดเน็ก กรีเกรา, โอลอฟ เมลเบิร์ก, จอร์โจ้ คิเอลลินี, คริสเตียน โมลินาโร่ แดนกลางประกอบด้วย ติเอโก , เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ, วินเซนโซ ยาควินตา  และ พาเวล เนดเวด ส่วนคู่หน้าเป็น อเลสซานโดร เดล ปิเอโร จับคู่กับ ดาวิด เทรเซเกต์

ขณะที่ทีมเยือนเชลซี ที่ใช้แผน 4-4-2 เช่นกัน มี ปีเตอร์ เช็ก ลงเฝ้าเสา กองหลังมี โชเซ โบซิงวา, อเล็กซ์, จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล กองกลางประกอบด้วย แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเคล, มิชาเอล บัลลัค และ มิชาเอล เอสเซียง ขณะที่กองหน้าเลือกใช้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, นิโคลาส์ อเนลกา

ครึ่งแรกเริ่มได้เพียง 10 นาที เจ้าถิ่น ก็ต้องเสียผู้เล่นคนสำคัญ เนื่องจาก พาเวล เนดเวด มีอาการบาดเจ็บเล่นไม่ไหวต้องเปลี่ยนตัวออก และส่ง ฮาซาน ซาลิฮามิซิส ลงมาแทน

รูปเกมในช่วงแรกทั้งสองทีมเล่นกันอย่างระวังตัว แต่เป็น เจ้าถิ่น ยูเวนตุส ที่ฉวยโอกาสทำประตูขึ้นนำไปก่อนนาทีที่ 19 จากจังหวะที่ ที่กองหลังทีมเยือนเช็คล้ำหน้าพลาด ปล่อยให้ วิเซนโซ ยาควินตา หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงเต็มข้อผ่านมือของ ปีเตอร์ เช็ค เข้าไป ทำให้ เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 สกอร์รวม 2 นัดเสมอกัน 1-1

หลังจากเสียประตู เชลซี ก็พยายามเดินเกมรุกใส่เจ้าบ้านมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของเจ้าถิ่นที่วันนี้เล่นกันได้ดีมากได้ จนกระทั่งนาทีที่ 44 ดร็อกบา ได้โอกาสส่องฟรีคิก บอลเหมือนจะลอยข้ามเส้นไปแล้วก่อนที่บุฟฟอนจะควักออกมา และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก เชลซี ก็ได้ประตูตีเสมอจนได้ จาก มิชาเอล เอสเซียง ที่ตามซ้ำลูกยิงไกลของ แฟรงค์ แลมพาร์ด เข้าไป ทำให้เสมอกัน 1-1  สกอร์รวมกลายเป็นเชลซีขึ้นนำ 2-1 ก่อนที่กรรมการจะเป่านกหวีดหมดครึ่งแรก

เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 64 เจ้าถิ่นได้ลุ้นทำประตูขึ้นนำ จากการทางกรอบเขตโทษด้านขวา ของ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร มาให้กับ ดาวิด เทรเซเกต์ โขกเต็มศีรษะ แต่ไม่ผ่านมือของ ปีเตอร์ เช็ค ที่บินปัดออกหลังไป  แต่หลังจากนั้นเพียง 6 นาที เจ้าถิ่นก็ต้องมาเหลือน้อยกว่า เมื่อ จอร์โจ คิเอลลินี ได้ใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงโดนไล่ออก ทำให้ เจ้าถิ่นเหลือผู้เล่น 10 คน

แต่เป็น เจ้าถิ่น ที่มีผู้เล่นน้อยกว่า กลับเป็นฝ่ายได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ เบลเลตติ ไปทำแฮนด์บอลในเขตโทษ และเป็น เดล ปิเอโร รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ยูเวนตุสขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 นาที 74 แต่เจ้าถิ่นนำได้เพียง 9 นาที ก็ถูกทีมเยือนตามตีเสมอได้จากลูกเปิดของ เบลเลตติ มาเข้าหัวของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา โหม่งเข้าไปตุงตาข่าย สกอร์กลับมาที่ 2-2 และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทีมเยือน มีโอกาสทำประตูเพิ่มจากจังหวะหลุดเข้าไปยิงของ เบลเลตติ แต่ไม่ผ่านมือของ บุฟฟอน ที่ออกมาปิดมุม ปัดทิ้งออกหลังไป  จบเกม ยูเวนตุส เสมอกับ เชลซี 2-2 รวมสองนัด เชลซีเข้ารวมด้วยประตูรวม 3-2 ผ่านเข้ารอบตามหงส์แดง

ส่วนผลอีก 2 คู่ที่แข่งพร้อมกัน บาเยิร์น มิวนิก เปิดบ้านถล่ม สปอร์ติง ลิสบอน 7-1 เจ้บ้านได้ประตูจาก , ลูคัส โพดอลสกี้  ที่เหมาคนเดียว 2 ประตู นาที 7 และ 37    อันแดร์สัน โปลก้า สกัดเข้าประตูตัวเอง นาที 39 บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ นาที 43  มาร์ค ฟาน บอมเมล นาที 74  จุดโทษของ มิโรสลาฟ โคลเซ นาที 82 และ มูลเลอร์ นาที 90ส่วนทีมเยือนได้ประตูตีไข่แตกจาก เจา มูตินโญ  รวมสองนัด บาเยิร์น มิวนิก เข้ารอบต่อไปด้วยประตูรวม 12-1ด้าน พานาธิไนกอส จากกรีซ เปิดบ้านแพ้ให้กับ บียาร์เรอัล 1-2  รวมสองเกม บียาร์เรอัล เข้ารอบด้วยประตูรวม 3-0


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!