โพลล์ชี้ ปชช.ไม่พอใจ"ต้นกล้าอาชีพ"-อยากให้การเมืองนิ่ง
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 25, 2024, 07:58:46 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โพลล์ชี้ ปชช.ไม่พอใจ"ต้นกล้าอาชีพ"-อยากให้การเมืองนิ่ง  (อ่าน 1954 ครั้ง)
ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18653


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2009, 01:19:19 PM »

โพลล์ชี้ ปชช.ไม่พอใจ"ต้นกล้าอาชีพ"-อยากให้การเมืองนิ่ง
   
11:27 น.

    ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบค นวัตกรรมทางสังคมการจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจ “เอแบคเรียลไทม์โพลล์ (ABAC Real-Time Survey)” ที่เป็นการสำรวจจากครัวเรือนที่สุ่มตัวอย่างได้ทั่วประเทศตามหลักสถิติด้วยการเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น (Stratified Multi-stage Sampling) จากนั้นได้ติดตั้งโทรศัพท์ให้กับครัวเรือนที่เป็นตัวอย่างเพื่อทำการสัมภาษณ์ได้อย่างรวดเร็วฉับไวภายในระยะเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และประมวลผลด้วยระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบเรียลไทม์ โดยครั้งนี้ได้ทำการสำรวจเรื่อง ความสนใจและการรับรู้ของสาธารณชนต่อโครงการต้นกล้าอาชีพของรัฐบาลและทางออกแก้ไขปัญหาของประเทศ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี เพชรบุรี หนองบัวลำภู สกลนคร ศรีสะเกษ ขอนแก่น พัทลุง ระนอง และสุราษฎร์ธานี จำนวนทั้งสิ้น 1,310 ครัวเรือน ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2552 พบว่า
    ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.4 สนใจโครงการต้นกล้าอาชีพของรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 29.6 ไม่สนใจ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.8 ไม่ทราบแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับ โครงการต้นกล้าอาชีพที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ขณะนี้ มีเพียงร้อยละ 27.2 ที่ทราบ ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.8 ระบุว่า ไม่มีการประชาสัมพันธ์โครงการต้นกล้าอาชีพในหมู่บ้านหรือชุมชนที่ตนเองพักอาศัยอยู่เลย มีเพียงร้อยละ 6.5 เท่านั้นที่ระบุว่ามีการประชาสัมพันธ์เพียงพอแล้ว และร้อยละ 18.7 ที่ระบุว่ามีแต่ไม่เพียงพอ
    ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.2 ระบุว่าโครงการต้นกล้าอาชีพของรัฐบาลมีปัญหา เช่น การประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง ไม่สะดวกในการเดินทางไปติดต่อ ลงทะเบียนไว้แต่ไม่ได้เรียน ไม่มีการสอนความรู้ใหม่ๆ การกำหนดคุณสมบัติผู้เข้ารับการอบรมไม่ชัดเจน และหลักสูตรที่ต้องการไม่มีเปิดให้ประชาชน เป็นต้น ในขณะที่เพียงร้อยละ 12.8 เท่านั้นที่ระบุว่าไม่พบปัญหา
    นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.2 ระบุ การศึกษาเป็นธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่รัฐบาลควรให้การส่งเสริมหรือกระตุ้นในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันนี้ รองลงมาคือ ร้อยละ 68.4 ระบุเป็นด้านสุขภาพ ร้อยละ 62.7 ระบุเป็นด้านอาหาร ร้อยละ 61.7 ระบุเป็นการท่องเที่ยว ร้อยละ 61.7 เช่นกันระบุเป็นธุรกิจนำเข้าส่งออก ร้อยละ 54.8 ระบุเป็นเรื่องที่อยู่อาศัย ร้อยละ 50.4 ระบุเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า และร้อยละ 48.8 ระบุเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ ตามลำดับ
    ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงความเห็นต่อทางออกแก้ไขปัญหาของประเทศในขณะนี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.9 เห็นด้วยที่จะให้การเมืองนิ่ง สังคมไม่วุ่นวาย แต่ร้อยละ 16.1 ไม่เห็นด้วย รองลงมาคือ ร้อยละ 81.1 เห็นด้วยที่จะให้โอกาสรัฐบาลทำงานต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ร้อยละ 18.9 ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ ร้อยละ 69.2 เห็นด้วยที่จะให้มีการนิรโทษกรรมคดีความ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา แต่ร้อยละ 30.8 ไม่เห็นด้วย
    ดร.นพดล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ร้อยละ 63.3 เห็นด้วยให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี แต่ร้อยละ 36.7 ไม่เห็นด้วย ที่สำคัญและเป็นประเด็นอ่อนไหวต่อเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมขณะนี้คือ เกินครึ่งหรือร้อยละ 56.1 เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จำนวนมากเช่นกัน คือร้อยละ 43.9 ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 60.1 ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภาขณะนี้ และร้อยละ 70.6 ไม่เห็นด้วยต่อแนวคิดให้นายกรัฐมนตรีลาออก
    ผอ.ศูนย์วิจัยเอแบคฯ กล่าวว่า มีความชัดเจนในผลสำรวจล่าสุดว่า สาธารณชนส่วนใหญ่อยากให้การเมืองนิ่ง สังคมไม่วุ่นวาย เป็นทางออกแก้ปัญหาประเทศขณะนี้ และให้โอกาสรัฐบาลทำงานต่อไประยะหนึ่งก่อน อย่างไรก็ตามประเด็นที่ละเอียดอ่อนและได้รับการยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่คือ การนิรโทษกรรมคดีความทางการเมืองที่ไม่เกี่ยวกับคดีอาญา แต่ถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในเวลานี้อาจเพลี่ยงพล้ำทำให้บ้านเมืองวุ่นวายขึ้นมาอีกได้
    ผอ.ศูนย์วิจัยเอแบคฯ กล่าวว่า ที่เห็นชัดเจนคือ รัฐบาลและกลไกของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศน่าจะนำข้อมูลที่ค้นพบครั้งนี้ประกอบการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการต้นกล้าอาชีพที่มีปัญหามาก หลายประเด็นที่สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลโดยพรรคประชาธิปัตย์อาจยังไม่มีประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการมากเพียงพอเมื่อเทียบกับการบริหารจัดการกับรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่เห็นชัดเจนคือ โครงการเช็คช่วยชาติ และล่าสุดคือโครงการต้นกล้าอาชีพ ส่วนที่ดูเหมือนจะมีปัญหาน้อยสุดคือ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและค่าตอบแทนของ อสม. ที่ใช้ระบบช่องทางการบริหารจัดการที่มีอยู่เดิมของรัฐบาลชุดก่อนมากกว่า ผลที่อาจตามมาคือ ความไม่เชื่อมั่นศรัทธาไม่สนับสนุนการบริหารจัดการของสาธารณชนต่อรัฐบาลปัจจุบันอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้
    จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่าตัวอย่างร้อยละ 54.5 เป็นหญิง ร้อยละ 45.5 เป็นชาย ตัวอย่างร้อยละ 6.5อายุต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 22.6 อายุระหว่าง 20 - 29 ปี ร้อยละ 22.6 อายุระหว่าง 30 - 39 ปี ร้อยละ 24.6 อายุระหว่าง 40 - 49 ปี และ ร้อยละ 23.7 อายุ 50 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 75.1 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี รองลงมาคือร้อยละ 22.5 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และร้อยละ 2.4 สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 32.1 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป ตัวอย่างร้อยละ 23.6 ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 17.1 ระบุอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ 10.5 ระบุข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 7.6 เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ ร้อยละ 5.1 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ในขณะที่ร้อยละ 4.0 ระบุว่างงาน/ไม่ประกอบอาชีพ
    ตัวอย่างร้อยละ 34.0 ระบุมีรายได้ส่วนตัวไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือน ร้อยละ 25.0 ระบุมีรายได้ 5,001 - 10,000 บาท ร้อยละ 11.8 ระบุมีรายได้ 10,001-15,000 บาท ร้อยละ 4.8 ระบุมีรายได้ 15,001-20,000 บาท ร้อยละ 4.3 ระบุมีรายได้ส่วนตัวมากกว่า 20,000 บาทต่อเดือน และร้อยละ 20.1 ไม่ระบุรายได้ส่วนตัวต่อเดือน



บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!