ต้นไม้ก็มีความรู้สึก
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
มีนาคม 29, 2024, 10:47:08 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ต้นไม้ก็มีความรู้สึก  (อ่าน 2532 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3004


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: มกราคม 22, 2009, 06:11:58 PM »

ผมพบกลอนของ “คึกฤทธิ์ ปราโมช” อีกบทหนึ่งแล้วครับ
                ท่านเขียนไว้ในคอลัมน์ “สยามรัฐหน้า ๕”  ฉบับวันที่ 6 มีนาคม  2516   ดังต่อไปนี้
                ๐ บานเย็นยิ้มพริ้มพรายอยู่ชายทุ่ง
                ต้นผักบุ้งหน้าคว่ำเพราะน้ำเน่า
                ลำดวนป่วนใจอยู่ไม่เบา
                กุหลาบเหงาเพราะต้องร้างห่างสามพราน
                มะลิโกรธโดนเก็บเจ็บทุกวัน
                มะม่วงบ่นว่าคันเพลี้ยกินก้าน
                เหลียวดูดอกชบาเห็นหน้าบาน
                ไม่รู้ว่าสำราญด้วยสิ่งใด
                น้ำตาหลิวไหลร่วงลงเผาะเผาะ
                แค้นใจเพราะคนเรียกหลิวร้องไห้
                มะพูดหน้าบูดอยู่ริมไพร
                เพราะโกรธกับต้นมะไฟแต่เช้าเอย ๐
                ที่กลอนออกมาแนวแปลก ๆ อย่างนี้  เพราะวันนั้นท่านเขียนถึงเรื่องต้นไม้มีความรู้สึกมีอารมณ์ !
                ท่านเขียนไว้ว่า
                “พูดถึงการให้ความเป็นธรรมกันแล้ว   ผมก็อยากจะบอกแก่ท่านผู้ที่ชอบปลูกต้นไม้ เล่นต้นไม้ทั้งหลายว่า  ขอได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ต้นไม้ที่ท่านปลูกบ้าง
                เพราะนักวิทยาศาสตร์รุสเซียเขาได้ทดลองทางวิทยาศาสตร์กับต้นไม้เมื่อเร็ว ๆ นี้  แล้วได้ทราบว่าต้นไม้นั้นมันมีความรู้สึก มีอารมณ์  หรืออย่างที่พระท่านว่ามีเวทนาเหมือนกับคนเหมือนกัน
                กล่าวคือเมื่อพบกับสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกใจ  ก็บังเกิดความยินดีมีสุข
                เมื่อพบกับสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกใจ  ก็เกิดความทุกข์ ความไม่พอใจ
                ทำไมเขาจึงรู้อย่างนี้ ?
                เขาทดลองด้วยการเอาเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่จะถ่ายทอดความรู้สึกจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งได้นั้น  มาเชื่อมกันเข้าระหว่างคนกับต้นไม้ที่ตั้งเอาไว้ไกล ๆ 
                เมื่อเชื่อมโยงกันแล้ว  เขาก็สะกดจิตคน   เมื่อสะกดจิตคนแล้ว  เขาก็บอกคนที่ถูกสะกดจิตนั้น  ให้ดีใจให้มีความสุข
                คนที่ถูกสะกดจิตนั้นก็ยิ้มแย้มหรือหัวเราะ
              ความรู้สึกของคนที่ถูกสะกดจิตนั้นก็ผ่านไปยังต้นไม้  สังเกตดูดอกใบของต้นไม้ก็มีอาการเบิกบานขึ้น
         เมื่อเขาสั่งให้คนที่ถูกสะกดจิตมีความเสียใจและเป็นทุกข์
         ต้นไม้ที่ถูกเชื่อมโยงอยู่ด้วยนั้น  ก็แสดงอาการอาการกิ่งก้านใบตกลงเหมือนกับคนเป็นทุกข์
ความจริงเขาก็ไม่ได้ยืนยันหรอกครับว่าต้นไม้มีเวทนา  รู้ทุกข์รู้สุขได้  เขาบอกแต่เพียงว่าผลแห่งการทดลองครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า  ระบบประสาทของต้นไม้และพืชนั้นเป็นระบบที่ใกล้เคียงกับระบบประสาทของมนุษย์  มีการเชื่อมโยงถ่ายทอดความรู้สึกกันได้
แต่เขาบอกว่าต้นไม้ทุกชนิดน่าจะมีความรู้สึก  และมีอารมณ์ยินดียินร้าย  เช่นเดียวกับมนุษย์เหมือนกัน
ได้ยินเรื่องนี้แล้วก็ใจหาย
เพราะผมก็เป็นคนบ้าปลูกต้นไม้อีกคนหนึ่ง
พูดด้วยใจจริง  ก็พยายามทำทุกอย่างที่จะให้ต้นไม้อยู่ดีกินดีมีสุข  เพื่อความเจริญเติบโตของต้นไม้
แต่บอกตรง ๆ เลยครับ   ว่าไม่เคยคิดว่าต้นไม้มันก็มีหัวใจ
เมื่อรู้ดังนี้แล้วก็เริ่มสงสัยว่า  การที่ผมได้ทำอะไรต่ออะไรต่อต้นไม้ด้วยความหวังดีต่อมันนั้น  ผมได้ทำให้ถูกใจมันหรือเปล่าก็ไม่รู้
การกระทำบางอย่างของผม  ไม่แน่ว่าจะทำให้มันดีใจหรือเสียใจ
บางครั้งก็อาจรดน้ำมากไปหรือน้อยไป  เพราะไม่รู้ว่าจะถูกใจต้นไม้แค่ไหน
บางครั้งไปลิดกิ่งก้านของมันด้วยความประสงค์ที่จะให้มันงอกงาม   มันจะเจ็บหรือเปล่าก็ไม่รู้
ที่สำคัญคือบางครั้ง  ผมอาจไปทำอะไรเชย ๆ ให้ต้นไม้มันหัวเราะด้วยความขบขันในความโง่ของผมบ้างหรือเปล่า  ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม   ถ้าหากต้นไม้มีเวทนาจริงแล้ว  ต้นไม้ก็มีทั้งรูป ทั้งเวทนา  เป็นขันธ์สองเข้าไปแล้ว
สัญญามันจะมีหรือไม่  ผมไม่ทราบ
ต้นไม้จะปรุงแต่งสังขารได้หรือไม่ด้วยตัวของมันเอง  ผมก็ไม่ทราบ
และต้นไม้จะมีวิญญาณหรือไม่  ผมก็ไม่แน่ใจนักอีกเหมือนกัน
รู้แต่ว่าต่อไปนี้จะทำอะไรกับต้นไม้ ดอกไม้ หรือผลไม้  จะต้องระวังตัวกว่าเดิม
และถ้าเป็นกวีแล้ว  จะต้องแต่งบทชมดงแตกต่างไปกว่าที่ท่านเคยแต่งกันมาแต่เดิม  ดังต่อไปนี้
๐ บานเย็นพริ้มพรายอยู่ชายทุ่ง                  ต้นผักบุ้งหน้าคว่ำเพราะน้ำเน่า
ลำดวนป่วนใจอยู่ไม่เบา                         กุหลาบเหงาเพราะต้องร้างห่างสามพราน
มะลิโกรธโดนเก็บเจ็บทุกวัน                 มะม่วงบ่นว่าคันเพลี้ยกินก้าน
เหลียวดูดอกชบาเห็นหน้าบาน               ไม่รู้ว่าสำราญด้วยสิ่งใด
น้ำตาหลิวไหลร่วงลงเผาะเผาะ              แค้นใจเพราะคนเขาเรียกหลิวร้องไห้
มะพูดยืนหน้าบูดอยู่ริมไพร                   เพราะโกรธกับต้นมะไฟแต่เช้าเอย ๐
 http://www.siamrath.co.th/uifont/Articledetail.aspx?nid=2555&acid=2555


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!