กระทู้เมื่อเร็วๆนี้
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"
เมษายน 26, 2024, 08:18:04 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
 1 
 เมื่อ: เมษายน 25, 2024, 07:09:30 PM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
โค๊ด:
https://www.youtube.com/shorts/4wzvpUrOzr4

 

 2 
 เมื่อ: เมษายน 25, 2024, 01:28:26 PM 
เริ่มโดย ช่างเล็ก(LSV) - กระทู้ล่าสุด โดย ช่างเล็ก(LSV)
https://eon49.com/2024/04/25/wiring-diagram-air
แผนผังWiring Diagram ของเครื่องปรับอากาศทั่วไป(ไม่ใช่อินเวอร์เตอร์)
#แผนผัง  #Wiring  #Diagram  #เครื่องปรับอากาศ   #อินเวอร์เตอร์
---


 3 
 เมื่อ: เมษายน 25, 2024, 01:26:12 PM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย ช่างเล็ก(LSV)
 THANK!! wav!!

 4 
 เมื่อ: เมษายน 25, 2024, 08:08:18 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
ทำไมถึงไม่ควรใช้น้ำมันผัดทอดอาหาร - นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โค๊ด:
https://youtu.be/EcR3YTbYkXo?si=qPhaqpVL8lICpO-i

ปี 2019 พศ.2562

งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ตีพิมพ์ในวารสาร BMK
ติดตามดูกลุ่มคน แสนกว่าคนตามดู 24 ปี

ประเด็นการกินอาหาร ผัดทอด กับ ไม่ผัดทอด

กินอาหารผัดทอดสัปดาห์ละ 1 เซิฟวิ่งขึ้นไป
(เซิฟวิ่งคือหน่วยนับทางโภชนาการ)
ใน 24 ปี มีคนตายหลายหมื่นคน
ความเสี่ยงตายของการกินอาหารผัดทอดกับไม่กินอาหารผัดทอด
แยกเป็น 3 กลุ่ม ๆหนึ่งกินไก่ทอด
กลุ่มสองกินปลาทอด
กลุ่มสามกินอาหารผัดทอดทุกชนิด
เที่ยบกับผู้ไม่กิน
อัตราตายรวม 3 ประเภทคือ
1 อุบัติเหตุ ฯลฯ
2 หลอดเลือด หัวใจ อัมพาต อัมพฤกษ์
3 มะเร็ง
คนส่วนใหญ่จะมา จบชีวิตที่ 3 ประเภท นี้

คนกินไก่ทอดอัตราตายเพิ่มขึ้น 13 %
อัตราตายหัวใจ อัมพาต อัมพฤกษ์ เพิ่มขึ้น 12%
คนกินปลาทอดอัตราตาย 7 %
อัตราตายจาก หลอดเลือด หัวใจ  13 %
คนกินอาหารทอดทุกชนิดอัตราตาย 8 %

การใช้น้ำมันซ้ำซากจะทำให้ก่อสารมะเร็ง อะโรเมตริก เพิ่มขึ้น

 ping!

 5 
 เมื่อ: เมษายน 25, 2024, 06:24:51 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
“วิรไท” อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ เปิดตำราสอน รัฐบาล-ธปท. แก้ปัญหาเศรษฐกิจ

โค๊ด:
https://www.thansettakij.com/finance/financial-banking/589361

 ping!

 6 
 เมื่อ: เมษายน 25, 2024, 06:16:22 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥


    ธปท.ส่งหนังสือถึง ครม.เสนอ 4 ประเด็นค้านเงินดิจิทัล
ใช้งบประมาณจำนวนมาก
เสี่ยงประเทศไทยถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ
กระทบงบประมาณโครงการอื่น
ห่วงสภาพคล่อง ธ.ก.ส. โครงการเปิดช่องการทุจริต
แนะใช้พร้อมเพย์แทนซุปเปอร์แอป


นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567
เพื่อเสนอเป็นความเห็นประกอบการพิจารณา
ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567

ธปท.ได้เสนอความเห็นที่มีความยาว 5 หน้า ระบุว่า
ด้วยโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ
ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ใช้งบประมาณจำนวนมาก
และก่อให้เกิดภาระผูกพันต่อรัฐบาลในระยะยาว

ดังนั้น เพื่อให้ ครม.ได้รับข้อมูลและความเห็น
ที่ครบถ้วนประกอบการพิจารณานโยบายสำคัญนี้

ธปท.จึงขอเสนอความเห็น และข้อสังเกตสำคัญที่ได้เคยแจ้ง
ต่อคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท
ผ่าน Digital Wallet และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน
โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet รวมถึง
ข้อห่วงใยอื่น ดังนี้


1.ความจำเป็นในการดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ


1.1 ควรทำโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
ในขอบเขตที่ครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย
ที่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น (targeted =กำหนดเป้าหมาย)
เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ
ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า
และใช้งบประมาณลดลง


โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น
กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือ
ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 15 ล้านคน
ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที
และใช้งบประมาณ 150,000 ล้านบาท

เนื่องจากคนกลุ่มรายได้น้อยมีสัดส่วน
การใช้จ่ายเพื่อบริโภคสูงกว่ากลุ่ม รายได้อื่น
และมักซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศมากกว่าสินค้านำเข้า
และควรพิจารณาดำเนินโครงการแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing=แบ่งเป็นระยะ)
เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลังด้วย

ทั้งนี้ ความจำเป็นที่จะกระตุ้นการบริโภคในวงกว้างมีไม่มาก
โดยในปี 2566 การบริโภคภาคเอกชนของไทย
ขยายตัวได้ที่ร้อยละ 7.1 เทียบกับค่าเฉลี่ยช่วงปี 2553 - 2565
ที่ขยายตัวเฉลี่ยที่ร้อยละ 3 ต่อปี

1.2 โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
ก่อให้เกิดภาระทางการคลังจำนวนมากในระยะยาว

และหากไม่สามารถรักษาเสถียรภาพภาระหนี้ภาครัฐได้
จะเพิ่มความเสี่ยงที่ประเทศไทย
จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ เช่น

เกณฑ์การประเมินของ Moody's ได้กำหนดอัตราส่วนภาระดอกเบี้ย
จ่ายต่อรายได้ของประเทศในกลุ่ม Baal (Rating ของไทยในปัจจุบัน)
ไว้ว่าไม่ควรเกินร้อยละ 11

โดยโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
จะทำให้อัตราส่วนดังกล่าวมีแนวโน้มสูงกว่าเกณฑ์นี้ ในปี 2568

1.3 การดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
ที่ใช้วงเงินงบประมาณมูลค่าสูงทำให้ความสามารถ
ในการดำเนินนโยบายการคลังอื่นของรัฐบาลลดลง

และมีความเสี่ยงที่จะมีงบประมาณ
ไม่เพียงพอรองรับในภาวะฉุกเฉิน

การเพิ่มวงเงินกู้ปีงบประมาณ 2568 จนเกือบเต็มกรอบที่กฎหมายกำหนด
ทำให้เหลือวงเงินกู้ได้อีกราว 5,000 ล้านบาท
เทียบกับวงเงินคงเหลือเฉลี่ยในปีก่อน ๆ ที่มากกว่า 100,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ การจัดสรรวงเงินจากงบประมาณปี 2567
ทำให้งบกลางสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นลดลง
จนอาจไม่เพียงพอรองรับกรณีฉุกเฉิน
โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์การเมืองโลก
ที่มีความไม่แน่นอนสูงและภาวะภัยธรรมชาติ
ที่มีความรุนแรงมากขึ้น

1.4 รัฐบาลควรพิจารณาถึงความคุ้มค่า
ของการนำงบประมาณ 500,000 ล้านบาท

ไปใช้ลงทุนในโครงการที่จะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
และยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
ตัวอย่างการใช้งบประมาณที่ผ่านมา ได้แก่

    โครงการพัฒนาบุคลากรการแพทย์ (ใช้วงเงิน เฉลี่ย 3.8 ล้านบาทต่อตำแหน่ง)
    จะสามารถสร้างบุคลากรการแพทย์ได้กว่า 130,000 ตำแหน่ง
    โครงการ เรียนฟรี 15 ปี สำหรับนักเรียนทั่วประเทศ (83,000 ล้านบาทต่อปี)
    จะสามารถสนับสนุนได้นานถึง 6 ปี
    โครงการรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม - ชุมพร (40,000 ล้านบาทต่อสาย) จะพัฒนาได้กว่า 10 สาย
    โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (190,000 ล้านบาทต่อสาย) จะพัฒนาได้กว่า 2 สาย


2. แหล่งเงินสำหรับดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

ตามที่กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเสนอ
วงเงินดำเนินโครงการรวม 500,000 ล้านบาท
ซึ่งมีที่มาจากงบประมาณรายจ่ายต่างปีและต่างประเภท

และอีกส่วนหนึ่งจะมาจากการมอบหมาย
ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินโครงการโดยรัฐบาลจะรับภาระชดเชย
ค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้
ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

การใช้เงินงบประมาณจากแหล่ง ต่าง ๆ
จะต้องมีความสอดคล้องกับกฎหมาย
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึง
ถึงความเสี่ยง ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน

2.1 สิทธิการใช้จ่ายภายใต้โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
จะต้องไม่ขัดแย้งกับการควบคุมระบบเงินตรา

โดยมูลค่าสิทธิใช้จ่ายที่รัฐบาลกำหนดขึ้น
จะต้องมีงบประมาณรองรับเต็มจำนวน (fully earmarked)
และมีแหล่งที่มาของเงินที่เจาะจงชัดเจนในวันเริ่มโครงการ

โดยหากรัฐบาลยังไม่สามารถ earmark งบประมาณเต็มมูลค่า
สิทธิรวมในวันเริ่มโครงการด้วยเหตุใด ๆ เช่น
ไม่สามารถนำเงินงบประมาณส่วนใดมาใช้ได้
ตามเงื่อนไขของกฎหมาย หรือมีความล่าช้าในการพิจารณาอนุมัติ

จะมีผลให้การกำหนดสิทธิใช้จ่ายในส่วนที่ไม่มีงบประมาณรองรับ
เป็นการสร้างวัตถุหรือเครื่องหมายแทนเงินตรา
ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501

2.2 การให้ ธ.ก.ส. ร่วมสนับสนุนการดำเนินโครงการ
เติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต

และให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร
ควรมีความชัดเจนทางกฎหมายว่า
การดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้หน้าที่และอำนาจ

และอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส.
ตามมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติธนาคาร
เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. 2509
ประกอบกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ จะต้องกำหนดกลไกการเติมเงินให้เกษตรกร
แยกส่วนจากการเติมเงินให้ประชาชนทั่วไปอย่างชัดเจน
ทั้งอาจต้องจำกัดขอบเขตการใช้จ่ายให้สอดคล้อง
กับวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. ด้วย เพื่อไม่ให้เกิด
การใช้งบประมาณผิดประเภท

ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความถูกต้อง
และรอบคอบ จึงเสนอให้คณะรัฐมนตรี
มอบหมายให้กระทรวงการคลัง
หารือคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน
ดังเช่นที่ได้เคยหารือในประเด็นกิจการ
อันพึงเป็นงานธนาคารออมสิน ตามมาตรา 7
แห่งพระราชบัญญัติ ธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489 แล้ว

ธปท. ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลความเสี่ยง
และฐานะของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
มีข้อกังวลว่า การที่รัฐบาลจะมอบหมายให้ ธ.ก.ส.
สนับสนุนโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
โดยยังมีภาระหนี้คงค้างกับ ธ.ก.ส.
ถึงประมาณ 800,000 ล้านบาท

อาจทำให้เกิดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและความเสี่ยง
ต่อฐานะการดำเนินงานของ ธ.ก.ส. อย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินการตามพันธกิจ
และกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ฝากเงิน

จึงควรมีแนวทางชดเชยค่าใช้จ่าย
หรือการสูญเสียรายได้
ให้แก่ ธ.ก.ส. พร้อมทั้ง รับฟังความเห็น
ของคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ก่อนด้วย

3.ผู้พัฒนาและดำเนินการระบบสำหรับ
โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท


ด้วยระบบสำหรับโครงการ DW มีความซับซ้อน
และต้องรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก
จึงต้องเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ
มีความเสถียร และมีความมั่นคงปลอดภัยเพียงพอ

เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk) ธปท.
ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลเสถียรภาพระบบการชำระเงินของ ประเทศ
มีข้อห่วงใยในการพัฒนาและดำเนินการระบบ ดังนี้

3.1 ควรใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน
เช่น ระบบพร้อมเพย์ และ Thai QR Payment
เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ลดต้นทุนในการพัฒนาระบบ
และใช้ประโยชน์สูงสุด
จากโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่มีอยู่

3.2 ด้วยเงื่อนไขของการใช้สิทธิที่มีความซับซ้อนในหลายมิติ
รวมทั้งการที่ระบบจะมี ลักษณะเป็นระบบเปิด (Open-loop)
ที่ต้องเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการที่หลากหลาย
จึงควรต้องกำหนดโครงสร้าง และสถาปัตยกรรมของระบบที่ชัดเจน
 ตลอดจนวางแผนการพัฒนาและทดสอบที่รัดกุมครบถ้วน

เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ
อันจะกระทบต่อเสถียรภาพ
ระบบการชำระเงินของประเทศ

ทั้งนี้ ควรคำนึงถึงมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย
ของระบบและข้อมูล ความถูกต้องเชื่อถือได้ของระบบงานและ
ข้อมูลความต่อเนื่องของการให้บริการ
การจัดการการเข้าถึงข้อมูลธุรกรรม

และการป้องกันภัยไซเบอร์ที่เข้มงวด
รวมทั้งมีกระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตน
ของประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐาน
ตามระดับความเสี่ยงของภาคการเงินด้วย

3.3 ผู้พัฒนาระบบ (Developer) ต้องมีความรู้และประสบการณ์
ในการพัฒนาระบบการชำระเงินเป็นอย่างดี

โดยเฉพาะการพัฒนาระบบที่เป็น Open-loop
เพื่อให้ระบบสอดคล้องกับมาตรฐานข้างต้น
และดำเนินการได้ตามกรอบเวลาที่จำกัด

ทั้งนี้ ตัวอย่างที่ผ่านมา ทีมงานของธนาคารพาณิชย์
ต้องใช้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ
ด้านระบบการชำระเงินเป็นจำนวนมาก
และใช้เวลาในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 1 ปี

3.4 ผู้ดำเนินการระบบ (Operator) ต้องสามารถดูแลระบบ
ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากได้อย่างต่อเนื่อง

ไม่หยุดชะงัก
และสามารถดูแลแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว
เพื่อไม่ให้การใช้จ่ายของประชาชนมีความติดขัด
หรือเกิดการใช้จ่ายที่ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขของโครงการ

ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องมีการยกเลิก
ธุรกรรมและเรียกคืนสิทธิจากประชาชน
และร้านค้าจำนวนมาก และในกรณีที่มีการโจมตีทางไซเบอร์
หรือมีการรั่วไหลของข้อมูลธุรกรรมหรือข้อมูลส่วนบุคคล
จะต้องสามารถหยุดยั้งและแก้ไขเหตุได้อย่างทันท่วงที

4. การบริหารจัดการความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริต

หน่วยงานที่รับผิดชอบควรกำหนดกลไก
ลดความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริต
ในขั้นตอนต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะประเด็นที่ปัญหา
พึงคาดหมายได้ตั้งแต่เริ่มแรก เช่น

แนวทางการตรวจสอบรายได้และทรัพย์สิน
ของผู้เข้าร่วมโครงการให้เป็นไปตามคุณสมบัติ
ที่กำหนดการป้องกันการลงทะเบียนเป็นร้านค้าปลอม
การกำหนดประเภทและขนาดของร้านค้า

เพื่อรองรับเงื่อนไขการใช้จ่ายประเภทสินค้าต้องห้าม
และมาตรการป้องกันในการห้ามไม่ให้มีการซื้อสินค้าดังกล่าว
ที่มีประสิทธิภาพการตรวจสอบว่ามีการซื้อขายสินค้าจริง
และป้องกันไม่ให้มีการขายลดสิทธิ์ (discount)

ด้วยเหตุผลและข้อสังเกตข้างต้น ธปท.
จึงมีความเห็นว่า การพิจารณากรอบหลักการและ
รายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
ซึ่งเป็นโครงการที่มีรายละเอียด
การดำเนินการซับซ้อนใช้งบประมาณจำนวนมาก

ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาระการคลังของประเทศในระยะยาว
และมีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริตในขั้นตอนต่าง ๆ
ควรดำเนินการด้วยความรอบคอบ
และระมัดระวัง (Due Care=การดูแล) และมีกระบวนการ
ที่ถูกต้องรัดกุม (Due Process) อย่างเต็มที่

ดังนั้น เพื่อให้การให้ความเห็นชอบในกรอบหลักการ
โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
มีความรอบคอบครบถ้วน จึงเสนอให้คณะรัฐมนตรี
มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทบทวนและนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติม

พร้อมทั้งจัดทำแนวทางหรือมาตรการแก้ไข
ประเด็นปัญหาหรือความเสี่ยงต่าง ๆ ให้เป็นรูปธรรมด้วย
ก่อนที่ ครม.จะพิจารณาให้ความเห็นชอบ
ในกรอบหลักการของ
โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ต่อไป
--------------------------------------------------------
"ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ"
"ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

โค๊ด:
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1123537

 ping!

 7 
 เมื่อ: เมษายน 24, 2024, 07:41:18 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
คนถามว่ามาพูดเรื่องผลกระทบทำไมในเมื่อมันผ่านไปแล้ว?
คำตอบคือ
1-มันไม่ได้ผ่านไปครับยังฝังอยู่กับตัวเราและใครยังไม่มีอาการปรากฏไม่ควรนิ่งนอนใจ
รักษาตัวให้ดีหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้นในร่างกาย
การควบคุมอาหารเข้าใกล้มังสวิรัติ คุมโรคประจำตัว กำลังสม่ำเสมอ แดด
และกระบวนการถอนพิษ เป็นไปได้

2- เพื่อให้หยุด ระงับเทคโนโลยีนี้ เพื่อใช้กับวัคซีน อื่นๆ ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยน
และไม่มีขั้นตอนในการควบคุมความปลอดภัย
และเลิกบริการฉีด เลิกบังคับให้ฉีด ของวัคซีนนี้ จากการจุดกระแสต่างๆ

3- เพื่อให้ตระหนักในผลกระทบที่เกิดขึ้นและให้เข้าใจว่า
ไม่ใช่โรคที่คิดไปเอง ดังที่ถูกสั่งพักงาน เพราะหมอวินิจฉัยไม่ได้
แต่ในที่สุดพบการอักเสบมากมายมหาศาลในร่างกาย
แม้กระทั่งไปทำ PET scan เจอการอักเสบทั่วตัวและต่อมน้ำเหลืองโตเต็มตัว

4- เพื่อให้มีการเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบอย่างจริงจัง เป็นหมื่นเป็นแสนคน

5- ในที่สุดเพื่อหาคนรับผิดชอบ เมื่อรู้ความจริงแทนที่จะระงับ
กลับส่งเสริมต่อและทำการเปลี่ยนความจริงให้เป็นเท็จ
คนเหล่านี้ ต่ำทราม และไม่ควรเป็นคนไทย

 8 
 เมื่อ: เมษายน 24, 2024, 07:21:06 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
ผู้ก่อตั้งขนมหม้อแกงแม่กิมไล้ ตำนานขนมหม้อแกงเมืองเพชรบุรี
ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ด้วยวัยชรา สิริอายุ 90 ปี

“แม่กิมไล้ บุญประเสริฐ” ภายใต้แบรนด์ “แม่กิมไล้”
ด้วยความหวานหอมของขนมหม้อแกงสูตรความอร่อยที่ลงตัว
และไม่มีใครเหมือน ทำให้หลายคนติดใจจนกลายเป็น
สินค้าขึ้นชื่อประจำจังหวัดเพชรบุรีมาจนถึงปัจจุบัน

แม่กิมไล้ มีชื่อสกุลเดิมว่า น.ส.ไล้ ตะบูนพงษ์
เกิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2477
ที่ ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
เป็นบุตรสาวคนที่ 6 จากจำนวนพี่น้อง 7 คนของ
นายหมู-นางแดง ตะบูนพงษ์
ในวัยเยาว์ครอบครัวของแม่กิมไล้ค่อนข้างมีฐานะ
บิดามารดาประกอบอาชีพทำขนมไทยขายในชุมชนสองฟากฝั่ง
ริมแม่น้ำปากอ่าวบางตะบูน และในงานประจำปีตามวัดต่างๆ เช่น
วัดเขาตะเครา วัดปากอ่าวบางตะบูน และวัดเขายี่สาร เป็นต้น

แม่กิมไล้ เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนวัดปากอ่าว (ญาณสาครวิทยาคาร)
ต.บางตะบูนออก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
ช่วงวันหยุดจะร่วมกับ
น.ส.ลั้ง ตะบูนพงษ์ หรือ “แม่กิมลั้ง” ผู้เป็นพี่สาว
พายเรือนำขนมไปขายให้แก่ชาวบ้าน
ในชุมชนสองฟากฝั่งริมแม่น้ำปากอ่าวบางตะบูน

หลังจากเรียนจบชั้น ป.4 ที่โรงเรียนวัดปากอ่าวแล้ว
แม่กิมไล้ได้พบรักกับ จ.ส.ต.กลม บุญประเสริฐ ซึ่งรับราชการ
เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่ สภ.ต.บางตะบูน
แต่มารดาไม่ชอบลูกเขยที่เป็นตำรวจยศต่ำ
และได้หมายมั่นจะให้บุตรสาว
แต่งงานกับชายคนหนึ่งที่มีอายุแก่กว่ากัน 22 ปี
แต่แม่กิมไล้ปฏิเสธ เนื่องจากไม่ได้รักชอบผู้ชายที่มารดาเลือกให้
ประกอบกับ จ.ส.ต.กลม ได้ย้ายมาประจำอยู่ที่ สภ.อ.เมืองเพชรบุรี
นางไล้จึงหนีตาม จ.ส.ต.กลม
มาใช้ชีวิตด้วยกันในตัวเมืองเพชรบุรีขณะมีอายุได้ 18 ปี

มีอยู่วันหนึ่ง พระเทพวงศาจารย์ หรือ “หลวงพ่ออินทร์”
เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดยางในขณะนั้น
ผ่านมาเห็นและได้ทักทายกับแม่กิมไล้ว่าจะรวยกันใหญ่แล้ว
พร้อมตั้งชื่อให้ว่า “แม่กิมไล้” เป็นชื่อสิริมงคล
สำหรับการค้าขายขนมหวานมาจนถึงปัจจุบัน

ขนมหวานของแม่กิมไล้เริ่มขายดิบขายดี
เป็นที่โจษขานของชาวเมืองเพชรบุรี
ส่งผลให้แม่กิมไล้เริ่มมีเงินมีทองเก็บ กระทั่งในปี 2515
จึงขยายกิจการเปลี่ยนจากรถเข็นไปขอเช่าพื้นที่เปิดร้าน
ขายขนมหวานที่หน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเพชรบุรี
ใกล้โรงค้าไม้ซุ่นเฮงหลี ในซอยข้างธนาคารออมสิน
สาขาสะพานจอมเกล้า

จากนั้นมาขนมหม้อแกงแม่กิมไล้เริ่มเป็นที่รู้จัก
ของผู้คนและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น
ยังเคยให้ทหารมาซื้อไปลิ้มลองอยู่บ่อยครั้ง
รวมถึงนายสมจิตร พวงมณี ผู้กว้างขวางสมัยนั้นเคยซื้อไปฝาก
พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร จอมพลถนอม กิตติขจร
และจอมพลประภาส จารุเสถียร
ตลอดจนนายปิยะ อังกินันทน์ ซื้อไปฝาก พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
นายกรัฐมนตรีอยู่เป็นประจำอีกด้วย ทำให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้น

ต่อมาในปี 2517 แม่กิมไล้ เห็นว่าธุรกิจการทำขนมหวานเริ่มเจริญเติบโต
และเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวให้สามารถเลือกซื้อของฝากได้สะดวกและถูกใจ
แม่กิมไล้จึงได้ขยายสาขาเพิ่มอีก 4 สาขา ประกอบด้วย
สาขา ต.หัวสะพาน อ.เมืองเพชรบุรี
สาขา ต.เขาทโมน
อ.บ้านลาด สาขา ต.ท่ายาง และ
สาขา ต.ไร่ส้ม รวม 5 สาขา
โดยมีลูกหลานร่วมด้วยช่วยกันบริหาร
จนกิจการรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบันนี้

โค๊ด:
https://mgronline.com/local/detail/9670000035182?tbref=hp

 9 
 เมื่อ: เมษายน 23, 2024, 10:32:20 AM 
เริ่มโดย ช่างเล็ก(LSV) - กระทู้ล่าสุด โดย ช่างเล็ก(LSV)
https://www.pohchae.com/2024/04/23/old-man-money
ลงทะเบียนรับ3,000 คนที่เลี้ยงผู้สูงอายุจนกว่าจะตาย ลูกหลานก็รับได้ ด่วนรับจำกัด!
#วิธีลงทะเบียน  #รับเงิน #ผู้สูงอายุ #ลูกหลานก็รับได้  #ด่วน #รับจำกัด
------


ดึงลูกหลานดูแลผู้สูงอายุเปราะบางลดภาระรัฐ

กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้มีประกาศระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองผู้สูงอายุแบบครอบครัวอุปถัมป์ พ.ศ. 2566 ด้วยกรมกิจการผู้สูงอายุ มีภารกิจเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุ และการสร้างความเสมอภาคและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมตามนโยบายรัฐบาล

ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่มีความต้องการอยู่กับครอบครัว ชุมชนและสังคม จึงมีการสนับสนุนงบประมาณให้ลูกหลานที่ต้องลาออกมาดูแล เครือญาติ หรือคนในชุมชนที่ดูแลผู้สูงอายุเปราะบางแล้วไม่มีใครดูแล เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ (ศพส.)

ครอบครัวอุปถัมภ์ หมายความว่า บุคคลหรือครอบครัวที่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี ให้เป็นครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจน และไม่มีผู้ดูแลหรือ มีแต่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ การคุ้มครองตามระเบียบนี้ ผู้สูงอายุต้องยินยอมเป็นหนังสือตามแบบที่อธิบดีกำหนด กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถให้การยินยอมได้ ให้นักสังคมสงเคราะห์เป็นผู้รวบรวมข้อเท็จจริงและเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการการขอคุ้มครองดูแลผู้สูงอายุให้ขอได้เพียงคราวละหนึ่งคน หากจะรับมากกว่านั้น ให้ระบุเหตุผล และความจำเป็นที่จะต้องรับผู้สูงอายุไว้คุ้มครองดูแลมากกว่าหนึ่งคน..

คุณสมบัติครอบครัวอุปถัมภ์

    มีสัญชาติไทย
    มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ หรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งมีความพร้อมและศักยภาพในการดูแลผู้สูงอายุ อาจได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการ เป็นรายๆ ไป
    มีที่อยู่อาศัยที่เป็นหลักแหล่ง และอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกับผู้สูงอายุ
    ได้รับความยินยอมจากสมาชิกทุกคนในครอบครัวว่ามีความพร้อมในการคุ้มครองผู้สูงอายุ
    ไม่เป็นผู้ต้องหาว่ากระทำผิดอาญา และอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล

ขั้นตอนลงทะเบียนครอบครัวอุปถัมป์รับ 3,000 บาท/เดือน

สำหรับการขอเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ให้ยื่นความประสงค์ตามแบบที่อธิบดีกำหนด คือ ในท้องที่กรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคำขอได้ที่กรมกิจการผู้สูงอายุ หรือศูนย์พัฒนาการ จัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค หรือหน่วยงานที่อธิบดีประกาศกำหนด ส่วนในจังหวัดอื่น ให้ยื่นคำขอได้ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุที่อยู่ในจังหวัดนั้น

เอกสารหลักฐานของผู้ยื่นคำขอที่ต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ได้แก่ ทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัว ประชาชนหรือบัตรประจ้าตัวประเภทหนึ่งประเภทใดที่มีเลขประจ้าตัวประชาชน รูปถ่ายหน้าตรง ซึ่งถ่ายไว้ ไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 1 รูป

กรมกิจการผู้สูงอายุ จะให้ความช่วยเหลือครอบครัวอุปถัมภ์ ครอบครัวละ 2,000 บาท ต่อผู้สูงอายุหนึ่งคนต่อเดือน ยกเว้นแต่มีเหตุจำเป็นและเหมาะสม อาจพิจารณาให้เงินช่วยเหลือได้ไม่เกินครอบครัวละ 3,000 บาท ต่อผู้สูงอายุหนึ่งคนต่อเดือน โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นในเดือน พ.ค. 2567

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2567 กรมกิจการผู้สูงอายุ แจ้งผ่านเว็บไซต์ว่ารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสำหรับรองรับโครงการฯนี้ไว้เพียงจำนวน 1,107 รายเท่านั้น

ใครพลาดโครงการนำร่อง รองบประมาณปีต่อไป

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ระบุว่าเนื่องจากงบประมาณปี 2567 มีจำกัด ได้เพียง 1,107 ครอบครัว โดยจะของบประมาณปี 2568 เพิ่มเติม

ผู้ที่เข้าเกณฑ์สามารถยื่นขอรับสิทธิได้ โดย “ไม่มีเต็มแน่นอน เพราะเรารับหมด เพียงแต่ว่าต้องพิจารณาคัดเลือกเพียง 1,107 ครอบครัว ซึ่งเราจะเก็บเอาไว้เป็นฐานข้อมูล เพื่อที่ว่าในอนาคตถ้าหากว่ามีเงินส่วนอื่นที่สามารถสมทบได้ หรือถ้าหากปีงบประมาณ 2568 เราได้งบประมาณเพิ่ม จะได้นำฐานข้อมูลเหล่านี้มาดำเนินการให้เร็วยิ่งขึ้น”

เงื่อนไขสำคัญ โดยเงินที่จะได้รับการสนับสนุนเริ่มที่ 2,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน แต่ว่าในบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น สามารถเพิ่มเงินได้ถึง 3,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน แต่เฉลี่ยแล้วจะได้รับเงิน 2,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน.

 10 
 เมื่อ: เมษายน 23, 2024, 07:42:22 AM 
เริ่มโดย eskimo_bkk-LSV team♥ - กระทู้ล่าสุด โดย eskimo_bkk-LSV team♥
โค๊ด:
https://youtu.be/Hx-NI0lWrMU?si=gYx6EJfu1pbv-SUo


Boston Dynamics เปิดตัวหุ่นยนต์ Atlas เวอร์ชั่นใหม่ TNN Tech Reports

แข็งแกร่งและเคลื่อนไหวคล่องแคล่วขึ้น
เตรียมนำไปใช้งานในสายการผลิตรถยนต์
ของบริษัท บริษัท ฮุนได (Hyundai) ประเทศเกาหลีใต้

 ping!


หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!