พิมพ์หน้านี้ - รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน ท่านขุนน้อย ไทยโพสต์

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"

นานาสาระ => หน้าที่พลเมือง => ข้อความที่เริ่มโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2017, 09:06:24 AM



หัวข้อ: รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน ท่านขุนน้อย ไทยโพสต์
เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2017, 09:06:24 AM
ไปๆ-มาๆ...ความ บ้า ของประธานาธิบดีสหรัฐรายใหม่ ทรัมป์ บาร์เบอร์
ชักจะ บ้า ออกไปในแนวเดิมๆ อีกแล้วนั่นแหละทั่น คือแทบไม่ได้มีอะไรแตกต่าง มากมาย
ไปจาก โอมาบ้า แทนที่จะนั่งก่ออิฐ ก่อปูน มั่วอยู่กับ กำแพงเม็กซิโก
ที่ยาวอีเหลนเป๋น นับพันๆ กิโลเมตร จนไม่น่ามีเวลามาบ้ากับเรื่องอื่นๆ ตลอดช่วง 4 ปีเต็มๆ
แต่นี่ยังไม่ทันครบเดือนเท่านั้น ทั้งอิหร่าน รัสเซีย ไปจนถึงคุณพี่จีน
ต่างต้องออกอาการขนคอตั้ง ขนลุก ขนพอง ไปกับความบ้า
ของ ทรัมป์ มากบ้าง น้อยบ้าง ไปตามสภาพ...
-----------------------------------------------------
อิหร่านนั้น...ต้องเจอกับการ แซงก์ชั่น รอบใหม่ เพียงเพราะแค่ตัดสินใจทดสอบ
สมรรถภาพขีปนาวุธของตัวเองภายในประเทศตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการบิดพลิ้ว
ละเมิดข้อตกลงโครงการอาวุธนิวเคลียร์ช่วงปี ค.ศ.2015
เอาเลยแม้แต่น้อย แต่อาจด้วยเหตุเพราะ คนรอบข้าง ประธานาธิบดี
ไม่ว่าจะไล่มาตั้งแต่รัฐมนตรีกลาโหม เจมส์ แมททิส ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ไมเคิล ฟลินน์ รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ไปจนถึงหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ทำเนียบขาว
นาย สตีฟ แบนนอน ล้วนแต่ถือเป็นพวก เกลียดแขก ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
--------------------------------------------------
ยิ่งโดยเฉพาะ แขกขาว อย่าง แขกอิหร่าน ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่าชัง อย่างเป็นพิเศษ
เนื่องจากถือเป็นแขกที่เป็นอันตรายต่อ ยิว หรือต่อประเทศอิสราเอล อันเป็นที่รัก ที่เทิดทูน
ของบรรดาผู้คนเหล่านี้อย่างเห็นได้ชัดเจน แม้แต่นาย สตีฟ แบนนอน ที่ถูกจัดอยู่ในประเภท Anti Semitism ก็เถอะ
นอกจากเคยมีฐานะเป็นขี้ข้า หรือเป็นลูกจ้างบริษัทวาณิชธนกิจของนักธุรกิจชาวยิวอย่าง Goldman Sachs แล้ว
ยังถือเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการนำเสนอนโยบายเมื่อช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี
ให้ย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม อันถือเป็นการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์
ซึ่งแม้อยู่ภายใต้การครอบครองของชาวมุสลิมก็ตาม...
---------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...แม้แต่ตัวประธานาธิบดีเอง เลยต้องออกมาป่าวประกาศต่อหน้าจอทีวีฟ็อกซ์ นิวส์ ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า
 “อิหร่านคือประเทศผู้สนับสนุนการก่อการร้ายอันดับ 1 ของโลก” โดยไม่ได้สนใจจะพูดถึง
ผู้ก่อการร้ายชาวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเคยบุกมาก่อวินาศกรรมตึกเวิลด์เทรด ในสหรัฐ เมื่อช่วงเหตุการณ์ 9/11 เอาเลยแม้แต่น้อย
แถมยังไม่คิดบรรจุไว้บัญชีรายชื่อ 7 ชาติมุสลิมซึ่งถูกสั่งห้ามเข้าสหรัฐ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น...
ทั้งเคยยุ เคยเชียร์ ให้บรรดาอเมริกันชน ออกมาฟ้องร้องรัฐบาลซาอุฯ ในเรื่องราวเหล่านี้ แถมยังหันไปด่า โอมาบ้า
ที่ใช้อำนาจประธานาธิบดียับยั้งร่างกฎหมายดังกล่าวไปซะอีก...
-------------------------------------------------------
แม้เพิ่งนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีแค่ไม่กี่วัน ไม่กี่ชั่วโมง แต่การออกมาแสดงความเกลียด เคียดแค้น ชิงชัง
ต่อประเทศมุสลิมอย่างอิหร่าน อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการเช่นนี้
จึงทำให้นักสังเกตุการณ์ระหว่างประเทศหลายต่อหลายราย สรุปว่า ความบ้า
ของประธานาธิบดีและคณะผู้บริหารรัฐบาลอเมริกันชุดใหม่ ก็คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากประธานาธิบดี
และคณะผู้บริหารชุดเดิมๆ คือออกไปทาง บ้าสงคราม อย่างมิอาจปฏิเสธได้
อย่างเช่น Whitney Webb นักคิด นักเขียน คอลัมนิสต์ของสำนักข่าว MintPress News ที่ถึงกับต้องร่ายบทความ
ข้อวิเคราะห์ ฟันธง เอาไว้ก่อนล่วงหน้า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ด้วยข้อเขียนที่ชื่อว่า “The Inevitable War Against Iran & the Decline of US Hegemony”....
----------------------------------------------------------
หรือสรุปง่ายๆ ว่า...ด้วยเหตุเพราะ ความเสื่อม ต่อการดำรงสถานะ ประมุขโลก
ของจักรวรรดินิยมอเมริกานั่นเองทำให้ สงคราม จึงกลายเป็นคำตอบ เป็นทางออก ทางรอด ของรัฐบาลอเมริกัน
ไม่ว่ายุคไหนต่อยุคไหน พรรคไหนต่อพรรคไหน หรือคนไหนต่อคนไหน จะเป็น โอมาบ้า เป็น ฮิลลารี หรือเป็น ทรัมป์ ฯลฯ
สุดท้ายย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้อง บ้าสงคราม ซะทุกทีไป อันอาจส่งผลให้สงครามกับอิหร่านในระยะต่อไป
อาจต้องกลาย เป็น สงครามที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ตามข้อมูล หลักฐาน ข้อวิเคราะห์ที่นักคิด นักเขียน รายนี้
เธอได้ไล่เรียงเอาไว้เป็นฉากๆ จริง-ไม่จริงก็ลองไปหาอ่านกันเอาเอง...
--------------------------------------------------------
ซึ่งก็แน่ล่ะว่า...ถ้าหาก ทรัมป์ และสหาย ไม่ได้คิดจะบ้าในเรื่อง กำแพงเม็กซิโก แต่หันมา บ้าสงคราม
ด้วยการเปิดฉากทำ สงครามที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ กับอิหร่านกันจริงๆ แล้วล่ะก็
โอกาสที่จะ ฉิบหายกันไปทั้งโลก ย่อมมีสูงเอามากๆ
เพราะบรรดาพันธมิตรที่ยืนเคียงบ่า เคียงไหล่ อย่างเหนียวแน่นกับอิหร่าน
ไม่ว่ารัสเซียหรือจีนคงไม่คิดจะ เอาซุกหีบ อยู่แล้วแน่ๆ!!! เนื่องจาก เชื้อบ้า ของคณะผู้บริหารชุดใหม่ของอเมริกา
มันทำท่าว่าอาจลุกลามระบาดไปถึงบรรดาประเทศเหล่านี้ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์
จีนนั้น...นอกจากถูกยั่วยุ ท้าทาย มาโดยตลอด อาจหนีไม่พ้นต้องเปิดฉาก สงครามการค้า กับสหรัฐ ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า
ส่วนรัสเซียนั้น....แม้ว่าตัวประธานาธิบดีอเมริกัน จะหยอดคำพูดหวานๆ ปานประดุจอยาก จูบปาก
ประธานาธิบดี ปูติน แห่งรัสเซียเสียเหลือเกิน แต่โดยทางการปฏิบัติแล้ว
การเติมกำลังทหารสหรัฐกองพันแล้ว กองพันเล่า เข้าประชิดติดพรมแดนรัสเซีย
สะท้อนอาการว่าไม่ได้แค่คิด ตบ-จูบ...ตบ-จูบ เท่านั้น
 แต่อาจถึงขั้น ตบ-ถีบ...ตบ-ถีบ ได้เสมอๆ...
------------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...ถ้าหาก สงครามอิหร่าน กลายเป็น สงครามที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
ตามที่คุณ Whitney Webb เธอคาดการณ์เอาไว้แล้วล่ะก็ นั่นย่อมหมายถึง สงครามโลกครั้งที่ 3
ที่ใครต่อใครเคยคิดว่าน่าจะซาๆ ลงไปแล้วเมื่อ แม่มดกระหายเลือด อย่าง ฮิลลารี
ไม่มีโอกาสผงาดขึ้นเป็นประธานาธิบดี เนื่องจากบรรดาอเมริกันชนหันไปเลือก
นักธุรกิจติ๊งต๊อง กันแทนที่ แต่เอาไป-เอามา...โลกก็ยังหนีไม่พ้นกลิ่นอายของสงครามอยู่อีกนั่นแหละ
ด้วยเหตุเพราะ จักรวรรดินิยมอเมริกา มันคือจักรวรรดิที่ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ!!!
-----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Plato (อีกครั้ง)...
“Only the dead have seen the end of war.-
มีแต่คนตายเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสได้เห็นอวสานแห่งสงคราม...”.

Cr: thaipost.