พิมพ์หน้านี้ - จอ LCD มีความจำเป็นไหม แล้วถ้าจะใช้ควรเลือกแบบไหนดี : ตอนที่ 2

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่21"

ห้องคอมพิวเตอร์ => ●เมนบอร์ด &Hardware => ข้อความที่เริ่มโดย: winai4u-LSV team ที่ พฤษภาคม 22, 2007, 11:16:29 PM



หัวข้อ: จอ LCD มีความจำเป็นไหม แล้วถ้าจะใช้ควรเลือกแบบไหนดี : ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: winai4u-LSV team ที่ พฤษภาคม 22, 2007, 11:16:29 PM
ี้เราจะมาต่อเรื่อง วิธีการดูสเปกของจอ LCD เวลาเลือกซื้อว่า ควรดูที่ตรงไหน และพิจารณาส่วนใดเป็นพิเศษ เพราะถึงแม้ว่าจอ LCD จะมีหน้าตาและรูปร่างคล้ายกัน แต่คุณสมบัติและความสามารถก็แตกต่างกันไปตามราคา คุณภาพวัสดุที่ใช้ผลิต และความสามารถในการแสดงผล เดี๋ยวเราจะมาไล่ดูกันทีละเสปก
   
ก่อนอื่น หลายคนสงสัยว่า เรื่องความทนทานของจอ LCD นั้น เมื่อเทียบกับจอ CRT แล้วจะเป็นอย่างไร ก็คงต้องบอกว่า ปัจจุบันนี้ อายุการใช้งานของตัวจอ LCD และแบ็กไลท์ของมันนั้น จะมีช่วงของเวลาอยู่ที่ 6-8 หมื่นชั่วโมงใช้งาน นั่นหมายถึงถ้าจอผ่านการ QC มาอย่างดี และมีสภาพการใช้งานปกติ คือเปิดใช้งาน 8 ชม.ต่อวัน ก็จะสามารถใช้ได้มากกว่า 20-25 ปี ในขณะที่จอแบบ CRT ส่วนใหญ่พอใช้ไปสัก 5-6 ปีก็เริ่มจะออกอาการเจแล้ว  คือ รวน ภาพไม่นิ่ง หรือไม่ก็สีเพี้ยน แต่สำหรับ LCD แล้วโอกาสเกิดขึ้นนั้นยากกว่า ดังนั้น ผมเลยตั้งข้อสันนิษฐานว่า ด้วยความทนทานนี่เอง ในอนาคตอันใกล้นี้ จอ LCD มือสองน่าจะเป็นทางออกที่น่าสนใจพอสมควรสำหรับคนที่มีงบประมาณไม่มาก
   
กลับมาที่เรื่องสเปกกันครับ เรามาดูว่า จอ LCD จะมีสเปกอะไรที่ควรดูบ้าง
   
Aspect Ratio : อันนี้เป็นค่าที่จะบอกว่า จอของเรามีรูปทรงของการแสดงผลเป็นอย่างไร เช่น มาตรฐานของมอนิเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปนี้จะอยู่ที่ 4:3 คือ ด้านกว้าง 4 ต่อความสูง 3 ส่วน แต่ถ้าเป็นจอภาพแบบ Wide screen ก็จะมีสัดส่วนเป็น 16 : 9 คือ เป็นจอทรงยาวเหมาะกับการเอามาดูภาพยนตร์มากกว่าทำงานทั่วไป ข้อดีคือ ถ้าเป็นจอ Wide ขนาด 17 นิ้ว ก็มีพื้นที่ในการแสดงผลมากกว่าจอ 15 นิ้วธรรมดามากกว่า 120 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าตัวที่แพงกว่าพอสมควร
   
Resolution : ค่าความละเอียดการแสดงผล ขึ้นอยู่กับขนาดที่เหมาะสมด้วย เช่น ถ้าเป็นมอนิเตอร์ขนาด 15 นิ้ว ค่าความละเอียดที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 1,024×768 พิกเซล แต่ถ้าเป็น 17 นิ้วก็อาจจะเป็นค่าเดียวกันหรือสูงกว่าคือ 1,280×1,024  พิกเซล เรื่องนี้สำคัญทีเดียว เพราะสำหรับ LCD นั้นเราต้องเลือกค่าความละเอียดที่เหมาะกับการทำงานของเราก่อนซื้อ เนื่องจากเป็นแบบ Fixed Pixel คือ ถ้าโรงงานเซตมาที่เหมาะสมเท่าไหร่ นั่นคือค่าจริงที่มอนิเตอร์จะแสดงผลได้ลงตัว และชัดเจนที่สุด (ในขณะที่ค่าอื่นเป็นการจำลองการทำงาน ถ้าเลือกใช้จะทำให้ภาพออกมาดูเบลอได้) ทั้งนี้ในกรณีที่คุณเอามาใช้ทำงานทั่วไป เช่น งานออฟฟิศ เล่นเน็ต ดูหนัง เล่นเกม ฯลฯ ค่าความละเอียด 1,024×768 จะเหมาะสมมากที่สุด แต่ถ้าเอามาใช้ในการออกแบบ งาน CAD-CAM หรือ กราฟิก ค่าความละเอียดที่สูงระดับ 1,600×1,200 พิกเซล (จอขนาด 19 นิ้ว) ก็น่าจะเหมาะสมและลงตัวมากกว่า
   
View Angle :  เป็นค่าของมุมมองที่สามารถมองจอมอนิเตอร์เห็นชัดเจน ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 120-140 องศา วิธีวัดก็คือ ให้เรายืนอยู่ตรงหน้าจอเป็นแนวตรง แล้วเอาตัวเลขมุมมองที่ได้มาหารสอง เช่น ถ้าจอที่เราจะซื้อมีมุมมองที่ 140 ก็คือ ให้แยกเป็น ซ้าย 70 และขวา 70 นั่นคือมุมมองที่สามารถมองจอในด้านข้างได้ชัดเจน ถ้าเกินกว่านั้นก็จะเริ่มมองไม่ชัด หรือมองไม่เห็นเลย สำหรับจอ LCD ที่ดีนั้น ควรมีมุมมองที่กว้างทั้งแนวตั้งและแนวนอน เพราะในกรณีที่นั่งดูคนเดียวก็คงไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ในบางครั้งที่ต้องดูจอมากกว่า 1 คน เช่น การพรีเซ็นเทชัน หรือโชว์อะไรให้ใครดู ก็คงไม่สะดวกนักถ้าต้องมาหมุนจอไปมาเพื่อให้คนอื่นมองเห็นด้วย ค่า View angle นี้ใช้ได้กับจอ LCD ทั้งของเดสก์ทอป และโน้ตบุ๊ก
   
Contrast Ratio : ค่าความสว่าง ที่มีตัวเลขออกมาเป็น 250 : 1 หรือ 400 : 1 ค่านี้คือค่าความต่างที่มอนิเตอร์ตัวนั้นสามารถแสดงผลสีขาวที่สว่างที่สุด กับสีดำที่มืดที่สุด ค่ายิ่งมากก็ยิ่งดี เพราะจะชี้ให้เห็นว่าจอนั้นสามารถแสดงผลได้ชัดเจน แม้ว่าจะมีแสงจากภายนอกมารบกวนได้ดีกว่า ส่วนใหญ่จอ LCD นั้นแม้แต่จอที่ราคาถูก ๆ คุณภาพปานกลางก็จะแสดงผลในห้องที่มีแสงน้อยได้ดีมากอยู่แล้ว แต่กลุ่มนี้พอมาอยู่ในห้องที่มีแสงมาก หรือใช้ร่วมกับการแสดงผลที่มีภาพเคลื่อนไหวตลอด เช่น การเล่นเกม การดูหนัง ฯลฯ ก็มักจะมองยาก หรือมองแทบไม่เห็นเลย ซึ่งเสียสายตามากทีเดียว ดังนั้น ในงบประมาณที่เท่ากัน ควรเลือกซื้อจอที่มีค่า Contrast Ratio สูงที่สุด จะดีกว่า
   
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์